วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2561

บทที่ 44: ล้อมรอบด้วยสัตว์ทะเล


บทที่ 44: ล้อมรอบด้วยสัตว์ทะเล
ไก่ในตำหมาก และ แมวหลับ แปล

"ตอนนี้เจ้าได้ทดเเทนบุญคุญหมดเเล้ว ต่อจากนี้ไปเจ้าเป็นอิสระเเล้ว" หยวนเสิ่นยี หัวเราะและพูดหลังจากที่พวกเขาเดินออกจากห้องของฮั่นหนิง

โม่บ่อกี้ หัวเราะ แต่ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา ในตอนนั้นเองเขาก็เห็น เฉาเฮ้า และ หยางจุ้นซง รีบเดินหลบหน้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ โม่บ่อกี้ มองเห็นความกังวลในแววตา ของพวกมันได้เป็นอย่างดีและบอกได้ว่าพวกนั้นจงใจ

เฉาเฮ้า มองมาที่ โม่บ่อกี้ ดวงตาของมันแฝงเต็มไปด้วย จิตสังหาร ที่ต้องการฆ่า ในทางกลับกันใบหน้าของ หยางจุ้นซง กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มขณะที่ทักทาย โม่บ่อกี้  

"นักปรุงยาโม่ ไม่พบกันนาน"

โม่บ่อกี้ ไม่สนใจจะโต้ตอบกับพวก งูพิษ และ เสือยิ้ม นี้ เขาเหนื่อยหน่ายที่เสวนากับคนพวกนี้ จึงพูดกับ หยวนเสิ่นยี ว่า "ข้าไม่ได้เป็นหนี้นาง แต่ข้าเป็นหนีชีวิตบิดาของนาง เขาไหว้วานให้ข้าดูเเลนางอย่างสุดความสามารถ เพื่อช่วยเหลือนางขณะเดินทางไปฉางลู่"

หยวนเสิ่นยี หัวเราะ "บ่อกี้ นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ข้าชอบเจ้ามากๆ บางทีอาจเป็นเพราะเจ้าเป็นคนเช่นนี้ เราจึงสามารถเป็นสหายกันได้"

……………………...

ในห้องพักรวมขณะนี้มีชายคนหนึ่งหน้าตาคล้ายลิงเดินเข้ามาและพูดจาคุยโม้โอ้อวดว่า "พวกเจ้าคิดผิดหมดเลย นั่นคือ ไป่ฮุย ตัวแทนจาก จิ้นฮั่น เเต่ไม่รู้ว่าใครกันที่ทำให้ ไป่ฮุย กับพวกวิ่งหนีหางจุกตูดออกจากห้องพักรวมเช่นนั้น ข้าเห็นเจ้าสองคนนั้นทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้เจ้าพวกนั้นน่าจะแพ้ราบคาบเลยละ"

"สองคนนั้นเก่งมากเลยหรือ" ชายหนุ่มผมทองด้านหน้าถามด้วยความตกใจ

รัฐประเทศราช มีระดับสูงกว่า จังหวัด ผู้คุ้มกันของเจ้าชายก็ควรจะแข็งแกร่งมากกว่า เเต่พวกเขากลับถูกชายเพียงสองคนเล่นงานได้?

"ในตอนแรกที่พวกเขาไปเข้าไป ผู้คุ้มกันของ ไป่ฮุย น่าจะมีจำนวนมากกว่า ...เสียด้วยซ้ำ "


เสียงที่ฮือฮาดังทั่วห้องหยุดฉับพลัน นี่เป็นเพราะตอนนี้ประตูห้องพักรวมได้ถูกเปิดออกและ โม่บ่อกี้ และ หยวนเสิ่นยี ได้เดินเข้ามา

แม้ว่าทั้งสองคนจะเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน แต่ผู้คนในห้องพักรวม กลับรู้สึก ว่าต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับพวกเขา คนที่หยุดพูดกันก็เริ่มกระซิบกระซาบข้างหู

อีกสองสามวันต่อมาห้องพักรวมก็สงบลง นอกจากความกระวนกระวายใจเป็นครั้งคราวเมื่อมีผู้หญิงเข้าไปในกระโจมเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า นอกจากนั้นคนอื่นๆในนี้ก็ดูแลเรื่องของตัวเอง และ ไม่ขัดแย้งอะไรกัน

ในช่วงแรก ห้องพักรวมนั้นเต็มไปด้วยเสียงหนวกหู แต่ว่าตอนนี้ห้องพักรวมกลายเป็นสถานที่เงียบสงบไปซึ่งทำให้ โม่บ่อกี้ ค่อนข้างพอใจ เขาได้พบกับคนดีๆสองสามคนในห้องพักรวม นอกจาก ฉินเซียงหยู ที่อ่อนโยนเเล้วเขายังได้เป็นเพื่อนกับ เด็กหนุ่มผมสีทองช่างพูดช่างคุยชื่อ หยวนจื่อ และชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ชื่อ ถัง โปเซียน  ถังโปเซียน นั้นมีบุคลิกเหมือนพวกนักวิชาการเพียงว่าเขาไม่ได้ใส่แว่นตา

ครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลานี้ ติงบู้เอ้อ มาเยี่ยมเยียน โม่บ่อกี้อยู่บ่อยๆ เเต่สาวรับใช้ของ ฮั่นหนิง เช่าหลาน กลับมาเพื่อขอบคุณ โม่บ่อกี้ ครั้งเดียว ไม่เพียงแค่นั้น แต่นางกลับไม่มีแม้แต่แววตาที่จะรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำไป โม่บ่อกี้ ใช้เวลาหลายวันกับการผ่อนคลาย เเละการหาข้อมูลทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการเพาะปลูก อีกทั้งพยายามที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พลังไฟฟ้าที่อยู่ในเส้นชีพจรของเขา

อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถสัมผัสถึง พลังไฟฟ้าที่ออกมาได้อีก ถึงเเม้ว่าเขาจะพยายามเอาชนะ หยวนเสิ่นยี แต่เขาก็ไม่ได้พยายามที่จะดึงพลังไฟฟ้าออกมา

เขายังสงสัยว่าแสงก่อนหน้านี้เป็นเหมือนกระบี่หกชีพจร [1] และสามารถใช้งานได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น เนื่องจากไม่มีใครเข้าใจถึงการฝึกฝนและการโจมตีด้วยไฟฟ้า ซึ่งเกี่ยวโยงกับการใช้ยาเผื่อเปิดจุดชีพจรของเขา   โมบ่อกี้ จึงทำได้เพียงเก็บปัญหาเหล่านีไว้ในใจเท่านั้น

มีเพียงสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจ ขณะที่ทุกคนในห้องพักรวมคุ้นเคยกับคนอื่นมากขึ้นภายในห้องก็เริ่มไม่เงียบ

บางคนเริ่มเล่นการพนันและมักจะสนุกสนานต่อเนื่องยาวนาน นั่นทำให้ โม่บ่อกี้ เหนื่อยใจจริงๆ เขาเข้าใจดีว่าห้องพักรวมจะต้องเสียงดัง แต่เขาก็ยังไม่คุ้นเคยกับสภาพภายในห้องที่มีเสียงดังเช่นนีั้

ในวันนี้โม่บ่อกี้ ยังไม่ได้ผลอะไรหลังจากทำงานมาครึ่งวัน จู่ๆ หยวนจื่อ ก็พรวดพราดเข้ามาแล้วพูดว่า "พี่หยวน พี่โม่ ข้าได้ข่าวใหญ่มา ข้าได้ยินมาว่าจะมีการประมูลสินค้า ที่ชั้นสองบางทีอาจจะมีการประมูลตำราการเพาะปลูกอยู่... "

โม่บ่อกี้ ต้องการที่จะรู้ถึงแก่นสารของพลังภายในร่างของตนเอง ลืมตาขึ้นมาทันที ตำราการเพาะปลูก นี้เป็นสิ่งที่เขาฝันถึงมาตลอดไม่ใช่รึ

"เป็นเพียงเเค่คนรับใช้ กลับโลภสิ่งที่อยู่ในการประมูล ..." คนเสื้อคลุมสีแดงเดินเข้ามาและกล่าวอย่างเหยียดหยาม
ชายคนนั้นจู่ ๆ ก็หยุดพูดอย่างกะทันหันขณะที่เขาเห็นบางอย่างที่สะดุดตา นั่นคือเสื้อปักของ ฉินเซียงหยู ที่อยู่บนเตียง และตอนนี้เตียงของนางถูกล้อมเป็นกระโจมเล็กๆ และเห็นได้ชัดว่ามีคนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยุ่ข้างใน

เขาตัดสินใจ รีบวิ่งไปเปิดกระโจมของ ฉินเซียงหยู ออก

"เจ้าต้องการอะไร?" ฉินเซียงหยู ส่งเสียงตวาดทันที โชคดีที่นางได้เปลี่ยนเสื้อผ้าของนางเสร็จสิ้นแล้ว

"เป็นหญิงสาวที่งดงามไม่เบาดีนี่ ... ข้าชอบต่อจากนี้ไป เจ้าไม่ต้องอยู่ที่นี่อีกแล้วไปกับข้าเถอะ ... " ชายเสื้อแดงหัวเราะอย่างหื่นกระหาย แล้วยกมือขึ้นเพื่อคว้า ตัว ฉินเซียงหยู

เมื่อนางสะบัดมือซ้าย  สายลมก็กรรโชกหมุนวนมองเห็นเป็นสีม่วงจางๆ ทำให้ชายเสื้อแดงร้องออกมาด้วยตกใจและรีบถอยออกมา

          แต่เขาดันถอยไปทางที่ โม่บ่อกี้ อยู่และโม่บ่อกี้ก็ไม่ลังเลที่จะเตะเขาด้วยความโกรธ

ชายคนนี้กำลังจะลวนลาม ฉินเซียงหยู อีกครั้งจึงคิดไมาถึงว่า โม่บ่อกี้ จะกล้าทำกับเขาเช่นนี้

ชายคนนี้มีฝีมือไม่เลว แม้จะเคลื่อนไหวเชื่องช้า เเต่ก็ยังบิดตัวไปพื้นที่ว่างระหว่างเตียงได้อย่างรวดเร็ว

แล้วจึงชี้ไปที่โม่บ่อกี้แล้วถามว่า "เจ้าเป็นไคร"

โม่บ่อกี้ เลื่อนมือไปดึงมีดที่ขาของเขาอย่างรวดเร็ว หยวนเสิ่นยี ก็ยืนขึ้นและขยับมายืนข้าง โมบ่อกี้

ในมือของ ฉินเซียงหยู มีหอกสีม่วงอ่อนเพิ่มขึ้นมา

ที่นี่ใช่ห้องพักรวมจริงๆหรือ ชายเสื้อแดงคิดว่าเขาเข้ามาผิดที่ เจ้าพวกนี้ก็แค่คนรับใช้.... ทำไมพวกมันถึงแข็งแกรง่งนัก จากที่เคยไปห้องพักรวมอื่นๆ ไม่มีใครเคยกล้าทำกับเขาแบบนี้

ขณะที่จะเตรียมตัวเรียกหาสมุนของเขา เรือก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง ทุกคนมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างตกใจ  จนลืมเรื่องการเผชิญหน้าในปัจจุบัน

เรือยักษ์นี้แล่นมาได้ครึ่งเดือนและไม่เคยมีอาการสั่นรุนแรงเช่นนี้

"เรือกำลังถูกโจมตี สมาชิกหน่วย ทะเลใบไม้ผลิ หยิบอาวุธของเจ้าและไปพบกันที่ดาดฟ้าหลักทันที ถ้าใครไม่มาหรือล่าช้าผู้นั้นจะถูกโยนลงในทะเล"

เมื่อได้ยิน ชายเสื้อแดง ไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป  เขาหันกลับและรีบวิ่งออกจากห้องพักรวมทันที

การสั่นสะเทือนของเรือยิ่งรุนเเรงมากขึ้น  หยวนเสิ่นยี กล่าวอย่างกังวลใจว่า "บ่อกี้ เราอาจกำลังถูกโจมตีโดยสัตว์ทะเลก็ได้ ไปกันเถอะ"

ในเวลานี้เจ้าของห้องทุกคนก็ต่างก็คว้าอาวุธของพวกเขาและรีบวิ่งไปที่ดาดฟ้าหลัก

เมื่อ โม่บ่อกี้ และ หยวนเสิ่นยี ไปถึงดาดฟ้าหลัก พวกเขาถึงกับอ้าปากค้าง โม่บ่อกี้ ไม่เคยเห็นสัตว์ทะเลขนาดใหญ่มาก่อน "ทะเลใบไม้ผลิ" อันยิ่งใหญ่ล้อมรอบไปด้วยสัตว์ทะเลจากทุกสารทิศ สัตว์ทะเลเหล่านี้มีหกขา มีหนามสั้นและแหลมคมขึ้นบนหลัง เมื่อดวงอาทิตย์ส่องลงบนเกล็ดหนาของพวกมัน จะเห็นประกายสีน้ำเงินเข้ม ทำให้ดูหนาและคมวาว

สิ่งที่ทำให้ โม่บ่อกี้ ประหลาดใจมากยิ่งขึ้นก็คือเมื่อสัตว์ทะเลเหล่านี้เริ่มพ่นสายฟ้าออกมา มันเหมือนกับฟ้าแลบบนโลก บางคนพลาดท่าในการหลบสายฟ้า พวกเขาล้มลงกับพื้นและร่างกายของพวกเริ่มชักกระตุก ถ้าโดนสายฟ้าที่สองพวกเขาคงตายเเน่นอน

แต่มันไม่ได้มีเพียงเเค่สัตว์หกขาเท่านั้น พวกมันยังมีสิ่งมีชีวิตคล้ายคางคกเจ้าพวกนี้มีลิ้นยาวมาก หนึ่งในพวกมันใช้ลิ้นยาวเพื่อห่อดาบของคน แล้วดึงมันกลับเข้าไปในปากและกลืนลงไป

"เราเจอกับฝูงจระเข้สายฟ้าหกขา อย่าให้ขาทั้งหกของพวกมันเหยียบบนเรือนี้ได้ จำเอาไว้จุดอ่อนของพวกมันอยู่ด้านล่างของคอพวกมัน ส่วนอื่นๆ ของมันเเข็งเหมือนเหล็ก โจมตีได้เเค่ใต้ลำคอของพวกมันเท่านั้น..." ชายที่ดูธรรมดาคนหนึ่ง ตะโกนออกมา ระหว่างที่เขากระโดดลงมาจากชั้นสาม ขณะที่กำลังพูดอยู่มีดของเขาก็พุ่งไปถึงจระเข้สายฟ้าหกขาแล้วผ่ามันผ่าออกเป็นสี่ชิ้น

โม่บ่อกี้ ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน เขาไม่ได้โจมตีด้านล่างของคอหอยของจระเข้ จากที่ดูเเล้วความสามารถของเขานั้นแน่นอนว่าต้องเป็น ปรมจารย์เซียน
ขณะนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของใครบางคนดังมา เพียงพริบตา โม่บ่อกี้ หันหน้าไปเขาเห็น จระเข้สายฟ้าหกขา พุ่งเข้าหา ในขณะเดียวกันสายฟ้าก็เเล่นพุ่งเข้าหาเขา

////////////////////////////////////////////////////////

[1] กระบี่หกชีพจรของต้วนอี้ เป็นหนึ่งในตัวละครของ แปดเทพอสูรมังกรฟ้า ของ กิมย้ง

หนีไปเล่นสงกรานต์ตั้งหลายวันอิอิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น