วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2561

บทที่ 50: เคล็ดวิชาเซียน



    Immortal  จอมราชันย์อัมตะ

                 ผู้แต่ง: Goose Five  ผู้แปล : ไก่ในตำนาน เเละ เเมวนอ้วน



ฝากคอมเมนให้กำลังใจ ด้วยครับ จะพยายามๆแปลเเละลงให้ทุกวันครับ
สามารถเข้ามาพูดคุยเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ที่  



บทที่ 50: เคล็ดวิชาเซียน
ไก่ตุ๋นโสม และ แมวง่วง แปล


หลังจากพักหนึ่งคืน โม่บ่อกี้ ก็ออกจากที่นั่นแล้วมุ่งหน้าไปที่ เรือนวานิชแห่งลั่วไห่

กว่าจะถึงงานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะ[1] ยังมีเวลาเหลืออีกหนึ่งเดือน ดังนั้นโม่บ่อกี้ จึงตัดใจไปดูการประมูลที่มีตำราบ่มเพาะที่เขาต้องการ หากไม่สามารถซื้อมาได้ ก็ไม่เป็นไร เพราะการเข้าไปดูเฉยๆ ไม่น่ามีอันตรายใดๆ

สำหรับเรื่องการผลิตยาเปิดจุดชีพจรเพิ่มนั้น  โม่บ่อกี้ ไม่ได้กังวลสิ่งใด  ถึงแม้ว่าเขาจะมียายาเปิดชีพจรได้ แต่ถ้าไม่มีสายฟ้าช่วยก็ไม่มีประโยชน์

ความสมถะของ เรือนวานิชแห่งลั่วไห่ ช่างแตกต่างกับ โรงเตี๊ยมนภาลัย อย่าสิ้นเชิง รูปปั้นสัตว์อสูรสองตัวที่ไม่รู้จักยืนเด่นอย่างดุดันอยู่หน้าประตูทางเข้าที่กว้างขวางของร้าน ซึ่งกำลังพลุกพล่านและเต็มไปด้วยผู้คน ขณะที่ โม่บ่อกี้ เดินตามฝูงชนเข้าไปในร้านเขาได้กลิ่นหอมของยาในทันที

สินค้าในชั้นแรกเต็มไปด้วยยามากมายจัดไว้อย่างเรียบร้อยในตู้ที่สะอาดและโปร่งใส ด้วยการสังเกตคร่าวๆนับว่ามีอยู่อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ชื่อของยาพร้อมกับคุณสมบัติ ระดับยา รวมทั้งส่วนผสม ชื่อของผู้ผลิตและแม้แต่สมุนไพรหลักที่เข้าสู่การผลิตทั้งหมด ได้รับการระบุไว้อย่างชัดเจน

ก่อนหน้านี้ โม่บ่อกี้ เคยไปสำรวจร้านขายยาของเมือง ราวโจว แต่เมื่อเทียบกับที่นี่ ร้านขายยาในราวโจว เป็นแค่ร้านขายอาหารเสริมเท่านั้น

หลังโต๊ะยาวมีคนนั่งนิ่งอยู่ เขาคือผู้ดูเเล ตราบใดเท่าที่ลูกค้าไม่ได้สอบถามเกี่ยวกับราคา ผู้ดูเเลจะนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้น อย่างไรก็ตามเมื่อลูกค้าได้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมแล้ว ผู้ดูเเลก็จะตอบกลับด้วยคำแนะนำและข้อเสนอแนะของเขาทันที

โม่บ่อกี้ เกลียดการเข้าไปในร้านที่พนักงานวุ่นวายจนไม่สนใจลูกค้า ถึงแม้เขาจะไม่ได้ต้องการที่จะซื้อสินค้าใดๆก็ตาม  

หลังจากเดินรอบๆ โม่บ่อกี้ ไม่ได้ซื้อยาใดๆ เพราะยาเพียงตัวเดียวที่เขาสามารถซื้อได้ คือยารักษาโรคที่ถูกที่สุดซึ่งมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อยร้อยเหรียญทอง ประสิทธิภาพของยาเหล่านี้ไม่น่าจะดีกว่า เพนมิซิลิน ของเขา

หลังจากมองยาเหล่านี้ โม่บ่อกี้ เริ่มเห็นถึงคุณค่าของการปรับปรุงคุณสมบัติของ เพนมิซิลิน เมื่อ เพนมิซิลิน  ถูกผลิตขึ้นมันมีค่าใช้จ่ายเพียงไม่กี่เหรียญเงินบางทีอาจแค่ไม่กี่เหรียญทองสัมฤทธิ์เท่านั้น ทั้งที่ประสิทธิภาพของ เพนมิซิลิน ไม่ต่างจากยาเหล่านี้มากนัก
โม่บ่อกี้ ขึ้นไปที่ชั้นสอง ซึ่งมียาเหมือนชั้นแรก จากพิจารณาบรรจุภัณฑ์และรูปลักษณ์ที่สวนงามของพวกมันเเล้ว พวกมันดูดีกว่าบรรจุภัณฑ์ธรรมดาในชั้นแรก

เขาไม่ได้เดินดูอีกต่อไปเพราะยังไงเขาก็ไม่มีเงินพอที่จะจ่าย

บนชั้นที่สาม โม่บ่อกี้ มองเห็นตำราบ่มเพาะ เขาจึงรีบตรงไปที่มันทันที

          "ตำราพลังแห่งชีวิตราศรีธนู ระดับมนุษย์ธรรมดา ใช้คะเเนนสะสม แปดพันคะแนน หรือหนึ่งล้านเหรียญทอง ม้วนตำราการขับเคลื่อนพลังชี่เพื่อยืดอายุไข ระดับมนุษย์ชั้นยอด ใช้คะแนนสะสม ห้าหมื่นคะแนน หรือหกล้านเหรียญทอง พลังหมัดลมกรด ระดับมนุษย์ชั้นยอด ใช้คะแนนสะสม เจ็ดหมื่นหกพันคะแนน หรือแปดล้านเหรียญทอง ... "

โม่บ่อกี้ หัวใจพองโตและเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆขณะที่เขาก้าวเดิน ด้วยเงินทั้งหมดที่เขามีไม่แม้แต่จะพอซื้อหน้าปกของคู่มือการเพาะปลูกที่ถูกที่สุดได้

"เอ่อ เพื่อนท่านนี้  ข้าขอถามท่านได้หรือไม่ว่าท่านกำลังมองหาสิ่งใด" ผู้ดูแลสังเกตเห็นสายตาที่เปลี่ยนไปของ โม่บ่อกี้ เมื่อเขาพยักหน้าผู้ดูเเลจึงรีบเดินไปหาเขา

โม่บ่อกี้ พยายามฝืนยิ้มให้และถามว่า "ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าทำไมตำราทั้งหมดที่นี่มี ระดับมอนุษย์? นอกจากนี้ความแตกต่างระหว่าง ระดับมนุษย์ปกติ และ ระดับมนุษย์ชั้นยอด คืออะไร"
เมื่อได้ยินคำพูดของ โม่บ่อกี้ ผู้ดูเเลก็ทราบว่าโอกาสในการทำข้อตกลงซื้อขายนั้นแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ เขาจะซื้อตำราการเพาะปลูกได้อย่างไรหากเขาไม่เข้าใจระบบการให้คะแนน

โชคดีที่ผู้ดูเเลเพิ่งมาอยุ่ที่นี่ได้ไม่นาน เขาจึงอธิบายอย่างอดทนว่า "ตำราแบ่งออกเป็น สามระดับคือ ระดับสวรรค์  ระดับโลก และระดับมนุษย์ ปกติเเล้วระดับสวรรค์เป็นระดับสูงสุด ระดับทุกระดับจะถูกแบ่งย่อยเป็นชั้น ปกติ, ชั้นยอด และ ชั้นสมบัติ ตำราของระดับโลก ถือว่าสูงเกินไปดังนั้นเราจึงไม่ขายที่นี่ "
          
ผู้ดูแล จงใจที่จะไม่พูดว่าทางร้านค้าไม่ได้ขายตำราตั้งแต่ ระดับมนุษย์ชั้นสมบัติ ไม่ใช่เพียงจากระดับโลกขึ้นไป

"แสดงว่าเคล็ดลับชั้นสวรรค์จึงสูงที่สุด" โม่บ่อกี้ พึมพำกับตัวเอง ถ้าจะซื้อตำราชั้นสวรรค์จะต้องใช้เงินเท่าไหร่ ให้ใช้เงินทั้งโลกก็ไม่น่าจะพอซื้อ

ผู้ดูแลได้โอกาสอวดภูมิจึงหัวเราะแล้วพูดว่า "ปกติแล้วท่านสามารถหาตำราทั้งสามเกรดนี้ได้ในตลาดทั่วไป แต่ข้าเคยได้ยินเรื่องราวของวิชาที่เหนือกว่าระดับสวรรค์ ซึ่งเรียกว่าระดับเซียน นั่นคือวิถีแห่งเซียนที่แท้จริง"

โม่บ่อกี้จึงถามถึง ม้วนตำราการขับเคลื่อนพลังชี่เพื่อยืดอายุ แล้วถามว่า "วิชานี้ไม่สามารถยืดอายุของเราท่านให้เป็นอมตะใช่หรือไม่"

ผู้ดูแลตอบอย่างอดทนเช่นเดิมว่า "นี่เป็นวิชาในการดูดซับพลังงานทางจิตวิญญาณจากฟ้าและดินเพื่อกักเก็บไว้ในร่างกาย แน่นอนว่าคนผู้นั้นจะได้มีอายุขัยเพิ่มขึ้น แต่แตกต่างจากการใช้ชีวิตอยู่ตลอดไป ยังไงข้าจะอธิบาย... "

ผู้ดูแลคิดอยู่นานก่อนที่จะนึกได้ว่าว่าเขาไม่มีสิ่งที่มีความคล้ายคลึงกัน ในที่สุดเขาก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นได้ เขาชี้ไปที่คู่มือการเพาะปลูกที่วางอยู่ในมุมและพูดกับ โม่บ่อกี้ ว่า "ยกตัวอย่างหนังสือเล่มนั้น ..."

โม่บ่อกี้ รีบหันไปดู "เซียนมนุษย์... "

โม่บ่อกี้ รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้น ช่างเป็นชื่อที่หยิ่งผยองอะไรเช่นนี้! มนุษย์ธรรมดาจะเป็นเซียนได้อย่างไร

เกือบทันที เข้ามองไปที่ราคาราคา คะแนนสะสม หนึ่งพันคะแนนหรือ หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นเหรียญทอง ...

"ทำไมถึงราคาถูกล่ะ" โม่บ่อกี้ถามทันที

ผู้ดูแลหัวเราะและตอบว่า "ลองดูเกรดของมันแล้วท่านจะรู้ว่าทำไมมันถึงราคาถูก"

โม่บ่อกี้ รู้สึกเหมือนเพิ่งได้รับความใส่ใจจากผู้ดูแล ผู้ดูแลลงนั่งถัดไปจากเขา เหมือนว่า โม่บ่อกี้ จะดีใจมากจนเนื้อเต้น หัวใจของเขาเต้นแรงจนไม่สามารถควบคุมได้ขณะที่ร่างกายของเขาสั่นเทา

"ตำราเซียน ระดับมนุษย์..." เมื่อมองไปที่คำนั้น โม่บ่อกี้ ตะโกนด้วยความไม่เชื่อว่า "เป็นไปไม่ได้"

มันจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะว่าเป็นระดับมนุษย์ มันจึงราคาถูก

ผู้ดูแลมองดูท่าทางที่ตกตะลึงของ โม่บ่อกี้ และรู้สึกเหมือนต้องว่าเพิ่มอีกสักสองสามประโยคอีก บางทีคนที่แต่งตัวแปลกๆผู้นี้อาจจะยอมควักเงินออกมาเพื่อซื้อมัน

ผู้ดูแลเตรียมที่จะชักชวน โม่บ่อกี้ ให้ซื้อมัน จึงพูดเสียงอ่อนโยนว่า "วิชานี้สามารถพบได้ทุกที่ และราคาที่นี่แพงที่สุด ผู้ขายถนนหรือร้านค้าขนาดเล็กๆอาจขายให้กับคุณในราคา ยี่สิบเหรียญทองถึงสามหมื่นเหรียญทอง ท่านอาจหาซื้อได้ในราคาเพียง หนึ่งหมื่นเหรียญทอง เนื่องจากวิชานี้ใช้ได้เฉพาะช่วง ก่อนเปิดจุดชีพจรที่เก้า ก่อนที่ผู้ใช้จะถูกบังคับให้ต้องเปลี่ยนวิธี นอกจากนี้วิธีการฝึกยังทำได้ยากมาก อีกทั้งการเข้าถึง การเปิดจุดชีพจรระดับเก้า ด้วยเทคนิคนี้ต้องใช้พลังงานและทรัพยากรจำนวนมาก เมื่อเทียบกับวิชาอื่นๆ"

คำพูดนี้ทำให้ โม่บ่อกี้ มีรอยยิ้มขึ้นมา คำพูดของผู้ดูแลเหมือนเอาน้ำเย็นราดลงบนหัวของ โม่บ่อกี้ ในที่สุดเขาก็รู้ว่าไม่ต้องต่อรองราคา เพราะที่จริงมันมีวางขายทั่วไปตามท้องถนน

"ขอบคุณท่านมากสำหรับคำแนะนำ" แม้จะเต็มไปด้วยความผิดหวังและขมขื่นในใจของเขา แต่ โม่บ่อกี้ ก็ยกมือขึ้นคารวะด้วยท่าทางที่ชื่นชม

ผู้ดูแลอายๆ "ในขณะที่ถนนทั้งถนนกำลังขายสิ่งนี้ อย่างน้อยร้านของเราก็ขายฉบับที่เนื้อหาสมบูรณ์ ตำราที่ขายโดยร้านค้าข้างถนนอาจมีเนื้อหาที่ขาดหายไปและจัดทำจากวัสดุหยาบๆ ข้าขอบอกกับท่านอย่างจริงใจว่า ข้าขายตำราเล่มนี้ที่นี่ไม่ต่ำกว่าสิบเล่ม"

ผู้ดูแลจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า "อันที่จริง ท่านสามารถไว้ใจในชื่อ เรือนวานิชแห่งลั่วไห่ได้"

[1]งานชุมนุมประตูอมตะฤดูใบไม้ผลิ เปลี่ยนเป็นงานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะ
          ขออภัยในความอ่อนด้อยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น