วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2561

บทที่ 37: ความสูญเสีย


เข้ามาร่วมแบ่งปันความคิดเห็นกันได้ที่นี้  
https://www.facebook.com/groups/1941675866154289/
ไวกว่าประมาณสองถึงสามตอน
บทที่ 37: ความสูญเสีย
ไก่ในตำนาน และ แมวอ้วน แปล
"ตระกูลโม่ที่เหลาอัน จบสิ้นแล้ว ... พวกเขาตายหมดแล้ว ... " โม่เซียงตง พูดด้วยน้ำตานองหน้า นางก็พูดต่อไปไม่ได้และเริ่มร้องไห้


เรื่องราวมันผ่านไปแล้วเจ้าเองก็รู้ เอาละไหนลองเล่ามาสิ " โม่บ่อกี้ ดึงตัว โม่เซียงตง ลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้ เหล้าอัน ที่ โม่เซียงตงพูดถึงคือ เมืองหลวง ของรัฐฉินทางตอนเหนือ ราชวงศ์โม่ต้นตระกูลของ โม่บ่อกี้ มีรกรากมาจากเมือง เหลาอันนี้เอง

         
โ่ม่บ่อกี้ ไม่กล้าที่จะถามเรื่อง ตระกูลโม่ ต่อหน้าคนอื่น แต่เขาไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้เลย เมื่ออยู่ต่อหน้า โม่เซียงตง

โม่เซียงตง ยังไม่หยุดร้องไห้ แต่นางก็ฝืนกล้ำกลืนอารมณ์ที่เศร้าโศกและความทุกข์ทรมานของนางไว้ แล้วเล่าว่า "เมื่อ สี่ปีก่อน ตระกูลโม่ ถูกลากเข้าสู่การลอบสังหาร อ๋อง ผู้ปกครองรัฐฉินทางตอนเหนือ... "

"เดี๋ยวก่อน ... ตระกูลโม่ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ดั้งเดิมของรัฐฉินตอนเหนือหรอกหรือ ทำไมถึงได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหาร อ๋องขอรัฐฉินตอนเหนือ?" โม่บ่อกี้  ขัดจังหวะ โม่เซียงตง และถามอย่างงุนงง

โม่เซียงตง เชิดหน้าขึ้นแล้วพูดว่า "เมื่อสี่ปีก่อน ทั้งที่ตะกูลโม่ของเราเป็นราชวงศ์ที่สืบทอดการปกครองรัฐฉินตอนเหนือมายาวนาน เเต่กลับเป็นตระกูล จู่ ที่ได้ขึ้นเป็นผู้ปกครองรัฐฉินตอนเหนือคนใหม่ หลังจากเจ้าเมืองคนก่อนหายสาบสูญไป จู่ ซู่เฟง เข้ารับตำแหน่งเป็นผู้ปกครองคนใหม่ ภายใต้การยุยงส่งเสริมของ อ๋องแห่งเสฉวน อย่างไรก็ดีดูเหมือนว่ายังไม่ถึงเวลาของเขา เขาถูกคนของตระกูลโม่ลอบสังหาร ฆาตกรแซ่โม่ถูกสังหารในที่เกิดเหตุ และนั่นทำให้ตระกูลโม่เก้าชั่วคน ถูกสั่งประหารชีวิต... "

ใบหน้าของ โม่บ่อกี้ เต็มไปด้วยความโศกเศร้า คนในตระกูลโม่ ลอบสังหารท่านอ๋องคนใหม่ มันช่างเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผล นี่ต้องเป็นแผนอุบายที่ร้ายกาจเพื่อจะสังหารคนในตระกูลโม่ทั้งเก้าชั่วคนแน่นอน ช่างโหดร้ายเหลือเกิน

ทำไมเจ้าถึงหลบหนีมาได้ล่ะ เมื่อพวกนั้นพบเจ้าทำไมพวกเขาถึงไม่ฆ่าเจ้าโม่บ่อกี้ มองไปที่ โม่เซียงตง อย่างไม่มั่นใจ

"ในปีที่ท่านอ๋องคนเก่าหายสาบสูญไป บิดามารดาเจ้าได้เดินทางไปเพื่อชิงสิทธิการสืบราชบัลลังก์ราชวงศ์ แต่กลับเงียบหายไม่มีข่าวคราวใดๆจากพวกเขา และสมาชิกในตระกูลโม่ที่เราส่งไปยังราวโจวก็ได้หายตัวไปด้วยเช่นกัน ."

เมื่อได้ยินเรื่องนี้โม่บ่กี้ก็เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ใครจากตระกูลโม่ มาที่ราวโจว ดูจากรูปการณ์นี้ พวกเขาถูฏลอบสังหารได้ทุกเวลาที่พวกเขาออกจาก เหลาอัน ผู้คนในตระกูลโม่ที่เหลือที่ราวโจว เป็นเพียงคนที่เหลือรอด จากตระกูลที่สาบสูญ ในเวลาเดียวกันนั้น จู่ซู่เฟง ก็ได้ได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองและตระกูลจู่ ก็ใช้อำนาจจัดการกับ ตระกูลโม่ ได้ในที่สุด

"เนื่องจากจำนวนคนล้มตายมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้นำตระกูลโม่จึงสั่งให้คนในตระกูลโม่ ทุกคนมาพักที่ เหลาอัน เมื่อสี่ปีก่อนข้าอายุเพียง สิบห้าปี ข้าถูกตามใจอย่างมาก ดังนั้น ข้าจึงตัดสินใจลองเสี่ยงหนีออกจาก เหลาอัน ไปเผชิญโลก หลังจากนั้นสองวัน ตระกูลโม่ ก็มีส่วนร่วมกับการลอบสังหาร และทั้งเก้าชั่วคนก็ถูกประหารจนหมดสิ้น เมื่อข้ารู้ข่าวข้าก็ไม่กล้ากลับไปที่เหลาอัน ข้าจึงตัดสินใจที่จะไป ราวโจว  เพื่อตามหาพ่อของท่าน... "

โม่เซียงตง เหมือนกับได้ย้อนสู่วันวานอันแสนเจ็บปวดและสิ้นหวังของนาง "เพื่อความอยู่รอดข้าได้ทำหลายๆสิ่ง ข้ากลายเป็นหัวขโมย ข้าต้องไปขอทาน ข้ากินต้นไม้ใบหญ้า แล้วก็ ... "

โม่บ่อกี้รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที เขาควรจะให้ความช่วยเหลือเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่พยายามขโมยมาจากเขา ใครจะรู้ว่านางอาจจะเป็นผู้รอดชีวิตอีกคนหนึ่งจากตระกูลโม่ [1]

"ข้าใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่สองปี จนกระทั่งพบกับครอบครัวหนึ่งมาพบข้า และคุณหนูรับข้ามาไว้เป็นเด็กรับใช้ของนาง แต่ทุกอย่างจบลงเมื่อสามเดือนก่อน ครอบครัวนี้ไปมีเรื่องมีราวกับคนที่ไม่ควรตอแยเข้า แล้วคนพวกนั้นก็มาฆ่าทุกคนทิ้ง ทั้งครอบครัว ถูกฆ่าตาย มีคนรอดชีวิตเพียงน้อยนิดและข้าก็รอดชีวิต พวกเขาไว้ชีวิตเราเพื่อจะหาเงินเล็กน้อย ด้วยการขายข้ากับคุณหนูให้กับซ่อง พ่อค้าทาสร่างอ้วนคนนี้เป็นหุ้นส่วนของซ่อง เขาค้าขายเก่งจริงๆ เขาพูดว่า การเปิดประชุมประตูอมตะฤดูใบไม้ผลิ คนที่ร่ำรวยและนับถือจำนวนมาก จะมาชุมนุมกันที่นี่และอาจจะหาซื้อทาสหญิงบางคน และหลังจากที่พวกเขาเสร็จเรื่องกับพวกเราแล้วพวกเขาก็จะทิ้งเราไว้ที่นี่ แล้วพ่อค้าทาสก็จะพาเรากลับไปที่ซ่องโสเภณี ... "

"ชั่ว ... " โม่บ่อกี้ตบลงที่โต๊ะด้วยความโกรธชั่วช้าที่สุดไม่รู้ว่าเขาหมายถึงพ่อค้าทาสหรือคนที่ฆ่าล้างครอบครัวของอาหญิงของเขา

          "
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูคนนั้น"

"นางมีชื่อว่า จิ้ง เหลียงไป๋ นางคือหมายเลขสามสิบเอ็ด บ่อกี้ เจ้าต้องหาวิธีช่วยนาง... " โม่เซียงตง มองไปที่ โม่บ่อกี้ ด้วยน้ำตาอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังภายในตาของนาง นางรู้ดีว่า โม่บ่อกี้ อยู่ที่นี่ในฐานะของคนงานในบ้าน แต่นางยังหวังว่าจะมีปาฏิหารย์เกิดขึ้น บางทีชายผู้นั้นที่ถือพัดกระดาษ อาจจะชื่นชมความกล้าหาญของ โม่บ่อกี้ และยินดีรับคำขอของเขา

"พวกเราจะคุยเรื่องนี้กันในภายหลัง ตอนนี้รอข้ากลับมาก่อน" โม่บ่อกี้ พูดจบประโยคและก็รีบออกจากเต็นท์   โม่เซียงตงก็ตอบรับคำโม่บ่อกี้ พระคุณที่ตระกูลจิ้ง มอบให้แก่ โม่เฉียงตง โดยการเก็บนางมาเลี้ยงต้องได้รับการทดแทน เขาต้องรีบก่อนที่ จิ้ง เหลียงไป๋ จะตายเพราะเจ้าโง่นั่น

โม่บ่อกี้ มองเห็น ติงบู้เอ้อ แต่ไกลจึงรีบเดินไปหา "บู้เอ้อ เจ้ารู้เกี่ยวกับคนที่แต่งตัวแปลกๆที่ประมูลแข่งกับข้าไหม"

ติงบู้เอ้อ คิดว่า โม่บ่อกี้ กำลังวิตกกังวลจึงตอบอย่างเร็วว่า "เมื่อครู่ข้าถามคนแถวนั้นมา นั่นคือเจ้าชายแห่งซานเหลียง ชื่อของเขาคือ โตว ป่าจี เขาพักอยู่โรงเตี๊ยมเดียวกับคุณหนูของเรา เป็นคนอารมณ์ร้ายและผูกพยาบาท ตอนนี้เรายังไม่ต้องกลัวอะไร แต่เมื่อขึ้นเรือเราต้องระวังตัวเต็มที่ ข้าได้ยินมาว่าท่านเซียนไม่สนใจถ้าจะมีคนตายบนเรือ"

"ข้าเข้าใจ บู้เอ้อ เจ้าไปพักที่กระโจมอื่นก่อนเถอะ ข้าต้องไปพบคุณหนูก่อน" โม่บ่อกี้ พูดประโยคสุดท้ายจบก็รีบวิ่งไปที่โรงเตี๊ยม เมื่อได้ยินว่า โม่บ่อกี้ จะไปหา ฮั่นหนิง ติงบู้เอ้อก็ไม่กังวลอะไรอีกโม่บ่อกี้ อาจต้องการขอร้อง ฮั่นหนิง ให้ช่วยพาเขาไปพบกับ โตวป่าจี เพื่อป้องกัน โตวป่าจี ทำอะไรแผลงๆ

"หยุดเจ้าไม่ใช่แขกของที่นี่ห้ามเข้าไป" คนเฝ้าประตูของโรงเตี๊ยมขวางทาง โม่บ่อกี้ เอาไว้ เขาจำได้ว่า โม่บ่อกี้ เป็นคนที่ถูกขับไล่โดย เฉาเฮ้า ที่เป็นอ๋องน้อย

 "ข้ามาที่นี่เพื่อพบกับคุณหนูของข้า เจ้าคงไม่ห้ามข้าพบคุณหนูใช่หรือไม่?"

คนเฝ้าประตู ลังเลเล็กน้อย  “มีสิ่งใดรึโม่บ่อกี้ กล่าวกระตุ้นความรู้สึก เป็นเพียงยามเฝ้าตำหนักก็ไม่ควรให้เขาได้รับอนุญาตให้ไปพบคุณหนูของเขา

เมื่อเขากำลังจะตอบ โม่บ่อกี้ ก็ใส่เหรียญทองไว้ในมือของคนเฝ้าประตู "พี่ชาย ช่วยข้าหน่อย ข้าใช้เวลาไม่นานหรอกข้ารับรองจะไม่ทำให้ท่านลำบาก"

คนเฝ้าประตูกำลังเล็กน้อย ก่อนที่จะปล่อยให้ โม่บ่อกี้ เข้าไป

          คนเฝ้าประตูหยิบเหรียญทองไปโดยไม่ลังเล เเละกล่าวว่า "อย่าเพิ่งไปอย่าลืมว่าต้องรีบกลับมานะ

โม่บ่อกี้ กล่าวขอบคุณไม่หยุดหย่อน ขณะที่เขากำลังจะเข้าไปในโรงเตี๊ยม เขาดูเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้และกระซิบกระซาบกับคนเฝ้าประตูว่า "พี่ชายข้าได้ยินมาว่าเจ้าชายแห่งเมือง ซานเหลียง เพิ่งจะซื้อทาสหญิงที่งดงามมาคนหนึ่ง"

คนเฝ้าประตูหัวเราะ แล้วกระซิบพร้อมทำท่าประกอบว่า "น้องชายเราเป็นคนประเภทเดียวกันจริงๆทาสหญิงคนนั้นไม่เลวจริงๆ นางมีใบหน้ารูปไข่ที่งดงามขนาดหน้าอกหน้าใจของนางก็ไม่ธรรมดา โอ้!..... ข้าละอยากจะลองสัมผัสดูสักที... "

คนเฝ้าประตูหลุดเผยจินตนาการของเขาออกมา

"ข้าสงสัยว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนกันเขาจะแน่ใจได้ยังไงละว่าจะไม่มีเสียง อะไรเล็ดลอดออกมา"โม่บ่อกี้ พูดด้วยเสียงลามกอนาจารเช่นเดียวกับคนเฝ้าประตู

คนเฝ้าประตูหัวเราะ ฮ่าๆๆ "เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้  อ๋องหนู่มคนนี้อยู่ในห้องหมายเลขสิบเจ็ด อยู่ติดกับลานกว้าง"

"โชคดีที่ข้านั้นต้องไปพบกับคุณหนู แถวนั้นพอดี" โม่บ่อกี้ พูดอย่างรวดเร็วและรีบไปที่โรงเตี๊ยม

[1]ย้อนกลับไปตอนที่โม่บ่อกี้ ยังอยู่ที่เมืองราวโจว
โม่เฉียงตง โม่เซียงตง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น