วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2561

บทที่ 56: อุปกรณ์การกลั่นยาราคาแพง

 บูรพาไม่แพ้ใยแพ้เพลิงพิศวาส
มหาเวทย์ดูดดาวใยมิอาจดูดกลืนความพยาบาท

บทที่ 56: อุปกรณ์การกลั่นยาราคาแพง

เดอะแพนด้าทีม ไก่ต้มน้ำซุบ และ แมวหลับ แปล

พนักงานร้านสองคนได้แต่ยืนตะลึงมอง โม่บ่อกี้ และ เฉินเหลียน ทั้งสองกินอย่างมูมมามบนโต๊ะของพวกเขาเค็มไปด้วยจานที่กองสุมกัน สายตาของพนักงานร้านเปลี่ยนจากตกตะลึงเป็นเคารพนับถือ ขณะที่พวกเขากำลังจะปลีกตัวไปยังต้องเหลือบตามองมาที่ โม่บ่อกี้ และ เฉินเหลียน

พนักงานร้านเหล่านั้น เคยพบกับผู้ชายที่หิวโหยและกินจุมากๆมาแล้ว แต่ผู้หญิงที่หิวโหยและกินจุได้มากขนาดนี้พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อน นางไม่เพียงแต่แค่กินจุเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่าคือ นางยังมีความงดงามที่พนักงานร้านไม่เคยเห็นมาก่อน
แต่สตรีที่งดงามผู้นี้กำลังสวาปามอาหารในถ้วยชามบนโต๊ะลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่พวกเขาเคยคิดไว้

"ศิษพี่หญิงเฉิน ตอนนี้ท่านคงอิ่มแล้ว ข้าต้องขอตัวไปทำงานธุระอย่างก่อน" โม่บ่อกี้ ต้องการให้เฉินเหลียนรีบกลับไป ก่อนที่เขาจะไปซื้อสมุนไพรและอุปกรณ์การกลั่นยา

เฉินเหลียน ยังไม่ไว้ใจ โม่บ่อกี้นัก ตอนที่นางโต้เถียงกับเขา แต่หลังจากรับประทานอาหารร่วมกันและพูดคุยกันเกี่ยวกับการฝึกฝนเป็นเวลานาน นางจึงรู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยกับเขามากขึ้น เฉินเหลียน จึงปล่อยวางความไม่สบายใจของนางทิ้งไป
"ถ้ากลับไปที่โรงเตี๊ยมข้าก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี แล้วข้าก็กำลังวางแผนที่จะไปซื้อของสักหน่อย เจ้าจะซื้ออะไรล่ะ บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าได้บ้าง"

เมื่อเป็นแบบนี้เขาคงจะตัดความน่ารำคาญนี้ไปไม่ได้ โม่บ่อกี้ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะบอกแผนงานของเขา "ข้าตั้งใจจะไปซื้ออุปกรณ์เพื่อการกลั่นยา แล้วท่านจะตามข้าไปด้วยทำไม"

"เจ้ากำลังจะซื้อเตายา คนที่ยังไม่ได้เริ่มฝึกฝน จะซื้อเตาหลอมไปทำไม" เฉินเหลียน ถามด้วยเสียงแปลกใจ

โม่บ่อกี้ อธิบายว่า "ข้าไม่ได้ไปซื้อเตาหลอม เพียงแต่จะไปหาอุปกรณ์ทั่วไปสำหรับการกลั่นยาเพื่อทดลองเสี่ยงโชคของข้าบนวิถีทางของโรงกลั่นยา เจ้าคงไม่รู้ถึงความฝืดเคืองของข้าในการฝึกฝน ถ้าข้าสามารถกลายเป็นผู้ผลิตยา แม้ว่าข้าจะล้มเหลวในการฝึกฝนข้าก็ยังสามารถที่จะหาเลี้ยงชีพได้"

เฉินเหลียน พยักหน้าด้วยความเห็นอกเห็นใจ "เจ้าไม่ผิดหรอก แต่ไม่มีอนาคตสำหรับยากลั่น ถ้ามีบางอย่างที่คุ้มค่าที่จะเรียนรู้ ก็จะเป็นทักษะของ โอสถทิพย์"

"ท่านจะสอนวิชาการสร้างโอสถทิพย์ให้ข้าหรือ ถ้าท่านยินดีที่จะสอนข้า ข้าจะได้เลิกสนใจเรื่องการกลั่นยา" โม่บ่อกี้ แค่นเสียง

สักครุ่หนึ่ง เฉินเหลียนจึงพูดออกมาช้าๆว่า "ต้องใช้ทุนมากเหลือเกินหากจะเป็นผู้กลั่นโอสถทิพย์ ในเมื่อเจ้าไม่อาจจะฝึกฝนวิชาได้ เจ้าอาจจจะเรียนการกลั่นยาได้อย่างยอดเยี่ยมก็ได้" นางจะรู้ได้อย่างไรว่าการเรียนวิธีกลั่นโอสถทิพย์ยากเย็นแค่ไหน ในเมื่อนางไม่ใช่พ่อของโอสถทิพย์

เมื่อรุ้ว่าข้อเสนอของนางขาดน้ำหนัก เฉินเหลียน จึงพูดเสริมขึ้นว่า "ในเขต เมืองเฉิงลู่ โอสถศาลาชิงเหอ มีเตาหลอมที่ดีที่สุด ไม่เพียงแต่เป็นยาที่มีระดับสูง แต่พวกเขายังทำให้เตาผลิตยาที่มีคุณภาพสูงสุด แต่คำแนะนำของข้าคือให้ไปที่ เรือนวานิชแห่งลั่วไห่ ถึงแม้ว่าเตาของพวกเขาจะไม่ดีเท่าที่ โอสถศาลาชิงเหอ แต่อุปกรณ์การกลั่นยาของพวกเขานั้นดีที่สุดในทั้ง จักรวรรดิ์ชิงเหอ"

"ไปที่ เรือนวานิชแห่งลั่วไห่ กันเถอะ" โม่บ่อกี้พูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาคงยังไม่ได้กลั่นยาในตอนนี้ และ เรือนวานิชแห่งลั่วไห่ ก็ถือว่าดีมาก


"ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านต้องการสิ่งใด ข้าจะช่วยท่านหาสินค้าที่ดีที่สุดในราคาที่ถูกที่สุดให้" โม่บ่อกี้พบกับพนักงานขายที่เคย ตำราพื้นฐานของการเพาะปลูก ให้กับเขา

"เจ้ามีเครื่องมือหรืออุปกรณ์สำหรับกลั่นโิสถทิพย์ที่อยู่ในระดับเดียวกับ ตำราเซียนมนุษย์ เล่มนี้บ้างหรือไม่" โม่บ่อกี้ พูดขณะที่ใช้ตำราเซียนมนุษย์ ตบไปที่อกของผู้ดูแลร้าน

ผู้ดูแลร้านรู้สึกไม่สบายใจนัก เขาได้หลอกลวง โม่บ่อกี้ ให้ซื้อตำราเซียนมนุษย์  และตอนนี้ โม่บ่อกี้ ก็นำมาซึ่งเห็นได้ชัดว่านี่คือการเตือน ไม่ให้เขาถูกหลอกด้วยสิ่งที่คล้ายคลึงกัน

"คิกคิกคิก..." เสียงหัวเราะดังมาจากด้านข้างของร้านเมื่อมีคนได้ยิน โม่บ่อกี้ สรรเสริญ คู่มือพื้นฐานการเพาะปลูก นาก็กลั้นหัวเราะไม่ไหวอีกต่อไป ที่มีคนยอมซื้อ คู่มือพื้นฐานของการเพาะปลูก ทั้งที่หนังสือเล่มนี้พบได้ทั่วไปตามท้องตลาด อีกทั้งเรียกมันอย่างยกย่องว่า ตำราเซียนมนุษย์ และคิดว่ามันเป็นวิชาชั้นยอด

โม่บ่อกี้ หันไปแล้วพบกับผู้หญิงสองคนเขาจำได้ทันทีว่าหนึ่งในนั้นคืิอ ฉู่ว่านเอ๋อ สตรีที่เขาพบบนเรือเป็นคนสุดท้ายที่เขาคาดหวังว่าจะมาเจอที่นี่

"ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสฉู่ ข้าต้องขอบคุณเรื่องที่ท่านได้ช่วยเหลือข้าไว้บนเรือ" โม่บ่อกี้ ทักทายนางด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งในพระคุณ


ฉู่ว่านเอ๋อ ตอบอย่างอายๆว่า "ข้าต้องขอโทษแทนเพื่อนของข้าด้วย นางไม่ได้จงใจหัวเราะเยาะเจ้า" ถึงแม้จะเห็นอยุ๋เต็มสองตาว่า เพื่อนของหัวเราะเยาะโม่บ่อกี้ก็ตามที

หลังจาก ฉู่ว่านเอ๋อ พูดจบนางก็สังเกตเหํน เฉินเหลียน นางไม่เข้าใจว่าทำไม คนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ฝึกฝนจะติดตาม โม่บ่อกี้ ที่มีรากฐานแค่มนุษย์เท่านั้น

โม่บ่อกี้โบกมือให้กับนาง "ไม่เป็นไร สำหรับท่านมันอาจเป็นแค่ คู่มือพื้นฐานของการเพาะปลูก แต่สำหรับคนที่นที่ไม่เคยได้รับการเพาะปลูกหรือฝึกฝนมาก่อน มันคือ ตำราเซียนมนุษยื ที่มีคุณภาพสูงสุดซึ่งสามารถทำให้มนุษย์เป็นอมตะได้ ถ้าใช้มัน แต่ข้าก็แค่กบในกะลาเท่านั้น"

คราวนี้แม้แต่ ฉู่ว่านเอ๋อ ที่เยือกเย็นและอ่อนโยน ก็ฝืนไว้ไม่ไหวอีกแล้วและหัวเราะออกมา

"ท่านครับ ข้ามีชุดของอุปกรณ์การกลั่นยาที่คุณกำลังมองหา เรียกว่า เขียวชั่วนิจนิรันดร์ ซึ่งต่างจาก ตำราเซียนมนุษย์ จริงๆแล้ว เขียวชั่วนิจนิรันดร์ ถูกนำเข้ามาจากดินแดนที่ห่างไกล และถูกวางอยู่ในร้านเพราะไม่มีคนใช้เครื่องเพื่อปรับแต่งยา คุณภาพของอุปกรณ์ชุดนี้สามารถกลั่นยาได้หลายต่อหลายครั้ง และยาที่ผลิตได้จะมีความบริสุทธิ์สูง "ผู้ดูแลร้านบรรยายสรรพคุณสินค้าของร้าน เพื่อดึงให้ โม่บ่อกี้ กลับมาสนใจเขาอีกครั้ง

"ราคาเท่าไหร่" โม่บ่อกี้ ถามตรงๆ เขาเคยซื้ออุปกรณ์ที่มีคุณภาพต่ำจำนวนมากในรัฐเฉิงตูมาแล้ว ราคาันประมาณหนึ่งถึงสองพันเหรียญทอง แม้ว่าอุปกรณ์นี้จะดีกว่ามากและมีราคาเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า แต่เขาก็ยังสามารถซื้อได้

"สามแสนเจ็ดหมื่นเหรียญทอง..."

เมื่อผู้ดูแลร้านพูดจบ โม่บ่อกี้รู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่ากลางแจ้ง ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาแทบจะเหลือเงินไม่ถึงสามหมื่นเหรียญทองด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นไม่ได้ใกล้เคียงกับสามแสนเจ็ดหมื่นเหรียญทองสักนิดเดียว

"ดีละ ข้ามีหญ้าอัคคีสองใบอยู่ ไม่รู้ว่าเจ้าจะยอมให้ข้าใช้มั้นจ่ายเงินแทนได้หรือไม่" โม่บ่อกี้ พูดอย่างมีความหวัง

โดยประมาณการของเขา หญ้าอัคคีสองใบ มีมูลค่าน้อยกว่าผลผลึกแก้วมากมายนัก แต่เขาก็ไม่มีทางอื่นนอกเหนือจากการพยายามอัศัยโชคของเขา

"อา เจ้ามีหญ้าอัคคีสองใบรึ เจ้าขายให้ข้าได้ไหม ข้าจะจ่ายให้สีแสนเหรียญทอง" ฉู่ว่านเอ๋อ ร้องบอกเสียงดัง

"ท่านต้องการหญ้าไฟสองใบหรือ" โม่บ่อกี้ถามด้วยความสงสัย ฉู่ว่านเอ๋อ พยักหน้า "ใช่ข้าต้องการหญ้าอัคคีสองใบ นี่เป็นตัวแลกเงินสี่แสนเหรียญทอง"

โดยไม่รอคำตอบของ โม่บ่อกี้ ฉู่ว่านเอ๋อ หยิบตั๋วแลกเงินจำนวนสี่แสนเหรียญทองออกมา ทั้งสี่คนอยู่ที่หน้าร้านของ เรือนวานิชแห่งลั่วไห่ ดังนั้นไม่น่ามีปัญหากับการแลกเหรียญทองที่นี่

โม่บ่อกี้ รีบหยิบกล่องไม้และส่งให้ ฉู่ว่านเอ๋อ และขอบคุณนางในเวลาเดียวกัน

"ข้าต่างหากควรจะเป็นคนที่ขอบคุณเจ้า ข้าต้องไปก่อน แล้วพบกันใหม่" ฉู่ว่านเอ๋อ คว้ากล่องไม้แล้วดึงผู้หญิงที่อยู่ข้างๆนางและรีบออกจากร้านค้าไป

ตั๋วแลกเงินทั้งสี่แสนเหรียญทอง อยุ่ในมือผู้ดูแลร้านแล้ว "ท่านช่วยให้ข้าได้อุปกรณ์การกลั่นยาที่มีคุณภาพสูงสุดที่เจ้าพูดถึงได้หรือไม่"

ผู้ดูแลร้านไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะปิดการขายได้เร็วขนาดนี้ จึงรีบวิ่งไปเก็บตั๋วแลกเงินไว้ ก่อนที่จะตอบกลับด้วยความเคารพนพนอบ "โปรดรอสักครู่ข้าจะรีบนำอุปกรณ์การกลั่นยามาให้ท่านทันที"

เมื่อผู้ดูแลร้านหายไป เฉินเหลียน จึงเริ่มพูด "ข้าว่ามันแปลกมาก แม้ว่าหญ้าอัคคีสองใบจะหายากมาก แต่ก็ยังไม่คุ้มค่ามากนัก การที่ผู้อาวุโสฉู่ ที่เจ้ารู้จัก ดูเหมือนว่าวิชาส่วนใหญ่ที่นางฝึกจะใช้วิชาเกี่ยวกับน้ำมากกว่า ทำไมนางต้องจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อหญ้าอัคคีสองใบ"

โม่บ่กี้ ตอบอย่างเย็นชาว่า "ไม่ใช่เรื่องของท่าน"

อันที่จริงเมื่อ ฉู่ว่านเอ๋อ พูดว่านางต้องการหญ้าอัคคีสองใบในทันที โม่บ่อกี้ ก็ รู้ว่านางกำลังโกหก นางคงไม่ค่อยชำนาญในการโกหกเพราะมันไม่เหมาะกับนางเลย อย่างไรก็ตามเนื่องจากนางได้ยื่นข้อเสนอของนางแล้ว มันจะไม่สุภาพที่เขาจะปฏิเสธ โดยไม่คำนึงถึงเหตุผลเบื้องหลังการกระทำของนาง โม่บ่อกี้ จึงยอมรับความปรารถนาดีนี้และจดจำพระคุณครั้งนี้ไว้


"ว่านเอ๋อ อย่าบอกข้านะว่าเจ้ารู้สึกสนใจอะไรกับเจ้าเด็กคนนั้น ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการหญ้าอัคคีสองใบอย่างมาก แต่ทำไมเจ้าถึงให้ราคาถึงสี่แสนเหรียญทอง" ฉู่ว่านเอ๋อ ถูกซักไซ้จากผู้หญิงที่มากับนาง ขณะที่ทั้งสองเดินออกจาก เรือนวานิชแห่งลั่วไห่

ฉู่ว่านเอ๋อ ตอบอย่างใจเย็นว่า "เขามีรากมนุษย์เท่านั้น"

เมื่อได้ยินว่า โม่บ่อกี้ มี รากมนุษย์ คู่หูของ ฉู่ว่านเอ๋อ ก็รู้ได้ทันทีว่านางไม่สนใจเขา แต่นางยังมอง ว่านเอ๋อ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

          ฉู่ว่านเอ๋อ จึงพูดต่อว่า "แม้ว่าเขาจะเป็นแค่มนุษย์ แต่ระดับของความมุ่งมั่นและความยืดหยุ่นเป็นสิ่งที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิตของข้า การถูกโจมตีเป็นระลอกระลอกด้วยคลื่นสายฟ้าฟาด แม้กระทั่งผู้ได้รับการฝึกฝนก็ต้องถอยหนี แต่เขาไม่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาถูกโจมตีกลับด้วยสายฟ้าฟาดจากจระเข้สายฟ้าหกขา และเมื่อมันจบลง เขาก็ลุกขึ้นแล้วพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง ในท้ายที่สุดเขาใช้ร่างกายที่เป็นมนุษย์ธรรมดามีเลือดมีเนื้อของเขาฆ่าจระเข้สายฟ้าหกขาไปสองตัวทั้

"แล้วยังไงล่ะ ก็แค่พวกไร้สมองดีแต่ใช้กำลังเท่านั้น"

ฉู่ว่านเอ๋อ ส่ายหัว "ถ้าเขาไม่มีสมองเขาไม่มีทางฆ่าจระเข้สายฟ้าหกขาได้สองตัว เหตุการณ์นี้ทำให้เขารู้ว่าข้อ จำกัด ของเขาอยู่ที่ไหน เขารู้ว่าในระหว่างการต่อสู้กับความตายจระเข้สายฟ้าทั้งสองจะต้องตายในมือของเขา แต่น่าเสียดายที่เขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา... "

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

แมวอ้วน : แปลจบแล้วว้อย ตี3กว่า ในตอนนี้แมวอ้วนแปลคนเดียว เนื่องจากไก่ในตำนานติดธุระสำคัญ เกี่ยวกับเรื่องการศึกษา ผิดพลาดประการใด  แมวอ้วน กราบขออภัยมา ณ.ที่นี้ ด้วยครับ (แอบนินทาไก่ในตำนานนิดนึง555)

ขอบคุณ : rubsarb โปรดักชั่น ด้วย ที่ลงคลิปตอนตีสองกว่าแล้วทำให้มีอะไรฟังไม่ง่วง

วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2561

บทที่ 55: ระยะเปิดช่องทางระดับที่หนึ่ง


กระบี่ว่าคมแค่ไหนใยตัดความรักไม่ยักกะขาด สำเร็จคัมภีร์ปราบมารแต่มารในใจใยยิ่งผงาด
บทที่ 55: ระยะเปิดช่องทางระดับที่หนึ่ง
เดอะแพนด้าทีม ไก่ตุ๋นมะระ และ แมวดำ แปล
หลังจากนั้นไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร โม่บ่อกี้ ก็ลืมตาขึ้น เขารู้สึเหมือนว่าการฝึกฝนของเขาพบกับสิ่งกีดขวางที่ไม่สามารถผ่านไปได้ เหมือนที่เขียนไว้ใน ตำราพื้นฐานการเพาะปลูก เมื่อพลังงานจิตเติมร่างกายผ่านช่องทางวิญญาณระดับแรกจะสมบูรณ์ โม่บ่อกี้ รู้สึกว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังทางจิตวิญญาณเพียงเท่านี้เขาก็ใช้จุดชีพจรของเขาแทนช่องวิญญาณได้

อย่างไรก็ตามการเปิดช่องนี้เป็นระดับหนึ่งจริงหรือไม่  โม่บ่อหี้ ตรวจสอบมือของเขาด้วยความตกใจ มันมีกลิ่นเหม็นหืนขึ้นมา

โม่บ่อกี้ เข้าใจทันทีว่านี่คือกลิ่นของสิ่งสกปรกที่ถูกขับออกจากร่างกาย

เขามาถึง การเปิดช่องทางจิตวิญญาณขั้นที่หนึ่งจริงๆ แล้วเขาก็พบกับ สิ่งกีดขวางแรกของเขา ถึงอย่างนั้น โม่บ่อกี้ รู้ดีว่าทำไมเขาถึงได้พบกับสิ่งกีดขวางนี้ ไม่ใช่เพราะเขาไม่สามารถฝึกฝนได้ แต่เป็นเพราะเขาก้าวหน้าไปเร็วเกินไป จุดชีพจรทั้งสามเส้นของเขาอุดตันจึงทำให้เกิดสิ่งกีดขวางนี้

ผู้บ่มเพาะพลังจะต้องเปิดช่องทางวิญญาณมากขึ้นเพื่อเอาชนะสิ่งกีดขวาง และฝึกฝนต่อไป สำหรับเขา เขาจะต้องคิดค้นวิธีการเปิดช่องทางจิตอื่นๆ และหาแหล่งกำเนิดพลังงานไฟฟ้า เพื่อเปิดจุดชีพจรให้มากขึ้น จุดชีพจรที่มากขึ้นก็จะหมายถึงความก้าวหน้ามากขึ้น

"ฮ่าฮ่า ... " โม่บ่อกี้ หัวเราะอย่างเต็มที่ เขารู้สึกว่าการฝึกฝนนั้นไม่ยากนัก มันง่ายมากกว่าที่เขาคิด เเม้ตอนนี้เขาจะรู้สึกหิว แต่เขาก็ไม่ได้หิวจนไปไหนได้ เขาสามรถบ่มเพาะพลังในวันเดียว ทำให้เขาถึงระดับช่องเปิดที่หนึ่งได้ จะมีอะไรที่ทำให้เขามีความสุขมากไปได้กว่านี้

โม่บ่อกี้ รีบไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างสิ่งสกปรกทั้งหมด หลังจากใส่ชุดเสื้อผ้าที่สะอาดร่างกายของเขารู้สึกสดชื่น ในขณะนี้เขารู้สึกเหมือนว่าเขาสามารถกินวัวได้ทั้งตัว แม้ว่าเขาจะหิว แต่เขาก็รู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ

เขาเพียงแค่ทำตามขั้นตอนเล็กน้อยเท่านั้น แต่เขาสามารถเดินทางได้ไกลมาก บางทีนี่อาจเป็น "ระยะตัวเบาซึ่ง ฮั่นหนิงเคยกล่าวถึงว่า ร่างกายของเขารู้สึกเบาและว่องไว

แม้ว่าวิธีการของเขาแตกต่างจากผู้ฝึกฝนธรรมดาไปนิดหน่อยเเต่ โม่บ่อกี้ ก็ตัดสินใจที่จะก้าวไปบนเส้นทางการฝึกฝนนี้เเน่นอน

เคล็ดวิชาเซียนมนุษย์ สมควรได้รับชื่อเสียง ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะมีคนเสนอคู่มือการฝึกที่สูงกว่า เคล็ดวิชาเซียนมนุษย์ ให้ โม่บ่อกี้ ก็คงไม่สนใจอีก

เดี๋ยวก่อนนะ ... ทำไมผู้คนถึงถือว่า <พื้นฐานของการเพาะปลูกเป็นขยะเมื่อมันสามารถช่วยให้เขากลายเป็น 'เซียนได้

เป็นไปได้ว่าเขาได้เปิด จุดชีพจร ไม่ใช่ช่องทางจิตวิญญาณ น่าจะใช่ เเล้วอะไรคือความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างจุดชีพจรและช่องทางจิตวิญญาณ

โม่อบ่กี้ ไม่เข้าใจดังนั้นเขาจึงได้แต่เก็บไว้ในใจ เขาอาจจะไม่เข้าใจทฤษฎีที่อยู่เบื้องหลังในตอนนี้

เมื่อเขากำลังจะเปิดประตูออกไป โม่บ่อกี้ มั่นใจว่า เฉินเหลียน จะถามเขาว่าทำไมเขาถึงอยู่ในห้องนานนัก ถึงอย่างนั้น โม่บ่อกี้ ก็ไม่คิดว่า เฉินเหลียน ไม่ได้อยู่ข้างนอก โม่บ่อกี้ ลูบจมูกด้วยความอายและหัวเราะเบาๆกับตัวเอง ที่เขาคิดมากจนเกินไป

จะมีงานชุมนุมประตูน้ำพุอมตะ ขึ้นในอีกไม่ถึงหนึ่งเดือน เขาจะต้องซื้อสมุนไพรและกลั่นยาเปิดช่องทางก่อนที่จะเริ่มงานชุมนุม

แม้ว่าเขาจะมีรากฐานมนุษย์เท่านั้น แต่เขาก็สามารถฝึกฝนและก้าวหน้าอย่างรวดเร็วได้ การเปฺิดสามจุดชีพจรของเขานั้น มันยังไม่เพียงพอ หากเขาต้องการความคืบหน้าที่เร็วขึ้นเขาจะต้องเปิดจุดชีพจรให้มากขึ้น

"เจ้ากำลังจะออกไปข้างนอกหรือขณะที่ โม่บ่อกี้กำลังจะออกไป เฉินเหลียน เปิดประตูจากห้องด้านขวาออกมาพอดี

"ใช่แล้ว ข้าจะออกไปซื้อส่วนผสมบางอย่าง ... " โม่บ่อกี้ เเล้วเข้าก็ตระหนักว่าเขายังจะต้องซื้ออุปกรณ์การกลั่นยาบางอย่างซึ่งจะเสียค่าใช้จ่ายไม่น้อย นอกจากนี้ สมุนไพรในฉางลู่ ยังมีราคาที่เเพงมากกว่า เฉิงตู

"เจ้ามีเงินให้ข้ายืมบ้างไหม แน่นอนว่าข้าจะคืนให้เจ้าตอนนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเพาะปลูกของเขา มันไม่มีเหตุผลที่เขาต้องหน้าบางกับการยืมเงินที่จำเป็น
เฉินเหลียน จ้องมองที่ โม่บ่อกี้เจ้าไม่ได้ปฏิเสธเงินที่ข้าเสนอให้เจ้าสำหรับห้องนี้หรือ"

โม่บ่อกี้ โบกมือ "ปกติข้าจะไม่ขอเงินนั้น ตอนนี้ข้าต้องซื้อส่วนผสมแล้วข้ากลัวว่าข้าจะไม่มีทองเพียงพอ ถ้าหากเงินไม่ได้ใช้จ่าย ข้าจะส่งคืนให้กับท่าน"

ทันใดนั้นหน้าของ เฉินเหลียน ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงขณะที่นางพูดติดอ่างว่า "ระ เรื่องนี้ ... ตอนนี้..ข้ายังไม่มีเงิน..แต่ข้าจะได้อะไรบางอย่างเมื่องานชุมนุมประตูน้ำพุอมตะ เปิดขึ้น "

ตาของ โม่บ่อกี้ เบิกกว้างขึ้นขณะที่มองเฉินเหลียน ว่า "เจ้าไม่มีเงินใช่ไหม แปลว่าเรื่องที่เจ้าเสนอให้จ่ายค่าเช่าก่อนหน้านี้ เจ้าโกหกข้าหรือ"

ใบหน้าของ เฉินเหลียนเต็มไปด้วยความอับอาย นางจึงกล่าวว่า "ข้าสอนพื้นฐานสำคัญของการเพาะปลูก ที่ควรจะเกินพอที่จะจ่ายค่าเช่า ให้กับเจ้าเเล้ว"

โม่บ่อกี้ จึงเข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้มีแค่คำพูดเปล่าๆ เมื่อนางพูดเรื่องการจ่ายค่าเช่า ถ้าเขาต้องการเงินจริงๆ นางก็จะหาเหตุผลอื่นๆมาพูด เห็นได้ชัดเจนเลยว่านางโกหกสังเกตได้จากการที่ เฉินเหลียน ก้มหน้าลงแล้วพูดว่า "ก็เพราะเงินหมดนั่นแหละข้าถึงต้องออกไปจากที่นี่..ข้า..…"

เฉินเหลียน กำลังพูดความจริง นางกลับมาที่โรงเตี๊ยม นางรู้ว่าห้องนี้มีสองห้อง นางจึงต้องการเจรจากับแขกปัจจุบันเพื่อเข้าพัก เมื่องานชุมนุมประตูน้ำพุอมตะเปิดขึ้นนางจะสามารถจ่ายคืนให้กับเขาได้สองเท่า

เมื่อดูจากความหงุดหงิดของ โม่บ่อกี้ กับการพยามฝึกฝน นางก็พยายามอย่างเต็มที่ ที่จะสอนเขาเรื่องพื้นฐานของการฝึกฝน ถ้าโม่บ่อกี้ มีมโนธรรมเขาก็จะไม่เรียกเก็บค่าเช่า

ในความเป็นจริงมันเป็นตามความคาดคิดของนาง โม่บ่อกี้ ไม่ได้ขอค่าเช่าและรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งกับนาง นางคาดไม่ถึงว่า โม่บ่อกี้ จะขอยืมเงินนาง ถ้านางรู้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ นางไม่มีทางเปิดประตูห้องแน่นอน

แต่นางไม่มีทางเลือกอื่นนางทนหิวไม่ไหว

"จ๊อกกก!!   จ๊อกก..เสียงท้องของ เฉินเหลียน ดังขึ้น โม่บ่อกี้มองไปเบื้องล่างอย่างช่วยไม่ได้

หน้าของ เฉินเหลียน กลายเป็นสีแดงอมชมพู นางไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ที่นางเข้ามาในห้องนี้ครั้งแรก นางคอยเฝ้าดูประตูห้องของ โม่บ่อกี้ เมื่อมันเปิดออกก็แสดงว่า โม่บ่อกี้ จะต้องออกไปกินข้าวและนางก็จะออกมามากินข้าวฟรี

"เจ้าไม่มีเงินซื้อข้าวหรือโม่บ่อกี้ ได้แต่กุมขมับเพราะพูดไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับผู้หญิงที่ไม่มีเงินพอที่จะกินข้าว มันดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติถ้าสถานการณ์ของนางเหมือนเขาและ ย่านเอ๋อ แต่นางเป็นคนที่เคยอยู่ในโรงเตี๊ยม นภาลัย อันยิ่งใหญ่นี้ นางไม่ใช่คนที่น่าสงสารนางอาจใช้เงินหมดไปโดยไม่รู้ตัว

เฉินเหลียน ยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิม แต่นางก็เงยหน้าขึ้นพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า "ถูกแล้ว ข้าไม่มีเงินเหลือเลยแล้วและข้าตั้งใจจะกินข้าวมื้อนี้ ถ้าเจ้ายินดีให้ข้ายืมเงินข้าจะตอบคำถามทุกอย่าง เกี่ยวกับกา่รฝึกฝนของเจ้า"

โม่บ่อกี้ ตอบอย่างอ่อนโยนว่า "ไปเถอะ ... ไปกันเถอะเขาตั้งใจที่จะยืมเงินจาก เฉินเหลียน แต่ตอนนี้เขาเป็นคนให้เงินนางยืม เขายังต้องช่วยเหลือนางเรื่องอาหาร ตรรกะนี่มันคืออะไร เจ้าไม่มีทางที่จะตัดสินนางได้ด้วยเหตุผลธรรมดาทั่วไป


"มั่นใจได้ ฉันจะจ่ายเงินให้เจ้าเป็นสองเท่าขณะที่ทั้งสองคนออกจากโรงเตี๊ยมนภาลัย เฉินเหลียนสังเกตเห็นว่า โม่บ่อกี้ กำลังหงุดหงิด นางคิดว่า โม่บ่อกี้ ยังคงกังวลเรื่องเงินอยู่ดังนั้นนางจึงเริ่มที่จะปลอบใจเขา

โม่บ่อกี้ จึงโบกมือห้าม "ไม่ต้องห่วงนี่เป็นแค่เงินน้อยเท่านั้น"

สิ่งที่เขากังวลคือการกลั่นยาเปิดช่องทางจิตวิญญาณ ที่สำคัญกว่านั้นเขายังกังวลว่าเขาจะหาสถานที่ไหนที่จะสามารถเปิดจุดชีพจรของเขา หลังจากที่การเปิดจุดชีพจรของเขาต้องพึ่งพลังงานไฟฟ้า

"เจ้าดูเหมือนมีอะไรในใจเฉินเหลียน ถามด้วยความอ่อนโยน

โม่บ่อกี้ เบื่อหน่ายเกินกว่าที่จะตอบนาง จึงชี้ไปที่ร้านอาหารใกล้ๆ แล้วพูดว่า "กินที่นี่ก็แล้วกัน ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำหลังจากนี้"

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

แมวอ้วน : อีกนาทีเที่ยงคืน ก็ยังไม่รู้ว่าเเธออยู่ไหน
          ไก่ในตำนาน : ลุง จะร้องเพลงก็ให้เด็กยุคนี้มันเกิดทันหน่อยเดะ
แมวอ้วน : Let’s just drive out of town Let’s runaway Let’s get high Forget the world Forget everything…
ไก่ในตำนาน : อันนั้นมันก็ใหม่ไปเพิ่งลงยูทูบได้สองวันเอง ไอ้เพลง Drive ของ
วิโอเลต วอเทียร์ เนี่ย
         

บทที่ 54: สิบลมหายใจ


บทที่ 54: สิบลมหายใจ
เดอะแพนด้าทีม by ไก่ในตำไทย และ แมวตีกัน แปล

เฉินเหลียน มองดู โม่บ่อกี้ อย่างเงียบๆ และอธิบายเกี่ยวกับพื้นฐานด้านการเพาะปลูกว่า "การเพาะปลูกนั้นมีสามขอบเขต ได้แก่ ขอบเขตมนุษย์ ขอบเขตปฐพีและขอบเขตสวรรค์ แต่ละขอบเขตแบ่งออกเป็นสามขั้นตอนแต่ละขั้นตอนแบ่งออกเป็นอีกเก้าระดับ

การช่องเปิดช่องจิตวิญญาณเป็นขั้นตอนแรกของ ขอบเขตมนุษย์ คือหยวนดาน ขั้นตอนที่สองของ ขอบเขตมนุษย์ คือ ขั้นก่อเกิดจิตวิญญาณ และขั้นตอนที่สามคือ ขั้นทะลวงหลังจากผ่านขั้นทะลวงไปได้เเล้วจะเข้าสู่ ขอบเขตปฐพี

ขั้นแรกของ ขอบเขตปฐพีคือ คือ ขั้นดินแดนแห่งหยวน[1]; ขั้นตอนที่สองคือ ทะเลสาปแห่งความจริง[1]; และขั้นที่สามคือ ขั้น สัจจะธรรมเเห่งพระเจ้า[1] ... "

เห็นว่า เฉินเหลียน ไม่ได้พูดต่อไปอีก โม่บ่อกี้ ถามอย่างใจจดใจจ่อว่า "สามขั้นของ ระดับสวรรค์ คืออะไร"

"ขอบเขตสวรรค์ มีตำนานเล่าว่าปรมาจารย์จากเทพนิยาย กึ่งสวรรค์ ได้ก้าวไปถึงขอบเขตสวรรค์ได้ อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้มักจะไม่แสดงตัว และส่วนใหญ่ยังคงติดอยู่ในขั้นตอนแรก ดังนั้นสามขั้นตอนของ ขอบเขตสวรรค์ จึงไม่มีความสำคัญกับเราสักนิด ถึงจะรู้ว่าพวกเขาทำอะไรได้ก็เท่านั้น" เฉินเหลียน พูดแล้วก็ถอนหายใจ

ในหลายร้อยหลายพันปีที่ผ่านมามีเซียนสักคนไหม ที่อยู่ในขอบเขตทั้งห้าสามารถข้ามเข้าสู่ขอบเขตสวรรค์

โม่บ่อกี้ รู้ได้ว่า เฉินเหลียน ไม่ใช่คนพูดจาไร้สาระ ขอบเขตสวรรค์ยังอยู่ไกลเกินเอื้อมเมื่อคิดถึงสิ่งที่ เฉินเหลียน พูดแต่เขาก็ยังถามด้วยความรู้สึกโลเลว่า "ก่อนหน้านี้ท่านเคยพูดถึงการเพาะปลูกถึงขั้นที่สิบ ของการเปิดช่องทางจิตวิญญาณ ว่าไม่ใช่การเสียเวลา แต่สิ่งที่ท่านเพิ่งพูดดูขัดกับ ระดับการเปิดช่องทางจิตวิญญาณที่สิบ ที่พวกเราคุยกันมาก่อนหน้านี้"

เฉินเหลียน ตอบว่า "เพราะในระดับที่เก้าคือการทะลวงด่านเป็นตาย ผู้คนมากมายทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อจะก้าวข้ามขอบเขตของความเป็นมนุษย์ เพื่อเข้าสู่ขั้นหยวนดานของขอบเขตปฐพี แต่พวกเขาไม่ได้กลับมา"

"มันเป็นเรื่องปกติเหรอ" โม่บ่อกี้ รู้สึกสับสนอย่างที่สุด ถึงแม้ว่าเขาจะมาถึงระดับเก้าทะลวงด่านเป็นตาย เขาจะต้องทุ่มเททุกอย่างเพื่อการก้าวเข้าสู่ระดับปฐพี

"ใช่มันเป็นเรื่องปกติ แต่มีคนน้อยมากที่ทราบว่ามีอีกหนึ่ง ขั้น หลังที่เสี่ยงตายระดับที่เก้า" เฉินเหลียน กล่าว

"มันเป็นขั้นอะไร" โม่บ่อกี้ ถามด้วยความอยากรู้  

ไฟแห่งความปรารถนาลุกโชนขึ้นในดวงตาของ เฉินเหลียน "มันเรียกว่า ขั้นราชันย์มนุษย์ และเป็นระดับที่ สิบของ ขั้นทะลวงด่านเป็นตาย แม้ว่าจะมีผู้ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องระดับที่สิบ แต่ก็ยังมีบางคนที่พยายามทำอยู่ แต่ก็ไม่มีใครสามารถฝึกฝนจนสามารถก้าวเข้าสู่ระดับสิบ ของการทะลวงด่านเป็นตายได้ ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่อยากทำ แต่เพราะพวกเขาทำไม่ได้ การที่จะฝึกฝนเข้าสู่ ขั้นราชันย์มนุษย์ เจ้าต้องฝึกฝนให้อยู่ในระดับสิบ ในช่วงแรกของสามขั้นตอนของขอบเขตมนุษย์ก่อน เพื่อเปิดช่องทางจิต หลังจากนั้นเจ้าจะต้องฝึกฝนจนระดับสิบ ของขั้นก่อเกิดจิต แล้วเจ้าจะมีโอกาสเเม้ว่าจะน้อยอย่างที่สุดที่จะก้าวเข้าสู่ระดับที่สิบ ของการทะลวงด่านเป็นตาย ขั้นราชันย์ "

เมื่อมาถึงจุดนี้ เฉินเหลียน มองไปที่ โม่บ่อกี้ อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพูดต่อช้าๆ "ในความเป็นจริงการฝึกฝนที่อยู่ในระดับที่สิบ ของขั้นการทะลวงด่านเป็นตาย เป็นเรื่องที่เกือบเป็นไปไม่ได้ที่ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสามขั้นตอนของ ขอบเขตมนุษย์ เจ้าคงจะไม่คิดว่าจะไปถึงระดับสิบ ของขั้นการทะลวงด่านเป็นตาย ได้ด้วยการใช้เพียงเวลาและความพยายามเท่านั้นหรอกนะ"

แล้วการเข้าสู่ขั้นราชันย์มนุษย์นั้นมีประโยชน์มากแค่ไหนโม่บ่อกี้ ถามต่อแม้ว่าหลังจากฟังคำอธิบายของ เฉินเหลียน แล้วแต่เขาก็ไม่เข้าใจพวกมันเลย แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเข้าถึงได้เขาก็อยากรู้ว่ามันคืออะไร

เฉินเหลียน ตอบว่า "ประการแรกผู้ฝึกฝนที่เข้าสู่ ขั้นชันย์มนุษย์ จะมีอนาคตที่สดใส ประการที่สองพวกเขาจะเเข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ ในระดับเดียวกัน โดยปกติแล้วสำหรับผู้ที่อยู่ในขอบเขตมนุษยนั้น แม้ว่าจะอยู่ในระดับที่สูงที่สุดในระดับที่เก้าของ ขั้นทะลวงด่านเป็นตาย หรืออยู่ในช่วงใกล้เคียงขั้นหยวนดาน แต่ความรุนแรงของพลัง ของพวกเขาก็ยังคงต่ำกว่าผู้ที่อยู่ในระดับหยวนดานจริงๆ แต่สำหรับผู้ที่อยู่ใน ขั้นราชันย์มนุษย์ พวกเขาสามารถไปได้ไกลกว่าระดับปัจจุบันของพวกเขา และแทบจะกลายเป็นคู่มือกับผู้เชี่ยวชาญในระดับหยวนดาน นี่คือความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุด "

ถึงแม้ว่า เฉินเหลียน จะพูดถึงหลายสิ่งหลายอย่าง โม่บ่อกี้ ไม่เคยได้ยินเรื่องอะไรพวกนี้มาก่อน แต่เขารู้ว่าภูมิปัญญาของ เฉินเหลียน เพียงพอสำหรับเขาที่จะขอให้นางเป็นอาจารย์ของเขา

"ศิษย์พี่ข้าไม่รู้เรื่องการฝึกฝนเลย ช่วยแนะนำข้าด้วยเถิด"โม่บ่อกี้ ยืนขึ้นและคำนับด้วยความเคารพ

เฉินเหลียน หยิบชาขึ้นมาและพูดว่า "ได้สิ ข้าจะอธิบายการกระจายตัวของช่องทางวิญญาณในร่างกายและวิธีการดูดซับพลังงานทางจิตวิญญาณ สำหรับส่วนที่เหลือข้าไม่สามารถที่จะสอนให้เจ้าได้ เจ้าจะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง "

"ขอบคุณศิษย์พี่"

นี่เป็นสิ่งที่ โม่บ่อกี้ ขาดหายไป เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจะฝึกฝนอย่างไร ในทางตรงกันข้าม เฉินเหลียน ก็มิใช่คนเห็นแก่ตัวอะไร และสอนสามารถให้ โม่บ่อกี้ ว่าจะใช้ประโยชน์จากช่องทางวิญญาณที่เปิดกว้างเพื่อหมุนเวียนและดูดซับพลังทางจิตวิญญาณได้อย่างไร นอกจากนี้นางยังสอนให้เขารู้จักการไหลเวียนและการไหลเวียนขั้นสูง แม้จะบอกว่าโม่บ่อกี้ จะประสานความคิดและช่องทางวิญญาณที่เปิดกว้างเพื่อดูดซับพลังงานทางจิตวิญญาณได้ แต่เขาไม่สามารถจดจำทุกสิ่งทุกอย่างได้ในจุดนั้น โม่บ่อกี้ ก็หยิบปากกาและกระดาษมาบันทึกไว้ทั้งหมด

การเรียนการสอนเป็นไปอย่างต่อเนื่องในครึ่งวัน ปากของ เฉินดหลียน แห้งผาก นางจึงลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า "ข้าต้องพักผ่อนแล้ว การอยู่กับเจ้าในห้องนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ"

"ขอบคุณศิษย์พี่ ข้าจะไม่มีวันลืมความกรุณาของท่านในการสอนฉข้าในวันนี้"โม่บ่อกี้ ตอบอย่างนอบน้อม อะไรที่ เฉินเหลียน สอนให้เขาในวันนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ปกติเขาสามารถเรียนรู้ได้จากที่อื่น แม้ว่าเขาจะกลายเป็นศิษย์ธรรมดา แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเรียนรู้สิ่งที่มีประโยชน์มากมาย

"ช่างมันเถอะ ข้าไม่อยากให้เจ้ารู้สึกเหมือนเป็นลูกศิษย์ของข้าเลย" เฉินเหลียน เดินเข้าไปในห้องด้านขวาหลังจากที่นางพูดเสร็จ นางเกือบจะใช้เวลาเกือบหนึ่งวัน เพื่อที่จะได้เข้าไปในห้องนี้และห้องด้านใน

โม่บ่อกี้ หัวเราะเบาๆ เขาแอบพูดกับตัวเองว่าเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะขอให้นางเป็นอาจารย์ของเขา

เมื่อ เฉินเหลียน มาถึงประตูห้องของนางก็หยุดและหันกลับไปตอบว่า "จริงสิ!! แล้วรากวิญญาณของเจ้าเป็นอย่างไร เจ้าเคยเปิดช่องทางวิญญาณมากแค่ไหนก่อนที่จะเปิดจิตวิญญาณของเจ้า"

โม่บ่อกี้ หยุดเล็กน้อย เขามีรากวิญญาณอะไรกันหละ ถ้าเขาบอกว่าเขาไม่มีรากวิญญาณและไม่เคยเปิดช่องทางวิญญาณสักครั้งหนึ่งใครจะรู้ได้ว่า เฉินเหลียน ที่ยอมพร่ำสอนจนปากคอแห้ง จะบีบคอเขาหรือไม่


"รากวิญญาณของข้าเป็นเพียงค่าเฉลี่ยเท่านั้นและข้าไม่ค่อยสบายใจในการเปิดเผยช่องทางที่ข้าเปิดไว้ ทั้งพรสวรรค์และความสามารถของข้าห่างไกลจาก ศิษย์พี่เฉินมากนัก" โม่บ่อกี้i หัวเราะตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะที่เขินอาย

เฉินเหลียน พูดอย่างสงบ "ข้ารู้ว่าเจ้ามีพรสวรรค์อยู่ข้างใน ข้าเพียงต้องการเตือนเจ้าว่า แม้กระทั่งสำหรับผู้ที่มีรากฐานทางวิญญาณสูงสุดที่กำลังดูดพลังทางจิตวิญญาณเป็นครั้งแรก พวกเขาต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งวันก่อนที่พวกเขาจะรู้สึกถึงพลังทางจิตวิญญาณ สำหรับคนที่อ่อนไหวทางจิตวิญญาณการรับรู้พลังงานจิตภายในสองชั่วโมงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ คนที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณที่มีคุณภาพสูงต้องใช้เวลาสามถึงห้าวันก่อนที่จะรับรู้ถึงจิตวิญญาณ คนที่มีรากฐานทางจิตที่มีคุณภาพระดับกลางต้องใช้เวลาประมาณ สิบวัน ในขณะที่คนที่มีคุณภาพต่ำต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือหลายปี

เมื่อจบประโยคสุดท้ายของนางแล้ว เฉินเหลียน ก็ผลักประตูเข้าไปและเดินเข้าไปในห้องของนาง ประโยคสุดท้ายดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่ โม่บ่อกี้ เขาหัวเราะและคว้าตำราของเขาอย่างรวดเร็ว เขาเข้าห้องด้านซ้าย เขาไม่ได้มีรากฐานทางจิตวิญญาณเลย ใครจะสนใจว่าจะใช้เวลาสักสองสามเดือนเพื่อรับรู้ถึงพลังจิตวิญญาณเขามีวิธีการและตำราแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่คือพยายามทำ สิ่งที่เขาได้เรียนรู้จาก เฉินเหลียน นั้นมากเกินไปดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะใช้เวลาสองเดือนที่นี่เพื่อลองใช้งานแบบไม่หยุดยั้ง


ย้อนกลับไปในห้องพัก โม่บ่อกี้ เริ่มฝกฝนตามวิธีการที่ เฉินเหลียน สอนให้เขาดูดซับพลังงานทางจิตและเริ่มต้นรอบการไหลเวียนในร่างกาย ตระหนักดีว่าผู้ที่มีรากฐานทางวิญญาณที่เลวร้ายที่สุดจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนในการรับรู้ถึงพลังทางจิตวิญญาณ

โม่บ่อกี้ ตอนนี้อยู่ในสภาวะสงบอย่างสมบูรณ์ เขาไม่มีรากวิญญาณและยังไม่ถึงครึ่งวัน มันจะผิดปกติถ้าเขาสามารถสัมผัส ถึงความรู้สึกของพลังทางจิตวิญญาณจริงๆได้ การฝึกฝนเดิมเป็นกระบวนการที่เป็นระเบียบและมีการปรับปรุงที่ช้าดังนั้นทำไมต้องรีบเร่ง

หายใจเข้าลึก โม่บ่อกี้ หลับตาลงและเริ่มรู้สึกถึงพลังทางจิตวิญญาณของสวรรค์และโลก ในขณะนั้นหัวใจของเขาสงบโดยไม่ต้องกังวลสักนิด เรื่องไร้สาระแม้กระทั่งผู้ที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณสูงสุด ก็จะต้องใช้เวลาสักหนึ่งวันในการรับรู้ถึงพลังทางจิตวิญญาณ จะเกิดขึ้นถ้าเขาถูกรบกวน

ในการหายใจที่สิบ ของเขา โม่บ่อกี้ รู้สึกถึงการไหลเวียนของอากาศที่เย็นผ่านทางจุดชีพจรที่เปิดอยู่ครั้งแรกหลังจากนั้นครึ่งหนึ่งของการไหลเวียนเล็กน้อยเข้าสู่จุดชีพจรที่สองของเขา
โม่บ่อกี้ รู้สึกช็อกและลืมตาขึ้น การไหลของอากาศหายไป นี่เป็นเพียงครึ่งหนึ่งของการไหลเวียนเล็กน้อยและ โม่บ่อกี้ รู้สึกว่าร่างกายของเขามีน้ำหนักเบามาก

นี้ง่ายเกินไปใช่ไหม นี่เป็นสิ่งสร้างขึ้นได้หรือไม่ แต่เขารู้ดีว่าไม่มีรากฐานทางจิตวิญญาณ

โม่บ่อกี้ ระเบิดความสุขหลังจากที่ อึ้งไปชั่วขณะ ตราบเท่าที่เขาสามารถฝึกฝนได้ ใครจะไปสนล่ะ หากเขาจะรากฐานทางจิตวิญญาณ ช่วงเวลาต่อไป โม่บ่อกี้ รีบดึงตำราออกมาและเปิดข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการฝึกฝน  เขาล้างความคิดในหัวของเขาออกจนหมดสิ้นและเริ่มฝึกการไหลเวียนในทันที

(TL หมายเหตุ: เราเปลี่ยนลำดับชั้นของการเพาะปลูกเป็น Realm -> Stage -> Level เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น)

///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

          แมวอ้วน : ลงชดเชยให้แล้วนะจีะ