วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2561

บทที่ 34: สร้างตลาดริมทะเล


บทที่ 34: สร้างตลาดริมทะเล
ไก่ในตำนานและ แมวอ้วน แปล

เมื่อโมอูจิตื่นขึ้นมา หยวนเสิ่นยี และน้าสิบเอ็ด ก็ไม่ได้อยุ่ที่นั่นอีก เหลือเพียง ติงบู้เอ้อ ที่นอนอยุ่กับเขาในกระโจม

แม้จะดื่มทั้งคืน โม่บ่อกี้ กลับไม่รู้สึกหิวโหย แต่ร่างกายของเขารู้สึกผ่อนคลายมาก อย่างเห็นได้ชัดว่าเหล้าของ หยวนเสิ่นยี นั้นมีสรรพคุณดีจริงๆ

ดูเหมือนว่าความกดดันและความคับข้องใจทั้งหมดที่สะสมมาเป็นเวลานานจะถูกปลดปล่อยไป โม่บ่อกี้ รู้สึกขอบคุณ หยวนเสิ้นยี และ น้าสิบเอ็ด เป็นอย่างมาก ทั้งสองคนเป็นคนที่เขาสนิทสนมอย่างรวดเร็ว

โม่บ่อกี้ เปิดกระเป๋าออกดูเปิดกระเป๋า ยาเปิดชีพจรยังอยู่ครบ


โม่บ่อกี้ รู้สึกว่าได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มและฟื้นฟูที่สุด เขาจึงลุกขึ้นแล้วหยิบขวดยาเปิดชีพจรขึ้นดื่มขวดหนึ่ง หลังจากเปิดชีพจรครั้งแรกแล้วเขาไม่กล้าเปิดจุดชีพจรที่สองอีก เนื่องจากสภาพร่างกายที่ย่ำแย่ของเขา แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาได้รับการพัผก่อนอย่างเต็มที่ และสภาพร่างกายในปัจจุบ้นนี้อยู่ในสภาพยอดเยี่ยม นี่คือเวลาที่ดีที่สุดในการดื่มยาเปิดจุดชีพจร


เขารู้สึกถึงกระแสไฟที่วิ่งอยู่ในตัวเขา และสัมผัสถึงเส้นชีพจรที่สองที่ขยายกว้างขึ้น
โม่บ่อกี้กำหมัดแล้วพยายามผ่อนคลายตัวเองให้มากที่สุด หากผลของยานี้ยังใช้ได้ผล เขาจะต้องกลายเป็นอัฉริยะ เป็นเเน่?

แต่น่าเสียดายหลังจากสองชั่วโมงผ่านไปเเล้ว ฤทธิ์ยาก็หายไป มันเป็นเช่นเดียวกับที่เขาพยายามจะเปิดจุดชีพจรครั้งแรกทำให้จุดชีพจรที่สองของเขาอุดตัน

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้โม่บ่อกี้ ยังคงสงบจิตใจได้มากขึ้น เห็นได้ชัดว่ายาเปิดช่องทางเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะเปิดจุดชีพจรได้ สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือการหาทะเลสาบฟ้าผ่าและใช้ฟ้าผ่าเพื่อเปิดจุดชีพจรที่สองของเขา

วิธีนี้อาจที่โหดร้ายกับตัวเองไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็ได้ผลดี

โม่บ่อกี้ ไม่ได้ตั้งใจที่จะโดนฟ้าผ่า สายฟ้าฟาดนี้อาจกระทบเขาให้ตายได้โดยตรง ถ้าเพียง แต่เขามีตำราหรือเทคนิคการเพาะปลูกแล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ร่างกายของเขาเจ็บปวดเพียงเพื่อเปิดจุดชีพจร

"บ่อกี้ เจ้าลุกขึ้นและล้างหน้าเถอะเราจะไปที่ ตลาดนัด กัน" ติงบู้เอ้อวิ่งด้วยความตื่นเต้นเข้ามา

ตลาดนัดรึ? โม่บ่อกี้ถามอย่างงง ๆ  

ติงบู้เอ้อ หัวเราะและพูดว่า "ฮ่าฮะเจ้าคงไม่รู้เรื่องนี้  ข้ารู้แค่ว่าพี่ชายของ เสิ่นยี จะพาข้าไปที่นั่น ตลาดนัด มันเป็นตลาดที่ผู้คนจำนวนมากที่เดินทางมาจากทั่วหล้า  มาชุมนุมกันที่นี่เพื่อไปที่ เฉิงลู่ มีคนมากมายอยากจะซื้อของในขณะที่อีกหลายคนก็อยากที่จะขายสินค้า ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งร้านค้าชั่วคราวนี้ไว้ที่ ตลาดนัด เมื่อเรือไปถึง ฉางลู่ หมดเเล้วเมื่อนั้นตลาดก็จะวาย*ไปเอง"

          "
ข้าอยากจะเห็นมันจริงๆ แล้วข้าจะไปล้างหน้าได้ที่ไหนล่ะ" โม่บ่อกี้ พูดเร็วปรื๋อ ตลาดนี้จะทำให้เขาได้เปิดหูเปิดตาสู่โลกกว้าง คนที่มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้เพาะปลูก การเยี่ยมชมตลาดนี้จะช่วยให้เขาเข้าใจการเพาะปลูกได้ดีขึ้น

ติงบู้เอ้อ ชี้ไปที่ทะเล "เอาตรงนั้นก็ได้"

โม่บ่อกี้ ได้แต่งงกับคำพูดของ ติงบู้เอ้อ "น้ำทะเลมันเค็มนะ เจ้าจะให้ข้าล้างหน้าที่นั่นเรอะ

ติงบู้เอ้อ หัวเราะ "ใครบอกล่ะว่าน้ำทะเลจะต้องเค็ม ที่นี่เป็นทะเลน้ำจืด ไม่เห็นคนเยอะแยะมาอาบน้ำกันเหรอ"

ทะเลน้ำจืด ที่โลกเดิมของ โม่บ่อกี้ นั้นไม่เคยมีทะเลน้ำจืดเกิดขึ้นมาก่อน อย่างน้อย โม่บ่อกี้ ก็ไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้ นั่นเพราะจักรวาลมีมากมายและมีดาวเคราะห์หลายดวง มีหลายสิ่งที่เขาไม่รู้


ครึ่งชั่วโมงต่อมาโม่บ่อกี้ และ ติงบู้เอ้อ ก็ไปถึงตลาดนัด

พวกเขามองไปรอบๆ มีผู้คนขวักไขว่ไปมาหนาเเน่นมากมาย ได้ยินเสียงตะโกนขายสินค้าเสียงดัง มันเป็นฉากที่มีชีวิตชีวาจริงๆ

บ่อกี้ เจ้าเห็นนั่นไหม ยาอายุวัฒนะ หายากนั้น ต้องยอมรับว่ายาชั้นเลิศเยี่ยงนี้ แน่นอนว่าต้องมีราคาที่สูงอุกอาจมาก ราคาถูกที่สุดต้องจ่ายหลายร้อยเหรียญทองและราคาระดับกลางต้องจ่ายอย่างน้อยหมื่นเหรียญทอง ข้าเห็นแม้แต่ผลไม้เบิกเนตรนั้น วางขายอยู่ราคาห้าแสนเหรียญทอง ... ตรงนั้นทุกคนกำลังรวมตัวกันอยู่ข้าคิดว่ามันยังไม่ได้ถูกขายออกไป " ติงบู้เอ้อชี้ไปที่กลุ่มที่อยู่ไม่ไกล

"ลองไปดูกันเถอะ" โม่บ่อกี้ รีบเดินไป

โม่บ่อกี้ และ ติงบู้เอ้อ เข้าไปในกลุ่มคนและเห็นชายคนหนึ่งที่มองมาอย่างไม่ค่อยเป็นมิตร ด้านหน้าของเขาเป็นหินขนาดใหญ่ บนแผ่นหินนั้นมีขวดแก้วใสและโปร่งแสง ในขวดแก้วนั้นเป็นผลไม้ขนาดของกำปั้นของทารก

ผลไม้ก็ใส ในความเป็นจริง โม่บ่อกี้ จะคิดว่ามันเป็นคริสตัลถ้าหากว่าเขาไม่เห็นใบที่กำลังเติบโต

         
โธ่ เพื่อนข้าราคา ห้าแสน เหรียญทองของเจ้ามันก็แพงเกินไป ข้าว่าสัก สองแสน เหรียญทองก็แล้วกันนะ ข้าให้เหรียญทองได้มากที่สุดก็เท่านี้เอง

เจ้าของผลไม้ผลึกแก้วใส ไม่พูดอะไรเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินข้อเสนอใดๆ
ทำไมเจ้าถึงไม่พูดอะไรล่ะ" ชายที่ต่อรองพูดด้วยน้ำเสียงหนักๆ


เจ้าของร้านใช้สายตาที่เฉยเมยมองไปที่ผู้ต่อราคาแล้วพูดว่า "เจ้าใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงเพื่อยกข้อเสนอของเจ้าจาก หนึ่งแสนห้าหมื่นเหรียญทอง ไปเป็นสองแสนเหรียญทอง เจ้าจะใช้เวลามากกว่านี้เพื่อเพิ่มราคาของเจ้า ไม่ต้องมาบอกให้ข้าพูดอะไร เพราะข้าจะไม่ยอมขายต่ำกว่าห้าแสน"

ย้อนกลับไปที่โรงกลั่นยาด่านฮั่น โม่บ่อกี้ อ่านหนังสือจำนวนมากและอาจเรียกได้ว่า ค่อนข้างมีความรู้ อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยเห็น ผลไม้แก้วผลึก มาก่อน


"ผลไม้แก้วผลึก สามารถนำไปกลั่นทำ น้ำยาแก้วผลึก และแม้แต่ตัวมันเองก็เรียกว่าเม็ดยาแก้วผลึก มีราคาเพียง ห้าแสน เหรียญทองเท่านั้น การรับประทานผลนี้เพียงอย่างเดียวก็สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสายตาได้ แต่ก็มีผลกระทบเป็นอย่างมาก ประสิทธิผลก็ต่ำกว่ายา สหายเอ๋อ เจ้าต้องเรียนรู้และจดจำเนื้อหาให้ดี"

ข้ารู้มาว่าการรับประทานผลไม้นี้จะทำให้มองในระยะ 100 เมตรได้อย่างชัดเจนแม้กระทั่งในคืนที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ติงบู้เอ้อ กระซิบกระซาบอุ่ข้างหูของ โม่บ่อกี้
โม่บ่อกี้ สูดหายใจลึกๆ ประสิทธิผลของผลไม้นี้ยอดเยี่ยมมาก? และผลไม้นี้มีมูลค่ามากกว่า ห้าแสนเหรียญทองแน่นอน ถ้าเขามีเหรียญทองถึงห้าแสน เขาจะไม่ยอมเสียเวลาต่อราคาและซื้อมันทันทีแน่นอน

โม่บ่อกี้ นึกขึ้นมาได้ว่าเขายังมีส่วนผสมทางจิตวิญญาณอื่นอยู่ด้วย หญ้าอัคคีสองใบ ก่อนหน้านี้เขาให้ฮันหนิงเพียงสองต้นเท่านั้นดังนั้น เขายังเก็บไว้กับตัวอีกต้นหนึ่ง

         
อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ถึงประสิทธิภาพของหญ้าอัคคีสองใบและไม่ทราบว่ามันจะมีคุณค่าเท่า ผลผลึกแก้ว หรือไม่


มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ... ผลไม้ที่ทรงคุณค่าปานนี้ ทำไมคนที่ดูไม่เป็นมิตรเช่นนี้ ถึงเต็มใจที่จะขายมัน? อีกทั้งเขายังขายมันก่อนที่จะถึงเมืองหลวง มิเช่นนั้นเขาจะขายมันได้ในราคาที่สูงกว่านี้ คนส่วนใหญ่ที่นี่เป็นเพียงแค่คนงานภายในบ้าน จึงเป็นเรื่องยากสำหรับเขา ที่จะหาคนที่มีเงินมากพอที่จะซื้อผลไม้แก้วผลึกนี้


"เชื่อเถอะว่าข้าอยากได้ผลไม้นี้จริงๆ แต่ข้าไม่ได้มีเหรียญทองมากมายขนาดนั้น ... " เสียงหนึ่งกังมาแต่ไกล

รู้สึกราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นกดดันให้ โม่บ่อกี้ และ ติงบู้เอ้อ ถูกผลักไปทางด้านข้าง ผู้คนถูแหวกออกเป็นทางด้วยพลังที่มองไม่เห็น และตามมาด้วยคนผู้หนึ่งที่สะพายดาบบนหลัง มีดาบเล็กๆ สีทองปักไว้ที่มุมเสื้อ

"ท่านเซียนท่านนี้จากประตูดาบโบราณอย่างนั้นรึ" คนที่ดูไม่เป็นมิตรนั้นเพ่งมองดู และถามออกมาอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้น

ชายที่สะพายดาบบนหลังพยักหน้า "ถูกต้องข้าคือ เฟ่ย ไขว่จาง จากประตูดาบโบราณ"

หลังจากได้ยินคำพูดนั้น ชายที่ดูไม่เป็นมิตรนั่น ก็รีบส่งขวดแก้วไปให้ชายที่สะพายดาบคนนั้น เสียงของเขาสั่นเทาแล้วรีบพูดว่า "ข้ามีชื่อเล่นว่า ยันอัน ข้านั้นชื่นชมประตูดาบโบราณมาเป็นเวลานานแล้ว และข้าต้องการที่จะมอบผลผลึกแก้วนี้ ให้กับผู้อาวุโสเฟย ข้าหวังเพียงแค่ ... "

เฟยไขว่จาง จึงยกมือขึ้นขัดจังหวะคำพูดของ ยันอัน แล้วพูด ว่า "เมื่อเราไปถึง เฉิงลู่ ข้าก็สามารถหาเหรียญทองมาให้ได้ แต่ว่าข้าไม่มีความสามารถมาพอที่จะพาเจ้าเข้าประตูดาบโบราณได้หรอก"

เห็นได้ชัดว่าเขารู้ความตั้งใจของ ยันอัน และหยุดเขาไว้ล่วงหน้า

"ผู้น้อยไม่ได้ต้องการที่จะเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ ข้าขอเพียงเป็นแค่ศิษย์ฆารวาสหรือแม้แต่ศิษย์รับใช้ในประตูดาบโบราณก็ได้"


โม่บ่อกี้ จึงเข้าใจได้ในที่สุด ชายผู้นี้ไม่ได้ต้องการที่จะขายผลแก้วผลึก แต่เขาเพียงต้องการใช้เป็นโอกาสในการเข้าสู่นิกาย บางทีเขาอาจรู้ว่ารากฐานวิญญาณของเขาอาจไม่ดีพอที่จะทำให้เขากลายเป็นศิษย์ของนิกาย ในงานประตูอมตะใบไม้ผลิ
สิ่งที่คนผู้นี้ต้องการฉวยโอกาส แม้ว่าจะไม่ใช่สาวกจาก ประตูดาบโบราณ แต่เป็นศิษย์จากนิกายอื่นเขาก็จะพูดแบบนี้เหมือนกัน

นั่นคือเหตุผลของการตั้งราคาขายที่ผิดปกติถึง ห้าแสนเหรียญและไม่ยอมต่อรอง

เฟยไขว่จาง พยักหน้าและล้วงเอาแผ่นโลหะประดับไม้แผ่นหนึ่งส่งให้กับ ยันอัน" นี่เป็นป้ายส่วนตัวของข้าเมื่อไปถึง ฉางอัน เจ้าเข้าไปพบกับแผนกต้อนรับของ ประตูดาบโบราณ ได้โดยตรง"

"ครับ ท่านเซียน" ภายใต้สายตาอันชิงชังและริษยาของผู้คนโดนรอบ ยันอัน รับแผ่นไม้แล้วเดินจากไป



          *วาย แปลว่า ค่อยๆหมดไป,ค่อยๆสิ้นไปตามกำหนดหรือตามอายุเวลา


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น