วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2561

บทที่ 49: เข้าพักที่ โรงเตี๊ยมนภาลัย


บทที่ 49: เข้าพักที่ โรงเตี๊ยมนภาลัย
ไก่ผัดขิง และ แมวหลับ แปล
ราวโจวมีการพัฒนาอุตสาหกรรมแล้ว ตามเหตุผล ฉางลู่ ควรจะเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดและควรมีเทคโนโลยีที่สูงขึ้นยิ่งกว่า แต่ โม่บ่อกี้ กลับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่กว่าเทคโนโลยีใน ฉางลุ่ อาคารและห้องโถงทำให้ โม่บ่อกี้ รู้สึกราวกับว่าเขาถูกย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์

โม่บ่อกี้ ได้ห็นร้านค้าหลายร้านที่ดูเก่าแก่ และมีประวัติศาสตร์มายาวนาน หลายร้านมีขนาดใหญ่และตกแต่งอย่างสวยงาม

โม่บ่อกี้ ต้องการหาที่พักให้ได้เร็วที่สุด เนื่องจากการจัดงานชุมนุมประตูอมตะฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะเกิดขึ้น ที่พักต่างๆจะถูกจองเต็มอย่างรวดเร็ว ถ้าเขามัวแต่ชักช้าคืนนี้เขาอาจจะต้องนอนอยู่ริมถนน

โม่บ่อกี้ คาดการณ์ได้ถูกต้อง เขาเดินผ่านโรงเตี๊ยมอย่างน้อยหนึ่งโหล แต่ไม่สามารถหาห้องพักได้

ด้วยเหตุนี้ โม่บ่อกี้ จึงลดความคาดหวังของเขาลง ก่อนที่จะเห็นป้ายตัวโตๆที่เขียนว่าโรงเตี๊ยมนภาลัย

โรงเตี๊ยมนภาลัย ไม่ได้อยู่ในใจกลางของเมือง แต่ก็ไม่ไกลนัก  นอกจากนี้ด้านนอกของโรงเตี๊ยมนภาลัย ยังดูดีกว่าโรงเตี๊ยมขนาดเล็กหลายสิบที่ที่เขาเคยผ่านมา

โม่บ่อกี้ เดาว่าโรงเตี๊ยมระดับนี้ ไม่น่าจะมีห้องเหลือถึงเขา ถึงกระนั้นเขาก็เดินเข้าไปในโรงแรมความคิดเชิงบวกที่ว่าอาจจะ"

 ในเวลาเดียวกันนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งรีบก้มหน้าเดินออกจากโรงเตี๊ยม ช่วงที่นางเดินออกไปไหล่ของนางกับ โม่บ่อกี้ ชนกันเล็กน้อย ถึงจะเป็นแค่การกระทบไหล่ก็ตาม  โม่บ่อกี้ ก็รู้สึกได้ชัดเจนว่านางมีรูปร่างที่สมบูรณ์พร้อม นางเป็นสตรีที่งดงามจริงๆ

มองไปที่ห้องโถงทางเข้าที่หรูหรา โม่บ่อกี้  รู้สึกเหมือนว่าเขากลับมาอยู่ในโรงแรมระดับ หกดาวบนโลก(โลกเดิม)

ขณะที่โม่บ่อกี้เข้าไปในโรงเตี๊ยมสาวสวยนางหนึ่งก็โค้งคำนับและทักทายเขาว่า "ท่านกำลังมองหาที่พักที่หรูหราสะดวกสบายอยู่ใช่หรือไม่"

"ข้ากำลังมองหาที่พักอยู่มีห้องใดบ้าง?" โม่บ่อกี้รีบถาม

ผู้หญิงคนนี้พูดด้วยรอยยิ้มว่า "ห้องธรรมดาและห้องพิเศษของเราทั้งหมดได้ถูกจองไว้แล้วอย่างไรก็ตามเรายังคงมีห้องที่สุดพิเศษ ซึ่งเป็นห้องพักพิเศษส่วนตัวทางด้านปีกซ้าย หากท่านต้องการท่านจะต้องจ่ายเงินล่วงหน้าสองเดือนเต็ม เพื่อเข้าพัก ... "

โม่บ่อกี้จู่ ๆ ก็นึกถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่รีบออกจากโรงเตี๊ยมขณะที่เขากำลังเดินเข้ามา หากนางเป็นคนเดียวกับที่ออกจากห้องของโรงเตี๊ยม เขาก็โชคดีจริงๆ
"ค่าเข้าพักสองเดือน ราคาเท่าไร" โม่บ่อกี้ ไม่รอให้หญิงสาวพูดจบประโยค  เขาก็ขัดจังหวะทันที   
 
          ห้องพักที่สุดพิเศษของเราห้องนี้มีราคาสูงกว่าห้องธรรมดาสิบเท่า ราคา หนึ่งหมื่นเหรียญทองต่อเดือน ดังนั้นจึงน่าจะเป็นเหรียญทอง สองหมื่นเหรียญ สำหรับสองเดือน "

โม่บ่อกี้ ถอยหายใจด้วยความรู้สึกเย็นยะเยือก ราคามันสูงมาก

ถ้าเขาไม่ได้รับเงินจากการขาย เพนมิซิลิน(ยาเก้าชีพคืนชีวิต) เขาก็จะไม่มทีสิทธิ์แม้แต่จะมองมาที่ห้องนี้

"นี่คือเหรียญทอง สองหมื่นเหรียญข้าจะอยู่เป็นเวลาสองเดือน" แม้จะมีราคาสูงมากเเต่ โม่บ่อกี้ ก็ไม่มีเวลาลังเลที่จะหยิบตั๋วแลกเงินสองใบมูลค่ารวมมูลค่า สองหมื่นเหรียญทอง

แม้ว่าเขาจะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานชุมนุมประตูอมตะ ซึ่งเป็นเพียงโอกาสเดียวในชีวิตของโม่บ่อกี้ นอกจากนิกายใหญ่จะมองหาอัจฉริยะแล้วพวกเขายังรับศิษย์บริการ ถ้าหากเขาสามารถทำให้พวกนิกายใหญ่เห็นว่าเขามีรากฐานทางจิตวิญญาณเขาอาจได้รับการยอมรับเป็นศิษย์ชั้นนอก
แม้แต่การเป็นศิษย์บริการของนิกายใหญ่ก็จะเป็นประโยชน์ใรการส่งเสริมการเพาะปลูกของเขา

เช่นเดียวกับที่นักเรียนที่ตั้งใจจะเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งก็จะมาพักอาศัยอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย หากว่าเขาต้องการเข้าร่วมนิกาย โม่บ่อกี้ ต้องการจะอยู่ใกล้กับสถานที่จัดงานชุมนุมประตูอมตะ

ช่วงนี้นอกจากความรู้ที่เขามีเขายังสภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ เขาย่อมที่จะสามารถหาเงินมาได้ไม่ยากนัก แต่เขาคงทำไม่ได้ ถ้าเดินออกจาโรงเตี๊ยมนี้แล้วไปหาที่พักใหม่ เพราะมันอาจจะจบลงที่เขาไม่มีที่พักเลย

นอกจากนี้โรงเตี๊ยมแห่งนี้ยังดูยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียง เขาอาจได้พบกับอาจารย์เซียนบางท่านในระหว่างที่เขาอยู่ที่นี่

หญิงสาวไม่ได้คาดคิดว่า โม่บ่อกี้ จะจ่ายเงินถึงสองหมื่นเหรียญทองออกมาได้   เพราะนอกจากเซียนชั้นสองก็มีเพียงคนร่ำรวยเท่านั้นที่จะสามารถพักอยู่ที่นี่ได้ โดยทั่วไปหากตัดสินรูปร่างหน้าตาปกติของ โม่บ่อกี้  เขาไม่เหมือนคนที่สามารถพักอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ได้ ก่อนหน้านี้นที่นางยิ้มให้ก็เพื่อรักษามารยาท

"มีปัญหาอะไรรีเปล่า" เมื่อมองดูสีหน้าที่เหม่อลอยของหญิงสาว โม่บ่อกี้  รีบถามขึ้น

"โอ้….ไม่มีอะไร...กรุณารอสักครู่  ข้าจะรีบจัดการให้ท่าน" สาว ๆ รีบกลับไปทำงานของนาง แล้วนางก็จัดการเรื่องห้องพักให้ โม่บ่อกี้ อย่างกระฉับกระเฉง

ในเวลาเพียงไม่กี่นาที โม่บ่อกี้ ก็ได้รับกุญแจห้องพักและบัตรประจำตัวผู้พักอาศัย เขาอยู่ในห้อง ศูนย์หนึ่งแปดสาม ซึ่งอยู่บนชั้นสาม

หลังจากที่ โม่บ่อกี้ ได้รับกุญแจมาก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

"ยังมีห้องว่างไหม" นั่นเป็นเสียงของเด็กสาวนางหนึ่ง นางมีคิ้วดกหนาและตาโต ซึ่งทำให้นางดูเป็นคนเข้มแข็งมาก แต่น่าเสียดายที่ความเข้มแข็งที่ว่าทำให้นางเสียเสน่ห์ของผู้หญิงไปอย่างมาก ข้างตัวนางเป็นชายหนุ่มที่มีสะพายดาบอยู่บนหลัง

"ข้าเสียใจเป็นอย่างยิ่งห้องสุดท้ายเพิ่งได้รับการจองโดยพี่ชายท่านนี้" พนักงานต้อนรับตอบอย่างสุภาพ

เมื่อเด็กสาวคนนี้ได้ยินนางก็หันกลับไปหา โม่บ่อกี้ ทันที "เอากุญแจห้องมาให้ข้า ข้าจะให้เงินเจ้าเป็นสองเท่า"

"ข้าแค่ต้องการพักผ่อนแล้วข้าก็ไม่คิดจะยกให้เจ้าหรอกนะ ขอโทษที" เป็นเรื่องปกติของ โม่บ่อกี้ ที่จะไม่ล้มเลิกแผนการของเขาเพื่อเงินหรือผลประโยชน์อย่างเหรียญทอง


"สามเท่า" สาวคิ้วหนาขมวดคิ้วพูดออกมา หลังจากที่ โม่บ่อกี้ ไม่สนใจ นางจึงตัดสินใจที่จะเพิ่มเงิน หลังจากเสนอราคานี้แล้วนางก็พูดเสริมว่า "ไอ้หนูอย่าโลภมากนัก เดี๋ยวเจ้าจะมีปัญหา"

"นี่สาวน้อย ถ้าข้าอยากพักห้องที่ดีที่สุดแค่คืนเดียวล่ะ" โม่บ่อกี้ ไม่ชอบคนที่ใช้เงินฟาดหัวคนอื่น ไม่แค่นั้นนางยังพยายามที่จะข่มขู่เขา แต่น่าเสียดายที่ โม่บ่อกี้ ไม่ใช่คนที่กลัวการข่มขู่

เมื่อพนักงานต้อนรับได้ยิน โม่บ่อกี้ เรียกว่า สาวน้อย นางมีอาการเขินเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ห้องพิเศษของปรมาจารย์เซียนนั้นคือห้องที่ดีที่สุดราคา หนึ่งหมื่นเหรียญทองต่อหนึ่งคืน... "

"ตกลงข้าจองห้องพักปรมาจารย์เซียนที่ดีที่สุดแค่คืนเดียว แล้วเจ้าก็ปล่อยห้องของข้าไว้ว่างๆก็แล้วกันนะ" โม่บ่อกี้ โบกมืออย่างไม่แยแส

พนักงานต้อนรับตอบเชิงขอโทษ " เสียใจด้วย เราไม่มีห้องพักอมตะอีกแล้ว"

"โอ้ ทั้งหมดนั่น ก็เพราะข้าไม่อยากจะมีปัญหาน่ะนะ" โม่บ่อกี้หันไปมองไปที่สาวน้อยคิ้วหนา แล้วเขาก็หัวเราะขึ้น ในขณะที่นางเดินขึ้นบันไดมา

พนักงานต้อนรับไม่เข้าใจว่า โม่บ่อกี้ หมายถึงอะไร แต่นางก็สามารถบอกได้ว่าโม่บ่อกี้ไม่พอใจสาวคิ้วหนา
"แค่ตัวคนดียวยังกล้าจะวางท่าหยิ่งผยองกับข้า ดีข้าจะให้บทเรียนกับเจ้า" สาวที่มีขนคิ้วหนาเริ่มตอบโต้  ในที่สุดเพราะก็เข้าใจว่า โม่บ่อกี้ ต้องเยาะเย้ยนางทางอ้อม

ชายหนุ่มที่มากับหญิงสาวพูดตรงๆว่า "ศิษย์น้องฝึกหัด เมื่อไม่มีห้องพักแล้ว เราไปหาโรงเตี๊ยมอื่นก็แล้วกัน ถ้าเราก่อเรื่องจนปัญหาบานปลายไปทางบ้านก็จะรู้เรื่องอีก... "                                             

"ไอ้เด็กเวรนี่... โชคดีมาก ถ้ามันตกอยุ่ในมือของข้าข้าจำทำให้มันรู้ซึ้งถึงพลังของ ถ้าไม่เขาจะเข้าใจถึงพลังอำนาจของ ตำหนักคีตะสวรรค์ ไปกันเถอะ"
        
เมื่อเห็นทั้งสองเดินออกไป พนักงานต้อนรับดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่าง ขึ้นมาได้ ใบหน้าของนางจึงเผยให้เห็นถึงความกลัว นางแอบมองไปในทิศของห้องของ โม่บ่อกี้ และภาวนาให้เขาเงียบๆ ในใจ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น