วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2561

บทที่ 36: เด็กสาวตระกูลโม่

บทที่ 36: เด็กสาวตระกูลโม่
ไก่ในตำนาน และ แมวอ้วน แปล

หลังจากเสียงให้ราคาเพิ่มเป็น สองพันเหรียญทอง พ่อค้าทาสถึงกับตกใจจนไขมันสั่นสะเทือน เขาอยากตบหน้าตัวเองเหลือเกินที่ปิดการขายเร็วเกินไป

ไม่! เขาจะไม่มีทางปล่อยให้เหรียญทอง หนึ่งพันเหรียญนี้หลุดมือไป ด้วยความละโมบทำให้เขาตะโกนออกไปว่า "มีคนให้ราคา สองพันเหรียญทอง มีใครที่จะให้ราคามากกว่... "

ก่อนที่พ่อค้าทาสจะพูดจบประโยค เขาก็รู้สึกถึงความเย็นเฉียบที่กดลงบนลำคอ เขาจึงก้มหัวลงดูและเห็นคมมีดสีขาวเป็นประกายกดติดอยู่กับคอเขา

"เจ้า ... เจ้าต้องปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ... พวกราอยู่ที่จุดชุมนุมของ งานประชุมประตูอมตะฤดูใบไม้ผลิ เจ้ากล้าทำร้ายข้าที่นี่หรือ" พ่อค้าทาสร่างอ้วนเริ่มพูดตะกุกตะกัก แต่ไม่นานเขาก็เริ่มมั่นใจว่า โม่บ่อกี้ ไม่กล้าที่จะทำอะไรเขาแน่นอน
โม่บ่อกี้ ยังถือมีดกดไว้บนลำคอพ่อค้าทาส ผู้คนต่างแปลกใจที่เห็นว่า โม่บ่อกี้ ทำเรื่องอันตรายเช่นนี้ เพียงเพื่อสิ่งของที่ไม่ใช่ของตนเอง

โม่บ่อกี้ หัวเราะแล้วพูดว่า "เจ้าอ้วน เจ้าเพิ่งตกลงรับข้อเสนอของข้าไปหยกๆก่เรามีสัจจะวาจาต่อกัน ทั้งเจ้าและข้าก็รุ้ดีว่าพวกเราไม่ควรจะกลับคำ แม้เจ้าจะอยู่ที่จุดชุมนุมของ งานประชุมประตูอมตะฤดูใบไม้ผลิ ถ้าหนึ่งในบรรดาเหล่าเซียนพบว่า เจ้าทำการค้าที่ผิดจรรยาบรรณที่นี่ และกลับคำพูด ย่อมจะถือว่าเป็นการละเมิดกฎที่วางไว้ที่นี่หรือเปล่า หากเจ้าทำลายสัญญาปากเปล่าระหว่างเราที่จุดชุมนุมนี้ เจ้ารุ้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า
โม่บ่อกี้ ตั้งใจหยุดนิดหนึ่งก่อนที่จะพูดจาเยาะเย้ยต่อไปว่า "ข้ากลัวว่าเจ้าอาจจะไม่มีชีวิตอยู่เพื่อใช้เงินที่เจ้าจะได้มา ข้าไม่ได้จำเป็นต้องลงมือฆ่าเจ้าเองด้วยซ้ำ ที่ข้าต้องทำก็แค่ต้องรายงานเรื่องนี้กับท่านเซียนที่ดูแลที่นี่เท่านั้น"
โม่บ่อกี้ ลดมีดของเขาหลังจากพูดประโยค แล้วมองไปที่พ่อค้าทาสร่างอ้วนด้วยความรังเกียจ พ่อค้าทาสร่างอ้วนรู้สึกเหงื่อตก โม่บ่อกี้ พูดถูก ถ้าโม่บ่อกี้ ไม่ได้ติดตามเอาเรื่องเขาก็จะรอดตัว แต่คงไม่มีทางที่คนบ้าดีเดือดอย่าง โม่บ่อกี้ จะไม่ทวงถามเรื่องนี้ โดยเฉพาะเมื่อเขาเป็นฝ่ายเสียหาย พ่อค้าทาสร่างอ้วนลืมเรื่องความเสี่ยงนี้ไปเพราะเงินมันบังตาจนพร่ามัว ถ้าเขายอมทำตัวไร้ยางอายต่อหน้าผู้คนจำนวนมากแบบนี้ เขาก็คงต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แน่นอน
"อา.. อ่ะ ข้าต้องขออภัยที่ข้าทำผิดกฎ ข้าถูกเงินบังตาจนลืมไปว่าได้ตกลงการค้ากับท่านไปแล้ว" พ่อค้าทาสร่างอ้วนยิ้มน้อยๆ แล้วส่งลูกกุญแจให้กับ โม่บ่อกี้  ใช้ไขห่วงโซ่ ชีวิตย่อมของเขามีค่ามากกว่าเมื่อเทียบกับ เหรียญทองหนึ่งพันเหรียญ ที่เขาต้องการ
โม่บ่อกี้คว่ำกระบองโซ่และโยนโซ่และกุญแจออกไป ในเวลาเดียวกันเขาหยิบเหรียญทอง หนึ่งพันหนึ่ง เหรียญและเหรียญทองแดง หนึ่ง เหรียญจากกระเป๋าเสื้อและส่งมอบให้กับพนักงานขายอ้วน

ถ้าไม่ใช่เพื่อช่วยเด็กสาวคนนี้ที่อาจจะมาจากตระกูลเดียวกัน เขาก็คงไม่มีวันทำแบบนี้ แม้ว่าเขาจะซื้อเธอเขาก็จะจ่ายมากที่สุดเพียง ห้าสิบ ถึง หนึ่งร้อย เหรียญทอง หลังจากเห็นเจ้าอ้วนนี่พยายามที่จะขายลูกหลานจากตระกูลโม่จากแดนเหนือ โม่บ่อกี้ ก็ไม่อาจที่จะปล่อยไว้ได้

หน้าของชายที่ถือพัดเต็มไปด้วยความมืดทะมึน แต่เขาไม่กล้าทำลายกฎของ งานประชุมประตอมตะฤดูใบไม้ผลิ เท่าที่ทำได้ก็คือยืนดูอย่างอับจนปัญญา ขณะที่ โม่บ่อกี้ พาผู้หญิงคนนี้ไปจากพ่อค้าทาสร่างอ้วน
พ่อค้าทาสร่างอ้วนรีบวิ่งไปหาชายผู้นั้นและพูดอย่างนอบน้อมว่า "นายท่าน ข้ามีทาสที่ดีกว่านี้ นางหมายเลขสามสิบเอ็ด ไม่เพียงแต่งดงามกว่า ทั้งยังมีความเชี่ยวชาญอย่างมากทางการดนตรี เมื่อดูจากที่ทั้งหมด หมายเลขสามสิบเอ็ด คือคนที่เยี่ยมที่สุดที่ข้ามี…"

"เจ้ายังมีคนที่ดีกว่านี้หรือ ข้าเพิ่งรู้นะเนี่ย ข้าต้องการหมายเลยสามสิบเอ็ด ข้าให้หนึ่งพันเหรียญทอง" โม่บ่อกี้พูดโดยไม่รอให้ชายถือพัดได้ตอบ
ชายถือพัดกระดาษไม่มีปฏิกิริยาใดๆ หลังจากที่พ่ายแพ้ โม่บ่อกี้ ก่อนหน้านี้เพราะเขาไม่ต้องการที่จะฝ่าฝืนกฎเกณใน งานประชุมประตูอมตะฤดูใบไม้ผลิ แต่ทว่า โม่บ่อกี้ ยังคงพยายามที่จะทำให้เขาเสียหน้าด้วยข้อเสนอนี้ สำหรับหมายเลขสามสิบเอ็ด เขาจะไม่ยอมปล่อยผ่านไป ครั้งนี้เป็นเขาไม่เชื่อว่า โม่บ่อกี้ จะสามารถแข่งความร่ำรวยกับเขาได้

"สองพันเหรียญทอง" ชายที่ถือพัดกระดาษพูดอย่างมั่นใจ ในขณะที่จ้องมองที่ดู โม่บ่อกี้ ด้วยสายตาที่เหยียดหยาม

พ่อค้าทาสร่างอ้วนถึงกับตกตะลึง เมื่อชายทั้งสองคนเริ่มเสนอราคาของหมายเลขสามสิบเอ็ด ก่อนที่จะได้ประกาศขายนาง พ่อค้าทาสดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รู้ว่านี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้รับเงินมหาศาล

"สามพันเหรียญทอง" โม่บ่อกี้ตะโกนออกมาแบบสบายๆ

"ห้าพัน"

"หกพัน..."

"หนึ่งหมื่นเหรียญทอง!" ชายที่ถือพัดกระดาษกำลังเดือดดาล เขาไม่มีทางที่จะยอมให้ปลาซิวปลาสร้อยอย่าง โม่บ่อกี้ ชนะไปได้
โม่บ่อกี้ มองเห็นชายชราคนหนึ่งกระซิบกระซาบที่ข้างหูของผู้ชายที่ถือพัดกระดาษ แล้วใบหน้าของชายที่ถือพัดนั้นดูผ่อนคลายลงไม่เดือดดาลเช่นคนบ้าเหมือนเดิม

"ไม่เลว ท่านเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยจริงๆ ข้าสู้ท่านต่อไปไม่ไหวจริงๆ" โม่บ่อกี้ ดึงหญิงสาวที่เขาเพิ่งซื้อมาเข้ามาหาตัว แล้วพูดกับ ติงบู้เอ้อ ที่ตกตะลึงอยู๋ว่า "บู้เอ้อเราไปกันเถอะ"

ต้องรอจนถึงตอนนี้ ชายผู้นั้นจึงรู้ว่าโดน โม่บ่อกี้ กลั่นแกล้ง เขาโกรธมากจนเส้นเลือดบนหน้าปูดโปน อยากจะสั่งสอน โม่บ่อกี้ ทันที เเต่น่าเสียดายที่สถานที่นี้ไม่อยู่ภายใต้การปกครองระบอบกษัตริย์ของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าทำอะไร

"เจี๋ยจ๋าย  จ่ายเงินให้มันไป" ชายถือพัดกระดาษขุ่นเคืองใจและเดินออกไปโดยที่ไม่ได้แม้แต่จะ เหลือบมองดูหมายเลขสามสิบเอ็ด ด้วยซ้ำไป

คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือพ่อค้าทาส ร่างอ้วน ขายทาสออกไปเพียงสองคน เท่านี้ก็ทำให้เขามีกำไรเทียบเท่าปีหรือสองปี

บ่อกี้ เจ้าอ้วนนั่นไม่ใช่คนดีเลยถึงเเม้ว่า ติงบู้เอ้อ บอกกับ โม่บ่อกี้่ แบบนั้นแต่เขาก็ปล่อยให้เจ้าอ้วนนั้นได้ผลประโยชน์นั้นไป
โม่บ่อกี้ หัวเราะขึ้น"ข้าปล่อยให้เขาได้ผลประโยชน์มากงั้นรึ ฮ่าๆๆ  เราจะคุยกันเรื่องนี้ตอนเรากลับไป"

พวกมันกล้าเอาคนในตระกูลโม่ ไปขายเป็นทาสเยี่ยงนั้นได้อย่างไร โม่บ่อกี้ มองว่าเจ้าอ้วนเป็นแค่คนตายตั้งแต่แรก[1] แต่ที่เขากล้าที่จะให้ราคาสูงขนาดนั้น ก็เพราะเขาไม่กลัวที่จะจ่าย

"ข้าจะไปเยี่ยมพี่ เสิ่นยี กับ น้าสิบเอ็ด เจ้ากลับไปก่อนก็ได้" ติงบู้เอ้อ เดินออกไปเพราะคิดว่า โม่บ่อกี้ อาจมีบางสิ่งอยากที่จะพูดกับเด็กสาวผู้นี้

โม่ บ่อกี้นำหญิงสาวนางนั้นมาที่กระโจม เเละตั้งกระโจมขึ้น

หญิงสาวจ้องมอง โม่บ่อกี้ อย่างระแวดระวัง เพราะคนที่ถือพัดกระดาษและพ่อค้าร่างอ้วนเป็นคนประเภทเดียวกันกับคนที่นางเกลียดชังอย่างมาก

"เจ้าชื่ออะไร" โม่ บ่อกี้ ไม่ได้ใส่ใจกับการที่นางจ้องมองเขาด้วยความระแวดระวังของนาง เมื่อเขานั่งลง

"โม่ เซียงตง," หญิงสาวยังคงมองไปที่ โม่ บ่อกี้ ด้วยความระมัดระวังหลังจากพูดชื่อของนาง

"เจ้าอาศัยอยู่ส่วนไหนของเมืองฉินตอนเหนือ สมัยที่โม่เทียนเฉิงยังปกครองอยู่" โม่บ่อกี้ ตั้งคำถามกับนาง     

โม่เซียงตง ไม่ได้แปลกใจที่ทุกคนรู้ว่านางเกิดในภาคเหนือของฉิน ท่านอ๋อง เทียนเฉิง เป็นลุงของข้า บิดาของข้ากับเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา
โม่บ่อกี้ แปลกใจที่ โม่เซียงตง มีศักดิอาวุโสกว่าเขา ฉะนั้นเขาควรจะเรียกนาง
ว่า อาหญิง เฉียงตง    

"ข้ามีนามว่า โม่ บ่อกี้ เเละ โม่เทียนเฉิง คือปู่ของข้า เพราะฉะนั้นท่านคงเข้าใจเเล้วว่าทำไมข้าถึงต้องการช่วยท่านออกมา" โม่ บ่อกี้ อธิบาย

โม่เซียงตง กลับตกใจมากหลังจากได้ฟังโม่บ่อกี้พูด นางลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะถามว่า "ท่านคืออ๋องน้อย... "

โม่ บ่อกี้ หัวเราะอย่างขมขื่นว่า "ท่านอ๋องน้อยอันเล่า ตามหลักการณ์เเล้ว ข้าแค่เป็นลูกหลานโดยตรงคนเดียวของกษัตริย์ อย่างไรก็ดีตำแหน่งของราชวงศ์ฉินทางตอนเหนือ ไม่ได้เป็นตกเป็นของตระกูลโม่อีกต่อไปเเล้ว"

ร่างกายของ โม่เซียงตง สั่นสะท้านและดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำและมีน้ำตาไหลออกมา

[1] สำหรับคนไม่เข้าใจ : คือหมายถึงโม่บ่อกี้เข้าใจว่า พ่อค้าทาสต้องตายตั้งเเต่เเรกที่คิดเอาคนในตะกูลโม่มาขาย จ่ายเงินมันไปมันคงไม่มีชีวิตอยู่ได้ใช้เงินแน่นอน

////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไก่ในตำนาน : ทำไมตอนนี้แปลไว
แมวอ้วน : ……………………….

ไก่ในตำนาน : เพราะผมมาช่วยแปล ครึ่งหน้าไง
แมวอ้วน : ……………..จาก 7 หน้า…. เนี่ยนะ
ไก่ในตำนาน : มาแล้วยังดีกว่ามาช้า มาช้ายังดีกว่าไม่มา
แมวอ้วน : ที่ร้องมาน่ะเกิดทันเรอะนั่น!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น