วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2561

บทที่ 54: สิบลมหายใจ


บทที่ 54: สิบลมหายใจ
เดอะแพนด้าทีม by ไก่ในตำไทย และ แมวตีกัน แปล

เฉินเหลียน มองดู โม่บ่อกี้ อย่างเงียบๆ และอธิบายเกี่ยวกับพื้นฐานด้านการเพาะปลูกว่า "การเพาะปลูกนั้นมีสามขอบเขต ได้แก่ ขอบเขตมนุษย์ ขอบเขตปฐพีและขอบเขตสวรรค์ แต่ละขอบเขตแบ่งออกเป็นสามขั้นตอนแต่ละขั้นตอนแบ่งออกเป็นอีกเก้าระดับ

การช่องเปิดช่องจิตวิญญาณเป็นขั้นตอนแรกของ ขอบเขตมนุษย์ คือหยวนดาน ขั้นตอนที่สองของ ขอบเขตมนุษย์ คือ ขั้นก่อเกิดจิตวิญญาณ และขั้นตอนที่สามคือ ขั้นทะลวงหลังจากผ่านขั้นทะลวงไปได้เเล้วจะเข้าสู่ ขอบเขตปฐพี

ขั้นแรกของ ขอบเขตปฐพีคือ คือ ขั้นดินแดนแห่งหยวน[1]; ขั้นตอนที่สองคือ ทะเลสาปแห่งความจริง[1]; และขั้นที่สามคือ ขั้น สัจจะธรรมเเห่งพระเจ้า[1] ... "

เห็นว่า เฉินเหลียน ไม่ได้พูดต่อไปอีก โม่บ่อกี้ ถามอย่างใจจดใจจ่อว่า "สามขั้นของ ระดับสวรรค์ คืออะไร"

"ขอบเขตสวรรค์ มีตำนานเล่าว่าปรมาจารย์จากเทพนิยาย กึ่งสวรรค์ ได้ก้าวไปถึงขอบเขตสวรรค์ได้ อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้มักจะไม่แสดงตัว และส่วนใหญ่ยังคงติดอยู่ในขั้นตอนแรก ดังนั้นสามขั้นตอนของ ขอบเขตสวรรค์ จึงไม่มีความสำคัญกับเราสักนิด ถึงจะรู้ว่าพวกเขาทำอะไรได้ก็เท่านั้น" เฉินเหลียน พูดแล้วก็ถอนหายใจ

ในหลายร้อยหลายพันปีที่ผ่านมามีเซียนสักคนไหม ที่อยู่ในขอบเขตทั้งห้าสามารถข้ามเข้าสู่ขอบเขตสวรรค์

โม่บ่อกี้ รู้ได้ว่า เฉินเหลียน ไม่ใช่คนพูดจาไร้สาระ ขอบเขตสวรรค์ยังอยู่ไกลเกินเอื้อมเมื่อคิดถึงสิ่งที่ เฉินเหลียน พูดแต่เขาก็ยังถามด้วยความรู้สึกโลเลว่า "ก่อนหน้านี้ท่านเคยพูดถึงการเพาะปลูกถึงขั้นที่สิบ ของการเปิดช่องทางจิตวิญญาณ ว่าไม่ใช่การเสียเวลา แต่สิ่งที่ท่านเพิ่งพูดดูขัดกับ ระดับการเปิดช่องทางจิตวิญญาณที่สิบ ที่พวกเราคุยกันมาก่อนหน้านี้"

เฉินเหลียน ตอบว่า "เพราะในระดับที่เก้าคือการทะลวงด่านเป็นตาย ผู้คนมากมายทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อจะก้าวข้ามขอบเขตของความเป็นมนุษย์ เพื่อเข้าสู่ขั้นหยวนดานของขอบเขตปฐพี แต่พวกเขาไม่ได้กลับมา"

"มันเป็นเรื่องปกติเหรอ" โม่บ่อกี้ รู้สึกสับสนอย่างที่สุด ถึงแม้ว่าเขาจะมาถึงระดับเก้าทะลวงด่านเป็นตาย เขาจะต้องทุ่มเททุกอย่างเพื่อการก้าวเข้าสู่ระดับปฐพี

"ใช่มันเป็นเรื่องปกติ แต่มีคนน้อยมากที่ทราบว่ามีอีกหนึ่ง ขั้น หลังที่เสี่ยงตายระดับที่เก้า" เฉินเหลียน กล่าว

"มันเป็นขั้นอะไร" โม่บ่อกี้ ถามด้วยความอยากรู้  

ไฟแห่งความปรารถนาลุกโชนขึ้นในดวงตาของ เฉินเหลียน "มันเรียกว่า ขั้นราชันย์มนุษย์ และเป็นระดับที่ สิบของ ขั้นทะลวงด่านเป็นตาย แม้ว่าจะมีผู้ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องระดับที่สิบ แต่ก็ยังมีบางคนที่พยายามทำอยู่ แต่ก็ไม่มีใครสามารถฝึกฝนจนสามารถก้าวเข้าสู่ระดับสิบ ของการทะลวงด่านเป็นตายได้ ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่อยากทำ แต่เพราะพวกเขาทำไม่ได้ การที่จะฝึกฝนเข้าสู่ ขั้นราชันย์มนุษย์ เจ้าต้องฝึกฝนให้อยู่ในระดับสิบ ในช่วงแรกของสามขั้นตอนของขอบเขตมนุษย์ก่อน เพื่อเปิดช่องทางจิต หลังจากนั้นเจ้าจะต้องฝึกฝนจนระดับสิบ ของขั้นก่อเกิดจิต แล้วเจ้าจะมีโอกาสเเม้ว่าจะน้อยอย่างที่สุดที่จะก้าวเข้าสู่ระดับที่สิบ ของการทะลวงด่านเป็นตาย ขั้นราชันย์ "

เมื่อมาถึงจุดนี้ เฉินเหลียน มองไปที่ โม่บ่อกี้ อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพูดต่อช้าๆ "ในความเป็นจริงการฝึกฝนที่อยู่ในระดับที่สิบ ของขั้นการทะลวงด่านเป็นตาย เป็นเรื่องที่เกือบเป็นไปไม่ได้ที่ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสามขั้นตอนของ ขอบเขตมนุษย์ เจ้าคงจะไม่คิดว่าจะไปถึงระดับสิบ ของขั้นการทะลวงด่านเป็นตาย ได้ด้วยการใช้เพียงเวลาและความพยายามเท่านั้นหรอกนะ"

แล้วการเข้าสู่ขั้นราชันย์มนุษย์นั้นมีประโยชน์มากแค่ไหนโม่บ่อกี้ ถามต่อแม้ว่าหลังจากฟังคำอธิบายของ เฉินเหลียน แล้วแต่เขาก็ไม่เข้าใจพวกมันเลย แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเข้าถึงได้เขาก็อยากรู้ว่ามันคืออะไร

เฉินเหลียน ตอบว่า "ประการแรกผู้ฝึกฝนที่เข้าสู่ ขั้นชันย์มนุษย์ จะมีอนาคตที่สดใส ประการที่สองพวกเขาจะเเข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ ในระดับเดียวกัน โดยปกติแล้วสำหรับผู้ที่อยู่ในขอบเขตมนุษยนั้น แม้ว่าจะอยู่ในระดับที่สูงที่สุดในระดับที่เก้าของ ขั้นทะลวงด่านเป็นตาย หรืออยู่ในช่วงใกล้เคียงขั้นหยวนดาน แต่ความรุนแรงของพลัง ของพวกเขาก็ยังคงต่ำกว่าผู้ที่อยู่ในระดับหยวนดานจริงๆ แต่สำหรับผู้ที่อยู่ใน ขั้นราชันย์มนุษย์ พวกเขาสามารถไปได้ไกลกว่าระดับปัจจุบันของพวกเขา และแทบจะกลายเป็นคู่มือกับผู้เชี่ยวชาญในระดับหยวนดาน นี่คือความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุด "

ถึงแม้ว่า เฉินเหลียน จะพูดถึงหลายสิ่งหลายอย่าง โม่บ่อกี้ ไม่เคยได้ยินเรื่องอะไรพวกนี้มาก่อน แต่เขารู้ว่าภูมิปัญญาของ เฉินเหลียน เพียงพอสำหรับเขาที่จะขอให้นางเป็นอาจารย์ของเขา

"ศิษย์พี่ข้าไม่รู้เรื่องการฝึกฝนเลย ช่วยแนะนำข้าด้วยเถิด"โม่บ่อกี้ ยืนขึ้นและคำนับด้วยความเคารพ

เฉินเหลียน หยิบชาขึ้นมาและพูดว่า "ได้สิ ข้าจะอธิบายการกระจายตัวของช่องทางวิญญาณในร่างกายและวิธีการดูดซับพลังงานทางจิตวิญญาณ สำหรับส่วนที่เหลือข้าไม่สามารถที่จะสอนให้เจ้าได้ เจ้าจะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง "

"ขอบคุณศิษย์พี่"

นี่เป็นสิ่งที่ โม่บ่อกี้ ขาดหายไป เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจะฝึกฝนอย่างไร ในทางตรงกันข้าม เฉินเหลียน ก็มิใช่คนเห็นแก่ตัวอะไร และสอนสามารถให้ โม่บ่อกี้ ว่าจะใช้ประโยชน์จากช่องทางวิญญาณที่เปิดกว้างเพื่อหมุนเวียนและดูดซับพลังทางจิตวิญญาณได้อย่างไร นอกจากนี้นางยังสอนให้เขารู้จักการไหลเวียนและการไหลเวียนขั้นสูง แม้จะบอกว่าโม่บ่อกี้ จะประสานความคิดและช่องทางวิญญาณที่เปิดกว้างเพื่อดูดซับพลังงานทางจิตวิญญาณได้ แต่เขาไม่สามารถจดจำทุกสิ่งทุกอย่างได้ในจุดนั้น โม่บ่อกี้ ก็หยิบปากกาและกระดาษมาบันทึกไว้ทั้งหมด

การเรียนการสอนเป็นไปอย่างต่อเนื่องในครึ่งวัน ปากของ เฉินดหลียน แห้งผาก นางจึงลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า "ข้าต้องพักผ่อนแล้ว การอยู่กับเจ้าในห้องนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ"

"ขอบคุณศิษย์พี่ ข้าจะไม่มีวันลืมความกรุณาของท่านในการสอนฉข้าในวันนี้"โม่บ่อกี้ ตอบอย่างนอบน้อม อะไรที่ เฉินเหลียน สอนให้เขาในวันนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ปกติเขาสามารถเรียนรู้ได้จากที่อื่น แม้ว่าเขาจะกลายเป็นศิษย์ธรรมดา แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเรียนรู้สิ่งที่มีประโยชน์มากมาย

"ช่างมันเถอะ ข้าไม่อยากให้เจ้ารู้สึกเหมือนเป็นลูกศิษย์ของข้าเลย" เฉินเหลียน เดินเข้าไปในห้องด้านขวาหลังจากที่นางพูดเสร็จ นางเกือบจะใช้เวลาเกือบหนึ่งวัน เพื่อที่จะได้เข้าไปในห้องนี้และห้องด้านใน

โม่บ่อกี้ หัวเราะเบาๆ เขาแอบพูดกับตัวเองว่าเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะขอให้นางเป็นอาจารย์ของเขา

เมื่อ เฉินเหลียน มาถึงประตูห้องของนางก็หยุดและหันกลับไปตอบว่า "จริงสิ!! แล้วรากวิญญาณของเจ้าเป็นอย่างไร เจ้าเคยเปิดช่องทางวิญญาณมากแค่ไหนก่อนที่จะเปิดจิตวิญญาณของเจ้า"

โม่บ่อกี้ หยุดเล็กน้อย เขามีรากวิญญาณอะไรกันหละ ถ้าเขาบอกว่าเขาไม่มีรากวิญญาณและไม่เคยเปิดช่องทางวิญญาณสักครั้งหนึ่งใครจะรู้ได้ว่า เฉินเหลียน ที่ยอมพร่ำสอนจนปากคอแห้ง จะบีบคอเขาหรือไม่


"รากวิญญาณของข้าเป็นเพียงค่าเฉลี่ยเท่านั้นและข้าไม่ค่อยสบายใจในการเปิดเผยช่องทางที่ข้าเปิดไว้ ทั้งพรสวรรค์และความสามารถของข้าห่างไกลจาก ศิษย์พี่เฉินมากนัก" โม่บ่อกี้i หัวเราะตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะที่เขินอาย

เฉินเหลียน พูดอย่างสงบ "ข้ารู้ว่าเจ้ามีพรสวรรค์อยู่ข้างใน ข้าเพียงต้องการเตือนเจ้าว่า แม้กระทั่งสำหรับผู้ที่มีรากฐานทางวิญญาณสูงสุดที่กำลังดูดพลังทางจิตวิญญาณเป็นครั้งแรก พวกเขาต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งวันก่อนที่พวกเขาจะรู้สึกถึงพลังทางจิตวิญญาณ สำหรับคนที่อ่อนไหวทางจิตวิญญาณการรับรู้พลังงานจิตภายในสองชั่วโมงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ คนที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณที่มีคุณภาพสูงต้องใช้เวลาสามถึงห้าวันก่อนที่จะรับรู้ถึงจิตวิญญาณ คนที่มีรากฐานทางจิตที่มีคุณภาพระดับกลางต้องใช้เวลาประมาณ สิบวัน ในขณะที่คนที่มีคุณภาพต่ำต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือหลายปี

เมื่อจบประโยคสุดท้ายของนางแล้ว เฉินเหลียน ก็ผลักประตูเข้าไปและเดินเข้าไปในห้องของนาง ประโยคสุดท้ายดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่ โม่บ่อกี้ เขาหัวเราะและคว้าตำราของเขาอย่างรวดเร็ว เขาเข้าห้องด้านซ้าย เขาไม่ได้มีรากฐานทางจิตวิญญาณเลย ใครจะสนใจว่าจะใช้เวลาสักสองสามเดือนเพื่อรับรู้ถึงพลังจิตวิญญาณเขามีวิธีการและตำราแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่คือพยายามทำ สิ่งที่เขาได้เรียนรู้จาก เฉินเหลียน นั้นมากเกินไปดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะใช้เวลาสองเดือนที่นี่เพื่อลองใช้งานแบบไม่หยุดยั้ง


ย้อนกลับไปในห้องพัก โม่บ่อกี้ เริ่มฝกฝนตามวิธีการที่ เฉินเหลียน สอนให้เขาดูดซับพลังงานทางจิตและเริ่มต้นรอบการไหลเวียนในร่างกาย ตระหนักดีว่าผู้ที่มีรากฐานทางวิญญาณที่เลวร้ายที่สุดจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนในการรับรู้ถึงพลังทางจิตวิญญาณ

โม่บ่อกี้ ตอนนี้อยู่ในสภาวะสงบอย่างสมบูรณ์ เขาไม่มีรากวิญญาณและยังไม่ถึงครึ่งวัน มันจะผิดปกติถ้าเขาสามารถสัมผัส ถึงความรู้สึกของพลังทางจิตวิญญาณจริงๆได้ การฝึกฝนเดิมเป็นกระบวนการที่เป็นระเบียบและมีการปรับปรุงที่ช้าดังนั้นทำไมต้องรีบเร่ง

หายใจเข้าลึก โม่บ่อกี้ หลับตาลงและเริ่มรู้สึกถึงพลังทางจิตวิญญาณของสวรรค์และโลก ในขณะนั้นหัวใจของเขาสงบโดยไม่ต้องกังวลสักนิด เรื่องไร้สาระแม้กระทั่งผู้ที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณสูงสุด ก็จะต้องใช้เวลาสักหนึ่งวันในการรับรู้ถึงพลังทางจิตวิญญาณ จะเกิดขึ้นถ้าเขาถูกรบกวน

ในการหายใจที่สิบ ของเขา โม่บ่อกี้ รู้สึกถึงการไหลเวียนของอากาศที่เย็นผ่านทางจุดชีพจรที่เปิดอยู่ครั้งแรกหลังจากนั้นครึ่งหนึ่งของการไหลเวียนเล็กน้อยเข้าสู่จุดชีพจรที่สองของเขา
โม่บ่อกี้ รู้สึกช็อกและลืมตาขึ้น การไหลของอากาศหายไป นี่เป็นเพียงครึ่งหนึ่งของการไหลเวียนเล็กน้อยและ โม่บ่อกี้ รู้สึกว่าร่างกายของเขามีน้ำหนักเบามาก

นี้ง่ายเกินไปใช่ไหม นี่เป็นสิ่งสร้างขึ้นได้หรือไม่ แต่เขารู้ดีว่าไม่มีรากฐานทางจิตวิญญาณ

โม่บ่อกี้ ระเบิดความสุขหลังจากที่ อึ้งไปชั่วขณะ ตราบเท่าที่เขาสามารถฝึกฝนได้ ใครจะไปสนล่ะ หากเขาจะรากฐานทางจิตวิญญาณ ช่วงเวลาต่อไป โม่บ่อกี้ รีบดึงตำราออกมาและเปิดข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการฝึกฝน  เขาล้างความคิดในหัวของเขาออกจนหมดสิ้นและเริ่มฝึกการไหลเวียนในทันที

(TL หมายเหตุ: เราเปลี่ยนลำดับชั้นของการเพาะปลูกเป็น Realm -> Stage -> Level เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น)

///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

          แมวอ้วน : ลงชดเชยให้แล้วนะจีะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น