วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2561

บทที่ 39: ติดตาม


เข้ามาร่วมแบ่งปันความคิดเห็นกันได้ที่นี้  
https://www.facebook.com/groups/1941675866154289/
ไวกว่าประมาณสองถึงสามตอน
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องยาว ช่วงเเรกอาจจะน่าเบื่อไปนิด เเต่ผู้แปลรับประกันเลยว่า 50+ จะเริ่มน่าติดตามขึ้นเเน่นอน

บทที่ 39: ติดตาม
ไก่ในตำนาน และ แมวอ้วน แปล
"พี่หยวน น้าสิบเอ็ด  พวกท่านมากันแล้ว ข้าไม่ได้ฆ่าเขา ข้าแค่ตีเขาสลบแล้วหนีมา นี่คือท่านน้าของข้า โม่ เซียงตง ส่วนนี่คือเพื่อนของนาง จิ้ง เหล็งไป๋ ข้าเพิ่งเตรียมตัวพาพวกนางหนี" โม่บ่อกี้พูดโดยไม่ได้ปิดบังอะไร

หยวนเสิ่นยี ถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ดีแล้ว ขอแค่เจ้าไม่ฆ่าเขาก็ยอดเยี่ยมแล้ว มาๆข้าจะช่วยเจ้า"

โม่ บ่อกี้ ลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า "จริงๆแล้วยังมีอีกเรื่องที่ข้าอยากจะทำก่อนที่เราจะไป ข้าอยากที่จะฆ่าเจ้าพ่อค้าทาสคนนั้นที่ขายน้าของข้า ... "

โม่ เซียงตง ถอนหายใจ แล้วพูดว่า "บ่อกี้ เรียกข้าว่า เซียงตง เถอะข้าอายุน้อยกว่าเจ้า มันทำให้ข้าอึดอัดทุกครั้งที่เจ้าเรียกข้าว่า ท่านน้า"

อันที่จริง โม่บ่อกี้ ก็ไม่ได้สบายใจที่เรียก โม่เซียงตง ว่าท่านน้า นอกจากนั้นเขาก็ไม่ใช่ โม่ ชิงเหอ อีกต่อไปเเล้ว แต่เขาคือ โม่บ่อกี้

หยวน เสิ่นยี หัวเราะ ฮ่าๆ ๆ! "้เจ้าไม่ต้องกลัวที่จะบอกข้า ข้าต้องช่วยเจ้าอยู่แล้วไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน น้าสิบเอ็ดกับข้าจะช่วยหาทางให้เจ้าได้ฆ่ามัน แต่อย่าดูถูกพ่อค้าเหล่านี้ บางคนร่ำรวยมากพอที่จะจ้างผู้คุ้มกันที่มีฝีมือสูงกว่าพวกเรามาก"

"ข้าจะไปด้วย" ติงบู้เอ้อ รีบพูดขึ้น

โม่ บ่อกี้ โบกมือเพื่อหยุด ติงบู้เอ้อ "บู้เอ้อ เจ้าต้องอยู่ที่นี่ อย่างน้อยถ้ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับพวกเรา เจ้าอาจจะช่วยเราได้ถ้ามีใครบางคนรู้เรื่องนี้ อีกอย่างท่านน้าสิบเอ็ดโปรดอยู่ที่นี่ด้วย หากมีคนมากเกินไปเรื่องราวก็จะยุ่งยากขึ้น"

"บ่อกี้ พูดถูกแล้ว เพียงเเค่พวกเราสองคนก็พอแล้ว บู้เอ้อ และ น้าสิบเอ็ด จะอยู่ข้างหลัง ถึงแม้ว่าพ่อค้านั่นจะมีผู้คุ้มกัน ก็ยังไม่มีทางรอดมือข้าไปได้" หยวนเสิ่นยี กล่าวด้วยความหัวเราะ

อย่างไรก็ตาม น้าป้าสิบเอ็ด โบกมือปฏิเสธแล้วพูดว่า "ข้าไม่อยู่เฉยๆหรอก ข้าจะพา เซียงตง และ เหล็งไป๋ หนีไป เซียงตง กับ เหล็งไป๋ เป็นคนธรรมดาๆ พวกเจ้าจะต้องหาใครมาดูแลและคุ้มกันพวกนาง"

โม่เซียงตง เข้ามาขัดจังหวังอย่างกะทันหัน "ข้านั้นได้อาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารมาเป็นเวลาสองปีข้ารู้ว่าจะเอาตัวรอดและดูแลตัวเองได้อย่างไร"

น้าสิบเอ็ดหัวเราะแล้วพูดว่า "มันก็จริง แต่เจ้าจะทำอย่างไรถ้าเจอพวกโจร!"

หยวน เสิ่นยี พยักหน้า "น้าสิบเอ็ดพูดถูก พวกเจ้าคิดง่ายเกินไป มันไม่มีโอกาสที่พวกเจ้าจะรอดเลยถ้าเจอเข้ากับพวกกลุ่มโจร"
"นี่...จะทำให้น้าสิบเอ็ดเสียโอกาสไปที่เมืองหลวง อย่างไรข้าจะพาพวกเขาหนีไปเอง "  โม่ บ่อกี้ กล่าวด้วยความรู้สึกผิด

ที่สุดแล้ว โม่เซียงตง  ก็มีศักดิ์เป็นถึงน้าของเขาเเละเขาควรจะเป็นคนส่งนางหนีออกไป เเต่ในความเป็นจริงเเล้ว โม่ บ่อกี้ ไม่ได้ตั้งใจที่จะส่งพวกนางออกไปด้วยตัวเอง เป็นเพราะเขาไม่อาจจะสามารถสูญเสียโอกาสอันล้ำค่านี้ไปสู่เมืองหลวงได้ เขาลืมคิดถึงความจริงไปว่า เขาไม่ได้ปฏิบัติกับ โม่เซียงตง เหมือนเป็นน้าของเขา ถ้าเป็น ย่านเอ๋อ เขาจะหนีไปกับนางโดยไม่นึกถึงความยากลำบาก

น้าสิบเอ็ด หัวเราะ ฮ่า ๆ ๆบ่อกี้ ข้าเคยคิดว่า เสิ่นยี นั้นจะเป็นสหายที่แท้จริงเพียงคนเดียวของข้า ที่ไม่ทำตัวหน้าไำหว้หลังหลอกกับข้า แต่หลังจากดื่มเหล้าด้วยกันเมื่อคืน ข้าดีใจเหลือเกินที่ได้เจอกับเจ้า."

ในเวลาเดียวกันน้าเอ็ดก็กล่าวอย่างนุ่มนวลว่า "จะมีสักกี่คนในชีวิต ที่รู้จักตัวตนของเจ้ามิตรภาพที่แท้จริง เหลืออยู่สักเท่าใดแม้ว่าไม่อาจเป็นเพื่อนกัน แต่มันมีค่ามากมายเหลือเกินสำหรับข้า นอกจากนี้ข้าก็อายุมากแล้ว และข้าไม่มีรากฐานทางจิตวิญญาณ ข้าต้องทิ้งโอกาสไปเมืองหลวง พ่อค้าทาสคนนั้นควรจะขอบคุณดาวนำโชคของมัน ที่ยายแก่คนนี้ยอมเสียเวลามากทายที่จะไปเล่นกับมันด้วยตัวเอง"

หลังจากที่น้าสิบเอ็ดพูดออกมาเช่นนั้น สิ่งที่ โม่บ่อกี้ ได้พูดออกไปก็ไม่ต่างอะไรกับพวกหน้าซื่อใจคด บางครั้งคำว่า 'สหาย' อาจจะหนักเหมือนภูเขา หากวันข้างหน้า น้าสิบเอ็ด ต้องการความช่วยเหลือจากเขา เขาจะช่วยนางโดยไม่ลังเลเลย

โม่บ่อกี้ พูดอย่างจริงจังว่า "น้าสิบเอ็ด พี่เสิ่นยี และ บู้เอ้อ พวกท่านจะเป็นสหายที่ดีที่สุดของข้าเสมอ"  

          โม่ บ่อกี้ ได้ผ่านชีวิตและความตายมาแล้วและเขาก็รู้จักสหายที่แท้จริงเพียงไม่กี่คน                      

"ตุ๊บบ!" จิ้ง เหล็งไป๋ คุกเข่าลงพร้อมกับร้องไห้ เเละกล่าวว่า "ท่านโม่ หลังจากที่ท่านจับชายคนนั้นได้แล้วโปรดช่วยข้าหาผู้ที่ทำลายตระกูลจิ้งของข้าด้วย"

โม่บ่อกี้ ส่งสัญญาณให้ โม่เซียงตง ดึง จิ้งหลิงไป๋ ขึ้นมาและพูดว่า "เจ้ามั่นใจได้ว่าข้าจะทำเช่นนั้นแน่นอน"

จากนั้น โม่บ่อกี้ มองไปที่ โม่เซียงตง แล้วถามว่า "เจ้ารู้หรือไม่ว่า เหตุใดที่มาของอ๋องของราชวงศ์ฉินทางตอนเหนือจึงมาจากตระกูล จู?"

"หลังจาก จู ซู่เฟิง ได้ถูกลอบสังหาร จูซู่ฮัว ก็เข้ามารับตำแหน่ง น้องสาวของเขา จู ไฉ่หยุน เป็นนางสนมที่ อ๋องแห่งเฉิงตู ซือถูเชียน โปรดปรานแต่ข้าได้ยินมาว่า ซือถูเชียน มีนางสนมคนใหม่ที่โปรดปรานมากกว่าแล้ว จู ไฉ่หยุน ก็หายตัวไป ."

โม่ เซียงตง กล่าวเพียงไม่กี่ประโยค แต่ โม่ บ่อกี้เข้าใจถึงประเด็นสำคัญของปัญหาทั้งหมด ไม่น่าแปลกใจที่ตะกูล โม่ ผ่านแพ้ต่อการขึ้นครองราช ซือถูเชียน มันเป็นสุนัขจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์จริงๆ ข้าจะจัดการกับเจ้าให้ได้ในสักวัน
        ในตอนนี้ โม่บ่อกี้ จึงเข้าใจว่าทำไมเขาโชคดีรอดจากมีดประหารของ ซือถูเชียน น่าจะเป็นเพราะ จู ไฉ่หยุน หายตัวไปตั้งแต่นางไม่เป็นที่โปรดปราน ซือถูเชียน ปกติจะไม่สนใจเกี่ยวกับปัญหาของรัฐฉินทางตอนเหนือ กว่าที่ จูซู่ฮัว จะได้รู้เรื่องของ โม่บ่อกี้ มันก็สายเกินไปเสียแล้ว โม่บ่อกี้มั่นใจว่าถ้าเขาพำนักอยู่ในราวโจวนานกว่านั้นเขาก็จะตกอยู่ในอันตราย

    แต่แล้วใครเป็นคนที่ต้องการจะวางยาพิษเขา

"รีบไปก่อนที่เราจะเสียโอกาส" โม่บ่อกี้  สลัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไปและพูดว่า เขารู้ว่า โตว ป่าชี ได้ส่งคนไปฆ่าพ่อค้าทาสคนนั้น จะดีมากถ้า เสิ่นยี และเขากลายเป็นชาวประมงที่โชคดี [1]

ถึงแม้จะเป็นตอนค่ำแล้ว แต่ทะเลยังคงคึกคักและเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย โม่บ่อกี้, หยวนเสิ่ยี, น้าสิบเอ็ด, จิ้ง เหล็งไป๋ และ โม่ เซียงตง แต่ละคนจูงม้าและเดินเข้าไปในฝูงชนโดยไม่มีไครสนใจพวกเขา

"ใช่แล้วชายผู้นั้นกำลังออกไปจริงๆ(พ่อค้าทาสกำลังหนี)   ว้าวจริงๆแล้วเขามีผู้คุ้มกันไม่มากนัก" หยวนเสิ่นยี มองไปที่ม้านั่งที่ห่างออกไปและหัวเราะ

หลังจากที่รถม้าออกจากฝูงชน  หยวนเสิ่นยี รีบกล่าวทันทีว่า " มา.. เรามาจับพวกมันกันเถอะ."

โม่ บ่อกี้ หยุด หยวน เสิ่นยี  "เสิ่นยี รอ โตว ป่าชี มาเสียก่อนแล้วเราค่อยส่งคนไปดัดหลังพวกมัน เราเพียงแค่ต้องรอเป็นชาวประมงที่โชคดีเท่านั้น" [1]

"ฮาฮา ... " หยวนเสิ่นยู หัวเราะ "คนที่กำลังจะกลายเป็นคนตายอยู่เเล้ว  จริงๆเเล้วมันกล้าที่จะปล่อยตัวเพราะคิดว่าสถานที่นี้จะปลอดภัย คงเพราะมันคิดว่ามันมียามอยู่มากพอสมควร  มันจึงเพียงคิดแต่มองไปข้างหน้าเพื่อจะหนีเอาชีวิตรอดต่อไป"

โม่ บ่อกี้ หัวเราะอย่างเย็นชา "มันไม่ได้มุ่งหวังที่จะมีชีวิตต่อไปหรอก เเต่มันกำลังมองหาทางเพื่อหาเงินอีก  เพราะในสองวันเรือของ งานชุมนุมประตูอมตะ จะมาถึง
          
มันจะต้องคว้าโอกาสสองวันนี้เพื่อขายทาสหญิงให้มากขึ้น ข้าแน่ใจว่าถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับมัน  มันจะกลับมาในใหม่วันพรุ่งนี้  นี่คือสิ่งที่ผู้ชายโลภมากจะทำ"ถ้าหากพ่อค้าทาสผู้นั้นพอใจกับเงินที่มันทำแล้ว หลังจากนั้นมันก็จะเเล่นเรือออกไป มันจะมีชีวิตที่เต็มไปด้วยเงินทองแม้ว่าโม่บ่อกี้ ต้องการจะฆ่ามัน แต่เขาจะไม่เสียโอกาสที่จะไปที่เมืองหลวงหากทำแบบนั้น

ไม่นานนัก โม่บ่อกี้ก็เห็นว่า เจี่ยจิงนำชายสองคนตามตามพ่อค้าทาสไป

"เราไปกันได้แล้ว" โม่ บ่อกี้ พูดหลังจากที่แน่ใจได้ว่าไม่มีใครอื่นตามมา

...

หลังจากนั้นสองชั่วโมง หยวนเสิ่นยี ก็โบกมือให้ทั้งห้าคนหยุด "มีบางสิ่งเกิดขึ้นข้างหน้า เร็วเข้าปิดปากม้าของพวกเจ้าและเดินด้วยความระมัดระวัง"

โม่บ่อกี้ ใช้หูของเขาพยายามฟังเสียง เขาพยายามที่จะฟังเสียงคนสู้กันเท่านั้น เขาไม่สามารถที่จะทำสิ่งอื่นได้ แต่นั้นก็ทำให้ได้รับความชื่นชมจาก หยวนเสิ่นยี

การได้เห็น โม่บ่อกี้ ที่ตั้งใจใช้หูของเขา น้าสิบเอ็ด หัวเราะและพูดว่า "บ่อกี้ พวกเราอยู่ในที่มีลมแรงและเจ้าไม่เคยได้รับการฝึกมาก่อนเจ้าจึงไม่ได้ยินอะไรเลย  เเต่มันก็ดีมากที่พยายามทำตามเสิ่นยี"

โม่บ่อกี้รู้ว่าป้าเอ็ดไม่ได้ต่อว่า แต่นางไม่รู้ว่า เขาได้ยินเสียงการต่อสู้ สาเหตุเป็นเพราะเขาได้เปิดจุดชีพจรแล้ว

[1] ข้อความภาษาจีนต้นฉบับคือ: 渔翁 เป็นการปรับตัวของสำนวน鹬蚌相争, 渔翁得利 ดังนั้นนกกระสาและหอยกาบต่อสู้กันทั้งคู่ย่อมต้องได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ในที่สุดก็เป็นชาวประมงที่เป็นบุคคลที่สาม (渔翁) ที่ได้รับประโยชน์จากการต่อสู้ของพวกเขา โดยไม่ต้องออกแรงอะไรเลย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น