วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2561

บทที่ 42: ทดแทนพระคุณ



ฝากกลุ่มด้วยครับ

บทที่ 42: ทดแทนพระคุณ
ไก่ต้มน้ำปลา(ในตำนาน) และ แมวอ้วน แปล
อาจจะเป็นเพราะรู้สึกผิดแต่ ฮั่นหนิง ไม่ได้ห้ามปราม โม่บ่อกี้ ไม่แม้แต่จะแก้ต่างให้ตัวเอง โตวป่าชี ลงนั่ง ถึงแม้ว่าเขาจะยังสงสัยว่า โม่บ่อกี้ เป็นคนร้ายที่ตีเขาจนสลบ แต่ก็ไม่อยากให้เกิดปัญหาใดๆระหว่างทางไป ฉางลู่

ในทางกลับกัน โม่บ่อกี้ หยวนเสิ่นยี และ ติงบู้เอ้อ ได้พบกันทุกวันเพื่อดื่มสังสรรค์และเดินเที่ยวตลาดนัดริมท่าเรือ การได้ยินเรื่องราวแปลกใหม่ของ หยวนเสิ่นยี และประสบการณ์เกี่ยวกับผู้เพาะปลูก โม่บ่อกี้ จึงเริ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้นจริงๆ

เช้าวันหนึ่ง โม่บ่อกี้ กำลังเก็บผนังกระโจมพิงไว้เพื่อจะซักทำความสะอาดเช่นทุกๆวัน อยู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้น เขาจึงเงยหน้าขึ้นและพบเข้ากับ เรือขนาดยักษ์จอดอยู่ที่ริมทะเล โม่บ่อกี้ แทบจะร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ

ดาดฟ้าของเรือเพียงอย่างเดียวอาจพอดีกับสนามฟุตบอลหลายแห่ง หากรวมห้องและช่องไว้ตรงกลางแล้วเรือควรมีพื้นที่ประมาณ 100,000 ตารางเมตร

โม่บ่อกี้ สูดหายใจอย่างหนาวเหน็บ มันใหญ่ยิ่งกว่าเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือบรรทุกเครื่องบินนั้นได้รับการออกแบบให้ต้องมีดาดฟ้าขนาดใหญ่ ในอีกทางหนึ่ง เรือลำนี้กลับออกแบบให้มีดาดฟ้าขนาดมหึมา ล้อมรอบห้องพักขนาดใหญ่ยิ่งกว่าที่อยู่ตรงกลางลำเรือ ห้องพักเหล่านี้แบ่งเป็นชั้นๆคล้ายกับอพาร์ตเมนต์สมัยใหม่
          เจ้ายักษ์นี่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานอะไร ขนาดสนามบินของโลกยังไม่ใหญ่เท่านี้และยังต้องใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อขับเคลื่อน ไม่น่าจะมีแหล่งพลังงานนิวเคลียร์ที่นี่หรอก ใช่ไหม

"บ่อกี้ เจ้าเองก็คงกลัวเเหมือนกันสินะ ข้าเองยังรู้สึกทึ่งมากเมื่อได้เห็นมันครั้งแรก" เสียงของ ติงบู้เอ้อ เรียกออกมา

เวลานี้ โม่บ่อกี้จึงได้เห็นว่า ไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่รู้สึกตกใจและตื่นกลัว ริมชายทะเลนั้นเต็มไปด้วยผู้คน

"บ่อกี้ รีบเก็บข้าวของแล้วตามข้าไปที่เรือ บู้เอ้อ เจ้าก็ตามมาด้วยได้นะถ้าคลาดกับเรือ" หยวนเสิ่นยี พูโขณะที่กำลังเดินออกมาจากกลุ่มคน


ติงบู้เอ้อ รู้ดีว่าเขาต้องตาม ฮั่นหนิง ไปขึ้นเรือ "บ่อกี้ พี่เสิ่นยี ข้าขอตัวก่อนแล้วพบกันในเฉิงลู่"


หยวนเสิ่นยีหัวเราะ หัวเราะ "เฉิงลู่ อะไรเล่า เดี๋ยวเราก็เจอกันบนเรือนั่นแหละ บนเรือนั่นมีกฎเกณน้อยมาก ตราบเท่าที่เจ้ามีเงิน เจ้าจะมีชีวิตที่สุขสบายมากๆบนเรือนั่น"


หยวนเสิ่นยี อารักขาขุนนางที่ภาคภูมิชื่อ จี่ ซิง เมื่อ โม่บ่อกี้ เดินตาม หยวนเสิ่นยี ขึ้นเรือเขาก็ยิ้มและพยักหน้าให้ โม่บ่อกี้ โดยไม่พูดอะไร

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง โม่บ่อกี้ กับ หยวนเสิ่นยี ได้ถูกจัดให้พักในบ้านรวมขนาดใหญ่สำหรับ ห้าสิบคน

"เสิ่นยี ถ้าเราพักอยู่ในบ้านรวมแบบนี้ เราจะทำอะไรได้ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับ จี่ซิง" โม่บ่อกี้ ไม่ใช่คนอ่อนหัดเขารู้ดีว่าบนเรือนี้อันตรายมาก

"เขามีผู้คุ้มกันส่วนตัว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเราก็ต้องรีบไปให้เร็วที่สุด จริงๆแล้วผู้อารักขาอย่างพวกเรา ส่วนใหญ่มีหน้าที่ปกป้องนายน้อยจากปีศาจทะเล ข้าได้ยินมาว่ามีการโจมตีของปีศาจทะเล ระหว่างทางไป ฉางลู่ ในทางกลับกัน เรากลับไปหาเขาได้อย่างรวดเร็ว เพราะเขาพักอยุ่ชั้นเดียวกับเรา เฉพาะสุดยอดอัจฉริยะเท่านั้นที่ได้อยุ่บนชั้นสูงๆ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเจ้าไม่ต้องไป จี่ซิง รู้ดีว่า เจ้ามาแทนที่น้าสิบเอ็ด เพื่อขึ้นเรือนี้ และเจ้าไม่ได้เป็นผู้คุ้มกัน"หยวนเสิ่นยีอธิบาย

เมื่อได้ยินเกี่ยวกับปีศาจทะเล โม่บ่อกี้ เริ่มสงสัยจริงๆ เรือลำนี้มีขนาดใหญ่มากขนาดนี้จะมีปีศาจทะเลชนิดใดที่จะกล้าโจมตีเรือลำนี้ได้

โม่บ่อกี้ และ หยวนเสิ่นยี เป็นคนสุดท้ายที่เข้ามาที่พักและได้รับมอบหมายให้พักใกล้กับประตู คนมากมายเข้า ออกจากประตูนี้ทำให้พักผ่อนได้ยาก
"บ่อกี้ กฎของเรือลำนี้แตกต่างจากที่ชายหาดก่อนหน้านี้ ถ้าใครถูกฆ่าที่นี่ก็จะไม่มีไครเอาผิดผู้ฆ่าได้ เพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย ก็พยายามอย่าไปขัดแย้งกับผู้อื่นให้มากนัก" หยวนเสิ่นยี ดึงเตียงมาข้างๆ โม่บ่อกี้ แล้วกระซิบบอก

โม่บ่อกี้ได้ยินคำพูดของ หยวนเสิ่นยี ก็พยักหน้า

หยวนเสิ่นยี ไม่จำเป็นต้องเตือน โม่บ่อกี้ สักนิด เพราะเขาต้องการจะหลีกเลี่ยงปัญหาที่นี่เพื่อไปที่ ฉางลู่ อย่างปลอดภัย เมื่อเขาไปถึง ฉางลู่  แล้วเขาต้องทำสองสิ่งที่สำคัญ ประการแรกเขาต้องการศึกษาวิชาเพาะปลูก ประการที่สองเขาต้องการหาแหล่งที่มีฟ้าผ่าที่ไม่รุนแรงนัก เพื่อที่เขาจะได้เปิดเส้นชีพจรทั้งหมดของร่างกาย

เกือบชั่วโมงต่อมา โม่บ่อกี้ รู้สึกสั่นสะเทือนเล็กน้อยและรู้ว่าเครื่องยนต์ของเรือเริ่มทำงานแล้ว

"เสิ่นยี เรือนี้ใช้พลังงานอะไร" โม่บ่อกี้ ไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นของเขาได้ถึงถามออกมา

หยวนเสิ่นยี ส่ายหัว "ข้าก็ยังไม่แน่ใจนี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ขึ้นเรือลำนี้"
   
"ข้าได้ยินมาว่ามี  ปรมาจารย์เซียนที่เก่งกาจ ใช้พลังในการขับเคลื่อนเรือลำนี้ -ข้าได้ยินมาว่าอาจมีแหล่งพลังงานบางประเภทซึ่งขับเคลื่อนเรือลำนี้ แหล่งพลังงานนั้นมีประโยชน์มากสำหรับการเพาะปลูกและสามารถซื้อขายได้" หญิงสาวคนหนึ่งพูดออกมาด้วย น้ำเสียงที่ทั้งอ่อนหวานและดึงดูดใจยิ่งนัก
โม่บ่อกี้ หันหน้าไป จึงพบว่าว่ามีสตรีนางหนึ่งนอนอยู่บนเตียงข้างๆเขา อายุของนางประมาณ สามสิบปี ผมของนางถูกมัดเกล้าไว้แน่น ผิวของนางขาวซีดลักษณะใบหน้าของนางไม่โดดเด่นมากนัก แต่ก็มีความงดงามเป็นเอกลักษณ์ของตงเอง เมื่อรวมกับเสียงของนางเเล้ว นับได้ว่านางเป็นสตรีที่โดดเด่นมาก

โม่บ่อกี้ เห็นแล้วก็รู้สึกเอะใจ จึงถามไปด้วยความสงสัยว่าที่นี่ชาย หญิงพักรวมกันรึ

หยวนเสิ่นยี หัวเราะขึ้น "ทำไมต้องเเยกชายหญิงด้วยเล่า? การอยู่ในบ้านที่ใช้ร่วมกันแบบนี้เป็นโชคดีของเรา"

ผู้หญิงคนนี้ยิ้มและลุกขึ้นยืนก้มศรีษะเล็กน้อย ให้กับ โม่บ่อกี้ และ หยวนเสิ่นยีสวัสดี ข้าชื่อ  ฉิน เซียงยู ข้ามาจากเมืองปา

เมื่อ ฉินเซียงยู ลุกขึ้น โม่บ่อกี้ ได้เห็นรูปร่างที่งดงามสมบูรณ์แบบยิ่งกว่ากว่าใบหน้าของนาง

โม่บ่อกี้ หัวเราะแล้วตอบว่า "ข้าคือ โม่บ่อกี้ จาก เฉิงตู และนี่คือ หยวนเสิ่นยี จาก ฉางอัน"

"ไม่ใช่ว่า เฉิงตู กับ ฉางอัน กำลังทำสงครามกันอยู่หรือ แล้วไฉนพวกท่านทั้งสองคน ... " แต่คนอื่นก็ถูกขัดจังหวะ คราวนี้มันเป็นวัยรุ่นที่มีผมสีทองอ่อน

หยวนเสิ่นยี กล่าวด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย "สงครามระหว่างเฉิงตู และ เฉิงอัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเรา"

"บ่อกี้... " ได้ยินเสียงฝีเท้าอย่างรีบเร่ง  โม่บ่อกี้ จำได้ดีว่านี่เป็นเสียงของ ติงบู้เอ้อ



โม่บ่อกี้ รีบลงมาจากเตียงและถามว่า "บู้เอ้อ เกิดอะไรขึ้น ... ทำไมถึงมีเลือดบนตัวเจ้าถึงมีเลือด"

หลังจากที่ลงนั่ง ติงบู้เอ้อ จึงรีบพูดว่า "มีคนทำร้ายคุณหนู เผิงเหมาฮัว กับข้า ไม่แข็งแกร่งพอ เจ้าพวกนั้นกำลังหาโอกาสจะฆ่าคุณหนู"

โม่บ่อกี้ เลิกคิ้วขึ้น เรือเพิ่งออกเดินทางทำไมจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เขาไม่ได้ถามอะไรอีก แล้วบอกว่า "พาข้าไปที"

"รอก่อน ... " หยวนเสิ่นยี ขวาง โม่บ่อกี้ ไว้ "บ่อกี้ที่ ฮั่นหนิง ขับไล่ไสส่งเจ้าออกมา และยังไม่ยอมให้เจ้าได้ขึ้นมาบนเรือลำนี้ ตอนนี้เจ้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนางอีกแล้วทำไมเจ้าถึงต้องเอาตัวไปเกลือกกลั้วกับปัญหานี้ สิ่งที่เจ้าทำให้มันมากกว่าที่นางทำให้เจ้ามากนัก"

โม่บ่อกี้ พูดอย่างใจเย็นว่าพ่อของนางอาจจะไม่ได้มีเจตนาเช่นนี้ แต่เขาเคยช่วยชีวิตข้าไว้  บางทีสิ่งที่ข้าให้นางอาจเพียงพอที่จะตอบแทนนาง

แต่ในใจของข้าพระคุณของการช่วยชีวิตไม่อาจจ่ายหรือทดแทนได้ด้วยเงิน เมื่อข้ารู้ว่ามีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับนาง ข้าก็รู้สึกไม่สบายใจที่ปล่อยให้นางอยู่คนเดียวบุญคุณที่นายท่านช่วยชีวิตข้า ข้าจึงจะช่วยนางอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่พวกเราไปถึง ฉางลู่ พวกเราจะแยกไปตามทางของพวกเราเองนะ เสิ่นยี เจ้ารอข้าที่นี่เถอะ บู้เอ้อ ไปกัน"

เมื่อพูดจบ โม่บ่อกี้ ก็เตรียมจะรีบวิ่งออกจากที่พัก นี่เป็นหลักการของเขา บุญคุณต้องทดแทนความแค้นต้องชำระ พระคุณการช่วยชีวิตของนายท่าน จะได้รับการทดแทนพร้อมกับบุญคุณเรื่องหญ้าอัคคีสองใบที่ ฮันหนิง นำมาเป็นของขวัญ
         
นอกจากนี้ยังมีอีกเหตุผลที่เขาต้องช่วยฮั่นหนิงอยู่ นั่นเพราะเขาอาจถูกไล่โดยฮันหนิง แต่ ติงบู้เอ้อ ก็ยังอยู่ภายใต้การดูแลของนางอยู่ เขาอาจไม่จำเป็นต้องช่วยนางก็ได้ แต่เขาต้องการช่วย ติงบู้เอ้อ การช่วย ฮั่นหนิง ก็เหมือนได้ช่วย ติงบู้เอ้อ ด้วย
หยวนเสิ่นยี หัวเราะว่า "พวกเราไม่ใช่พี่น้องกันหรือ ถ้าเจ้าจะไป ข้าก็ต้องไปด้วย  ไปกันเถอะ"






////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

แมวอ้วน : ผู้คนช่างวุ่นวาย...แก่งแย่งชิงดีมากมาย คิดมากไปกลุ้มตาย...กลับบ้านนอกดีกว่าสบาย
ไก่ในตำนาน : นี้ก็อยู่บ้านนอกยุละอิลุง
แมวอ้วน : เพลง บ้านนอก  ของ D GERRARD โว้ยยยยยยยยยยยย
ไก่ในตำนาน : อ่าวรึ ว่าจะสปอล์ยตอนต่อไปสักหน่อย
แมวอ้วน : คำเตือน! เนื้อหาต่อจากนี้มีการสปอล์ยเนื้อหาในตอนถัดไป
  
ไก่ในตำนาน : 
            
แมวอ้วน : ไอ้นี่มันสปาย ถถถถุ๊ย!
ไก่ในตำนาน : ล้อเล่นน่า  ตอนหน้า พลังของโม่บ่อกี้...อุ๊บลั่น!
แมวอ้วน : สปอล์ยกูอีกแระ!!!  

ปล.ช่วงคิดมุกนี่ปวดหัวกว่าตอนแปลละนะ แล้วถ้าถามว่าจะเลิกมั้ย ตอบเลยว่า ฝันไปเถอะ! สามบาท ห้าบาท ก็จะเล่น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น