วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2561

บทที่ 41: พลาดโอกาส


บทที่ 41: พลาดโอกาส
ไก่ต้มน้ำปลา และ แมวอ้วน แปล

โม่บ่อกี้ และหยวนเสิ่นยี เดินทางกลับไปที่กระโจมเพื่อพักผ่อนโดยไม่ได้กังวลสิ่งใด แม้ว่าโตวป่าชี จะรู้ว่าพวกเขาเป็นผู้กระทำ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้หากไม่มีหลักฐานใดๆ

โม่บ่อกี้ ตื่นขึ้นมาในเช้ามืดเหมือนทุกที เเต่ครั้งนี้ โม่บ่อกี้ มีสิ่งที่อยากถาม ติงบู้เอ้อ เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของ โตวป่าชี ไม่นานนักเขาก็เห็น ติงบู้เอ้อ เดินมาจากทางโรงเตี้ยมเยว่ไฮ่อยู่ไกลๆ

"บ่อกี้ คุณหนูน้อยมีเรื่องอยากคุยกับเจ้า! " ติงบู้เอ้อ ตะโกนบอก โม่บ่อกี้ แต่ไกล

มันช่างบังเอิญที่ ฮั่นหนิง ต้องการคุยกับเขาเวลาที่เขาต้องการทราบข่าวคราว ความเคลื่อนไหวของ โตวป่าชี ที่โรงเตี๊ยมพอดี

ช้าก่อน…. "ติงบู้เอ้อพูดเสียงเบาเมื่อเดินเข้าไปใกล้ โม่บ่อกี้ "บ่อกี้ ระวังตัวให้ดี ข้าสงสัยว่านี่คงไม่ใช่ข่าวดี เผิงเหมาฮัว ตะกุกตะกักเมื่อบอกข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ "

โม่บ่อกี้ ตบไหล่ ติงบู้เอ้อเเล้วพูดว่า "สิ่งใดจะเกิดขึ้นกับข้ามิต้องกังวลไป ข้าเองก็มีบางสิ่งอยากจะถามนางเช่นกัน"

คนแรกที่ โม่บ่อกี้ พบเมื่อเข้าไปใน โรงเตี้ยมเยว่ไฮ่ คือ โต่วป่าชี

โตวป่าชี กำลังยุ่งอยู่กับการสอบปากคำคนเฝ้าประตูของโรงเตี้ยมเพื่อหาว่ามีผู้ใดน่าสงสัยหรือไม่เคยเข้าไปในโรงแรมเมื่อวันก่อน ทว่าคนเฝ้าประตูได้รับเหรียญทองของ โม่บ่อกี้ เมื่อวานนี้และเขาไม่รู้ว่า โตวป่าชี กำลังพยายามถามอะไร เขาจึงไม่ได้บอกอะไรกับ โตวป่าชี

"เฮ้ออ" โตวป่าชี ถอนหายใจขณะที่กำลังจะกลับขึ้นไปบนห้อง เข้าสังเกตุเห็น โม่บ่อกี้ กำลังเข้ามาในโรงเตี้ยม เขาหันกลับหลังจากขึ้นบันไดไปไม่กี้ขั้น เพื่อสอบสวน โม่บ่อกี้ ด้วยตาของตัวเอง เขาพยายามจะดูว่ามีความคล้ายคลึงใดระหว่าง โม่บ่อกี้ กับชายที่โจมตีเขาเมื่อวานนี้

โม่บ่อกี้ ก็ชำเลืองมองไปที่ โตวป่าชี ด้วยและกำลังจะบอกกับคนเฝ้าประตูว่าเขาจะเข้าไปพบฮั่นหนิง เเต่จู่ๆ เผิงเหมาฮัว ก็ออกมาบอกว่า " บ่อกี้ คุณหนูอยากให้ข้าบอกเจ้าว่า ... "

โม่บ่อกี้ รู้สึกไม่ค่อยดีนัก  สักครู๋ เผิงเหมาฮัวจึงพูดต่อว่า"...บ่อกี้ คุณหนู ไม่สามารถพา เจ้าไปฉางลู่..ได้... "

          เเม้ เผิงเหมาฮัว จะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากใจที่จะพูดเรื่องนี้กับ โม่บ่อกี้ ใทั้งที่เขายังคงรู้สึกขอบคุณ โม่บ่อกี้ อยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะ โม่บ่อกี้ เขาคงต้องใช้เวลาอยู่ในป่าหมอกสายฟ้านานมากขึ้น กว่าจะค้นพบหญ้าอัคคีสองใบ นอกจากนี้ โม่บ่อกี้ ยังทำช่วยเหลือเรื่องอื่นๆให้ง่ายขึ้นมาก ในความเป็นจริงเขาก็ได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดีเช่นกัน

"ทำไม" เสียง โม่บ่อกี้ เริ่มเย็นชาขึ้นเมื่อเขารู้ว่าโอกาสของเขาจะไปที่ ฉางลู่ ที่แลกกับหญ้าอัคคีสองใบ และ กลับถูกละเลยจาก ฮั่นหนิง เหมือนกับคนที่แลกผลไม้วิญญาณเพื่อโอกาสที่จะเป็นศิษย์รับใช้

"เป็นเพราะ ... " เผิงเหมาฮัว ลังเลออกมาเเต่ในท้ายที่สุดก็ตัดสินใจที่จะบอกเขาว่า "เป็นเพราะคุณหนูได้รับมอบหมาย จากบุคคลที่สูงศักดิ์ กว่า ... "

โม่บ่อกี้ สงบลงใจลงเเละปล่อยวางลง แม้ว่าฮั่นหนิงจะตัดสินใจไม่พาเขาไปที่ ฉางลู่ เเต่เขาก็ต้องหาทางไป มิเช่นนั้นเขาก็จะต้องรอความตายถ้าเขาไม่ทำ

"พี่ เผิง ข้าอยากพบ คุณหนู ข้าอยากได้ยินเรื่องนี้จากปากของนางเอง "โม่บ่อกี้ พูดอย่างสุภาพ หากคนรักยังสามารถแทงเขาจากด้านหลังได้ เเค่ ฮั่นหนิง ซึ่งไม่แม้จะคิดเป็นสหายของเขา ก็ย่อมสามารถคืนคำได้ เเละ เเม้เเต่บุญคุณที่นำหญ้าอัคคีสองใบให้นางก็เช่นกัน

"มันไม่มีเหตุผลอะไรหรอก ก็แค่เพราะมีคนจากตะกูลของข้าก็ต้องการที่จะไป ฉางลู่ด้วย เเละเเน่นอนว่า มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะใช้สิทธิ์ของเจ้า แน่นอนว่าหากเจ้าต้องการที่จะไปจริงๆ เจ้าก็แค่ลอดใต้หว่างขาของข้า เผื่อว่าข้าอาจจะช่วยพูดให้เจ้าได้" เฉาเฮ้า พูดจาแดกดันและยกขาขึ้น

ไอ้นี่มันเลวจริงๆ โม่บ่อกี้ กำหมัดของเขาและพยายามที่จะพูดอย่างใจเย็นที่สุด "ท่านผู้นี้ ไม่ว่าไปที่ใด ท่านก็ทำให้ที่นั่นเหม็นโฉ่ไปเสียทุกที่ นั่นทำให้ข้าสงสัยว่าที่แท้ท่านก็คือแมลงกลิ้งขี้ที่โสมมหรือไม่[1] ลองกลับไปถามบิดาและมารดาของท่านดูเถิดว่าทำไมท่านถึงได้เหม็นโฉ่เช่นนี้"                  

"ข้าจะฆ่าเจ้า" เฉาเฮ้า เป็นคนหนุ่มที่สง่างามทุกด้าน และจะไม่รังเกียจหากคนที่มีฐานะเดียวกันพูดจาล้อเลียนเขา เเต่อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดว่าผู้รับใช้อย่าง โม่บ่อกี้ จะกล้าหยาบคายกับเขา

ผู้คุ้มกันของ เฉาเฮ้า รีบเข้ามาห้าม เฉาเฮ้า ที่เต็มไปด้วยความโกรธทันที "ท่านอ๋อง ยังมิใช่ตอนนี้ เราจะสามารถจัดการมันได้เมื่อเราขึ้นเรือเเล้ว"

โม่บ่อกี้ไม่ได้สนใจเรื่อง เฉาเฮ้า หลังจากที่เขาโดนตะคอกใส่  เขาก็มองไปที่ ฮั่นหนิง ซึ่งยืนอยู่เบื้องหลัง เฉาเฮ้า ว่า " คุณหนู ข้าต้องการทราบว่านี่เป็นเจตนาของท่านหรือไม่"

แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่านี่เป็นความตั้งใจของนาง แต่เขาก็ต้องการให้ ฮั่นหนิง พูดออกมาเพราะเขาได้รับโอกาสนี้ด้วยการกระทำของตัวเองไม่ใช่ด้วยการขอทาน

ฮั่นหนิง มองพื้นด้วยความรู้สึกผิดเป็นเวลาสองวินาทีก่อนที่จะพูดว่า "โม่บ่อกี้ ข้าขอโทษ ข้าควรตักเตือนเจ้าก่อนหน้านี้ ... ว่าเจ้าควรสนทนากับ อ๋องเฉา ด้วยความเคารพ ...มากขึ้น "     
โม่บ่อกี้ กล่าวอย่างเย็นชาว่า "เจ้าอ๋องน้อยตัวแสบแห่งรัฐหวูเซีย มันมีปัญหาอะไรกับข้า ไอ้เจ้านี่มันตัวอะไร ไม่เห็นว่ามันจะมีส่วนไหนใกล้เคียงกับการที่ข้าจะต้องให้ความเคารพนพนอบสักนิด พ่อของท่านได้มอบปิ่นหยกนี้ให้กับข้า เมื่อท่านเดือดร้อนให้ไปหา หยู ชางยิน[2] ใน ฉางลู่ ท่านจะรู้ได้ชัดเจนขึ้น ส่วนข้านั้นจะสร้างโอกาสให้ตัวเองที่จะเดินทางไปที่ ฉางลู่ และมันไม่ใช่เพราะความใจดีของท่าน ดังนั้นข้าจะไม่ขอหญ้าอัคคีสองใบคืน เเต่วันหน้าเราไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีก"

โม่บ่อกี้ หยิบปิ่นหยกซึ่งเขาเก็บไว้อย่างดีในกระเป๋าและส่งให้ ฮั่นหนิง ก่อนจะหัวเราะขึ้น "มันเป็นทางเลือกของท่านเอง ที่ไม่ให้ข้าไป"

โม่บ่อกี้ หันหลังเดินออกไปหลังจากที่เขาหมดธุระ และเมื่อเขาออกจากโรงเตี๊ยม เขาก็คิดถึงบางสิ่งบางอย่าง เขาจำได้ว่าคนที่ฆ่าครอบครัวของ จิ้ง เหล็งไป๋ เฮ่ย เว่ยเฟิง มาจาก รัฐหวูเซีย ด้วยเมื่อ เฉาเฮา เป็นอ๋องแห่ง รัฐหวูเซีย มันอาจเกี่ยวข้องกับ เฮ่ยเหว่ยเฟิง หลังจากที่เขาสาบานว่า จะตอบแทนความเมตตาของตระกูลจิ้ง ที่ดูแล โม่เซียงตง ตลอดมาเขาต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้

ฮั่นหนิง กำปิ่นหยกไว้แน่นขณะที่นางมองดูแผ่นหลังของ โม่บ่อกี้ เดินจากไป นางไม่เข้าใจได้ว่าทำไมบิดาของนางจึง มอบปิ่นหยกให้ โม่บ่อกี้ ไว้

"นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นคนรับใช้ที่หยิ่งยโสมากขนาดนี้ ถ้ามันอยู่ใต้การปกครองของข้า ข้าจะทำให้มันตายห่าไปนานแล้ว" เฉาเฮ้า พูดเมื่อเห็น โม่บ่อกี้ ค่อยๆเดินจากไป
โตวป่าชี ที่ต้องการเข้าไปถาม โม่บ่อกี้ สักสองสามเรื่องเขาเห็นว่า โม่บ่อกี้ ไม่เห็น เฉาเฮ้า อยู่ในสายตาเลยเเม้เเต่น้อย ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะตามไป ตอนนี้เขาอยู่เพียงลำพัง เขาจึงไม่สามารถที่จะสูญเสียความมั่นใจของเขาไปเพราะ โม่บ่อกี้


"บ่อกี้ เรื่องที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะทำให้เจ้าไม่พอใจจริงๆ" หยวนเสิ่นยี ถามขณะที่เขาเห็น โม่บ่อกี้ กลับมาที่กระโจม ดูเหมือน ติงบู้เอ้อ จะคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นและบอกกับ หยวนเสิ่นยี

"ฉันพลาดโอกาสเดินทางไป ฉางลู่ เพราะข้าไปขัดใจกับ เฉาเฮ้า แห่ง รัฐหวูเซีย นั่นแหละสิ่งที่ทำให้ข้าต้องไปพบ ฮั่นหนิง" โม่บ่อกี้ พูดด้วยความผิดหวัง

หยวนเสิ่นยี หัวเราะแล้วว่า "ข้ายังคงสงสัยว่าจะเกิดเรื่องอะไรร้ายแรง ที่แท้ก็ไม่มีอะไรเลย  ตอนนี้น้าสิบเอ็ด จากไปแล้ว เจ้าก็ตามข้าไปที่ ฉางลู่ได้ น้าสิบเอ็ด และข้า เป็นผู้ติดตามของหลานชาย เหว่ยหยัน จ้านโก๋ว แห่งรัฐฉางอันนี่ โดยทำหน้าที่ปกป้องดูแลเขาจนกว่าเขาจะไปถึง ฉางลู่ เมื่อเขาได้เข้านิกาย พวกเราก็มีอิสระที่จะจากไป ข้าพาเจ้าไปได้สบายๆไม่มีปัญหาอะไรเลย"

โม่บ่อกี้ ดีใจมากที่ได้ยินเรื่องนี้ นี่เป็นเหมือนแสงที่ปลายอุโมงค์ เพียงอย่างเดียวของเขาที่นี่ ถึงไม่ได้ความช่วยเหลือของ ฮั่นหนิง แต่ยังเดินทางไปที่ฉางลู่ได้
หลังจากหมดปัญหา โม่บ่อกี้ หยวนเสิ่นยี และ ติงบู้เอ้อ จึงไปดื่มฉลองกัน

[1] ด้วงชนิดนี้เป็นด้วงที่หาอาหารบางส่วนหรือเฉพาะในมูลสัตว์ ดังนั้น โม่บ่อกี้ จึงหมายความว่า เฉาเฮ้า เป็นแค่ตัวไร้ค่าที่กินอาจมเป็นอาหาร (แมงกุดจี่)

[2]
หยู ชางยิน เปลี่ยนจากเดิมที่แปลไว้ว่า ยู่ ข่านหยิง คือคนที่ ฮั่นเฉิง ฝากให้ โม่บ่อกี้ไปตามหา หากเกิดอะไรขึ้นกับ ฮั่นหนิง

////////////////////////////////////

แมวอ้วน : เตือน ข้างล่างมีสปอล์ย ไม่อยากถูกสปอล์ยอย่าอ่าน

ไก่ต้มน้ำปลา : ทามมายพระเอกเราน่าฉงฉานจัง TOT
แมวอ้วน : ถ้าพระเอกมันกวนตีน น่าหมั่นไส้ ไร้สำนึก ขาดสติ เบาปัญญา ใครจะชอบล่ะ ไม่ใช่ละครไทยนิ
ไก่ต้มน้ำปลา : เอาเถอะถึงยังไง เดียวพระเอกก็ ไล่ฆ่าด้วยพลัง สายฟ้า หมดอยู่ดี อุ่ยย ลั่นน
แมวอ้วน : เมิงสปอล์ยกรู…………….


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น