บทที่ 49: เข้าพักที่ โรงเตี๊ยมนภาลัย
ไก่ผัดขิง และ แมวหลับ
แปล
ราวโจวมีการพัฒนาอุตสาหกรรมแล้ว ตามเหตุผล ฉางลู่
ควรจะเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดและควรมีเทคโนโลยีที่สูงขึ้นยิ่งกว่า แต่ โม่บ่อกี้
กลับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่กว่าเทคโนโลยีใน ฉางลุ่
อาคารและห้องโถงทำให้ โม่บ่อกี้ รู้สึกราวกับว่าเขาถูกย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์
โม่บ่อกี้ ได้ห็นร้านค้าหลายร้านที่ดูเก่าแก่
และมีประวัติศาสตร์มายาวนาน หลายร้านมีขนาดใหญ่และตกแต่งอย่างสวยงาม
โม่บ่อกี้ ต้องการหาที่พักให้ได้เร็วที่สุด
เนื่องจากการจัดงานชุมนุมประตูอมตะฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะเกิดขึ้น
ที่พักต่างๆจะถูกจองเต็มอย่างรวดเร็ว
ถ้าเขามัวแต่ชักช้าคืนนี้เขาอาจจะต้องนอนอยู่ริมถนน
โม่บ่อกี้ คาดการณ์ได้ถูกต้อง เขาเดินผ่านโรงเตี๊ยมอย่างน้อยหนึ่งโหล
แต่ไม่สามารถหาห้องพักได้
ด้วยเหตุนี้ โม่บ่อกี้ จึงลดความคาดหวังของเขาลง
ก่อนที่จะเห็นป้ายตัวโตๆที่เขียนว่า “โรงเตี๊ยมนภาลัย”
โรงเตี๊ยมนภาลัย ไม่ได้อยู่ในใจกลางของเมือง แต่ก็ไม่ไกลนัก นอกจากนี้ด้านนอกของโรงเตี๊ยมนภาลัย
ยังดูดีกว่าโรงเตี๊ยมขนาดเล็กหลายสิบที่ที่เขาเคยผ่านมา
โม่บ่อกี้ เดาว่าโรงเตี๊ยมระดับนี้ ไม่น่าจะมีห้องเหลือถึงเขา
ถึงกระนั้นเขาก็เดินเข้าไปในโรงแรมความคิดเชิงบวกที่ว่า “อาจจะ"
ในเวลาเดียวกันนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งรีบก้มหน้าเดินออกจากโรงเตี๊ยม
ช่วงที่นางเดินออกไปไหล่ของนางกับ โม่บ่อกี้ ชนกันเล็กน้อย
ถึงจะเป็นแค่การกระทบไหล่ก็ตาม โม่บ่อกี้
ก็รู้สึกได้ชัดเจนว่านางมีรูปร่างที่สมบูรณ์พร้อม นางเป็นสตรีที่งดงามจริงๆ
มองไปที่ห้องโถงทางเข้าที่หรูหรา โม่บ่อกี้ รู้สึกเหมือนว่าเขากลับมาอยู่ในโรงแรมระดับ
หกดาวบนโลก(โลกเดิม)
ขณะที่โม่บ่อกี้เข้าไปในโรงเตี๊ยมสาวสวยนางหนึ่งก็โค้งคำนับและทักทายเขาว่า "ท่านกำลังมองหาที่พักที่หรูหราสะดวกสบายอยู่ใช่หรือไม่"
"ข้ากำลังมองหาที่พักอยู่มีห้องใดบ้าง?"
โม่บ่อกี้รีบถาม
ผู้หญิงคนนี้พูดด้วยรอยยิ้มว่า "ห้องธรรมดาและห้องพิเศษของเราทั้งหมดได้ถูกจองไว้แล้วอย่างไรก็ตามเรายังคงมีห้องที่สุดพิเศษ
ซึ่งเป็นห้องพักพิเศษส่วนตัวทางด้านปีกซ้าย
หากท่านต้องการท่านจะต้องจ่ายเงินล่วงหน้าสองเดือนเต็ม เพื่อเข้าพัก ...
"
โม่บ่อกี้จู่ ๆ ก็นึกถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่รีบออกจากโรงเตี๊ยมขณะที่เขากำลังเดินเข้ามา
หากนางเป็นคนเดียวกับที่ออกจากห้องของโรงเตี๊ยม เขาก็โชคดีจริงๆ
"ค่าเข้าพักสองเดือน
ราคาเท่าไร" โม่บ่อกี้ ไม่รอให้หญิงสาวพูดจบประโยค
เขาก็ขัดจังหวะทันที
ห้องพักที่สุดพิเศษของเราห้องนี้มีราคาสูงกว่าห้องธรรมดาสิบเท่า ราคา หนึ่งหมื่นเหรียญทองต่อเดือน ดังนั้นจึงน่าจะเป็นเหรียญทอง สองหมื่นเหรียญ สำหรับสองเดือน "
ห้องพักที่สุดพิเศษของเราห้องนี้มีราคาสูงกว่าห้องธรรมดาสิบเท่า ราคา หนึ่งหมื่นเหรียญทองต่อเดือน ดังนั้นจึงน่าจะเป็นเหรียญทอง สองหมื่นเหรียญ สำหรับสองเดือน "
โม่บ่อกี้ ถอยหายใจด้วยความรู้สึกเย็นยะเยือก ราคามันสูงมาก
ถ้าเขาไม่ได้รับเงินจากการขาย เพนมิซิลิน(ยาเก้าชีพคืนชีวิต)
เขาก็จะไม่มทีสิทธิ์แม้แต่จะมองมาที่ห้องนี้
"นี่คือเหรียญทอง
สองหมื่นเหรียญข้าจะอยู่เป็นเวลาสองเดือน" แม้จะมีราคาสูงมากเเต่
โม่บ่อกี้ ก็ไม่มีเวลาลังเลที่จะหยิบตั๋วแลกเงินสองใบมูลค่ารวมมูลค่า
สองหมื่นเหรียญทอง
แม้ว่าเขาจะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานชุมนุมประตูอมตะ
ซึ่งเป็นเพียงโอกาสเดียวในชีวิตของโม่บ่อกี้
นอกจากนิกายใหญ่จะมองหาอัจฉริยะแล้วพวกเขายังรับศิษย์บริการ
ถ้าหากเขาสามารถทำให้พวกนิกายใหญ่เห็นว่าเขามีรากฐานทางจิตวิญญาณเขาอาจได้รับการยอมรับเป็นศิษย์ชั้นนอก
แม้แต่การเป็นศิษย์บริการของนิกายใหญ่ก็จะเป็นประโยชน์ใรการส่งเสริมการเพาะปลูกของเขา
เช่นเดียวกับที่นักเรียนที่ตั้งใจจะเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งก็จะมาพักอาศัยอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย
หากว่าเขาต้องการเข้าร่วมนิกาย โม่บ่อกี้
ต้องการจะอยู่ใกล้กับสถานที่จัดงานชุมนุมประตูอมตะ
ช่วงนี้นอกจากความรู้ที่เขามีเขายังสภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์
เขาย่อมที่จะสามารถหาเงินมาได้ไม่ยากนัก แต่เขาคงทำไม่ได้
ถ้าเดินออกจาโรงเตี๊ยมนี้แล้วไปหาที่พักใหม่
เพราะมันอาจจะจบลงที่เขาไม่มีที่พักเลย
นอกจากนี้โรงเตี๊ยมแห่งนี้ยังดูยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียง
เขาอาจได้พบกับอาจารย์เซียนบางท่านในระหว่างที่เขาอยู่ที่นี่
หญิงสาวไม่ได้คาดคิดว่า โม่บ่อกี้
จะจ่ายเงินถึงสองหมื่นเหรียญทองออกมาได้ เพราะนอกจากเซียนชั้นสองก็มีเพียงคนร่ำรวยเท่านั้นที่จะสามารถพักอยู่ที่นี่ได้
โดยทั่วไปหากตัดสินรูปร่างหน้าตาปกติของ โม่บ่อกี้ เขาไม่เหมือนคนที่สามารถพักอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ได้
ก่อนหน้านี้นที่นางยิ้มให้ก็เพื่อรักษามารยาท
"มีปัญหาอะไรรีเปล่า"
เมื่อมองดูสีหน้าที่เหม่อลอยของหญิงสาว โม่บ่อกี้ รีบถามขึ้น
"โอ้….ไม่มีอะไร...กรุณารอสักครู่ ข้าจะรีบจัดการให้ท่าน"
สาว ๆ รีบกลับไปทำงานของนาง แล้วนางก็จัดการเรื่องห้องพักให้
โม่บ่อกี้ อย่างกระฉับกระเฉง
ในเวลาเพียงไม่กี่นาที โม่บ่อกี้
ก็ได้รับกุญแจห้องพักและบัตรประจำตัวผู้พักอาศัย เขาอยู่ในห้อง ศูนย์หนึ่งแปดสาม
ซึ่งอยู่บนชั้นสาม
หลังจากที่ โม่บ่อกี้ ได้รับกุญแจมาก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
"ยังมีห้องว่างไหม"
นั่นเป็นเสียงของเด็กสาวนางหนึ่ง นางมีคิ้วดกหนาและตาโต
ซึ่งทำให้นางดูเป็นคนเข้มแข็งมาก
แต่น่าเสียดายที่ความเข้มแข็งที่ว่าทำให้นางเสียเสน่ห์ของผู้หญิงไปอย่างมาก
ข้างตัวนางเป็นชายหนุ่มที่มีสะพายดาบอยู่บนหลัง
"ข้าเสียใจเป็นอย่างยิ่งห้องสุดท้ายเพิ่งได้รับการจองโดยพี่ชายท่านนี้"
พนักงานต้อนรับตอบอย่างสุภาพ
เมื่อเด็กสาวคนนี้ได้ยินนางก็หันกลับไปหา โม่บ่อกี้ ทันที "เอากุญแจห้องมาให้ข้า
ข้าจะให้เงินเจ้าเป็นสองเท่า"
"ข้าแค่ต้องการพักผ่อนแล้วข้าก็ไม่คิดจะยกให้เจ้าหรอกนะ
ขอโทษที" เป็นเรื่องปกติของ โม่บ่อกี้
ที่จะไม่ล้มเลิกแผนการของเขาเพื่อเงินหรือผลประโยชน์อย่างเหรียญทอง
"สามเท่า"
สาวคิ้วหนาขมวดคิ้วพูดออกมา หลังจากที่ โม่บ่อกี้ ไม่สนใจ
นางจึงตัดสินใจที่จะเพิ่มเงิน หลังจากเสนอราคานี้แล้วนางก็พูดเสริมว่า
"ไอ้หนูอย่าโลภมากนัก เดี๋ยวเจ้าจะมีปัญหา"
"นี่สาวน้อย
ถ้าข้าอยากพักห้องที่ดีที่สุดแค่คืนเดียวล่ะ" โม่บ่อกี้
ไม่ชอบคนที่ใช้เงินฟาดหัวคนอื่น ไม่แค่นั้นนางยังพยายามที่จะข่มขู่เขา
แต่น่าเสียดายที่ โม่บ่อกี้ ไม่ใช่คนที่กลัวการข่มขู่
เมื่อพนักงานต้อนรับได้ยิน โม่บ่อกี้ เรียกว่า สาวน้อย
นางมีอาการเขินเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ห้องพิเศษของปรมาจารย์เซียนนั้นคือห้องที่ดีที่สุดราคา
หนึ่งหมื่นเหรียญทองต่อหนึ่งคืน... "
"ตกลงข้าจองห้องพักปรมาจารย์เซียนที่ดีที่สุดแค่คืนเดียว
แล้วเจ้าก็ปล่อยห้องของข้าไว้ว่างๆก็แล้วกันนะ" โม่บ่อกี้
โบกมืออย่างไม่แยแส
พนักงานต้อนรับตอบเชิงขอโทษ " เสียใจด้วย เราไม่มีห้องพักอมตะอีกแล้ว"
"โอ้
ทั้งหมดนั่น ก็เพราะข้าไม่อยากจะมีปัญหาน่ะนะ" โม่บ่อกี้หันไปมองไปที่สาวน้อยคิ้วหนา
แล้วเขาก็หัวเราะขึ้น ในขณะที่นางเดินขึ้นบันไดมา
พนักงานต้อนรับไม่เข้าใจว่า โม่บ่อกี้ หมายถึงอะไร
แต่นางก็สามารถบอกได้ว่าโม่บ่อกี้ไม่พอใจสาวคิ้วหนา
"แค่ตัวคนดียวยังกล้าจะวางท่าหยิ่งผยองกับข้า
ดีข้าจะให้บทเรียนกับเจ้า" สาวที่มีขนคิ้วหนาเริ่มตอบโต้
ในที่สุดเพราะก็เข้าใจว่า โม่บ่อกี้ ต้องเยาะเย้ยนางทางอ้อม
ชายหนุ่มที่มากับหญิงสาวพูดตรงๆว่า "ศิษย์น้องฝึกหัด เมื่อไม่มีห้องพักแล้ว
เราไปหาโรงเตี๊ยมอื่นก็แล้วกัน ถ้าเราก่อเรื่องจนปัญหาบานปลายไปทางบ้านก็จะรู้เรื่องอีก...
"
"ไอ้เด็กเวรนี่...
โชคดีมาก ถ้ามันตกอยุ่ในมือของข้าข้าจำทำให้มันรู้ซึ้งถึงพลังของ
ถ้าไม่เขาจะเข้าใจถึงพลังอำนาจของ ตำหนักคีตะสวรรค์ ไปกันเถอะ"
เมื่อเห็นทั้งสองเดินออกไป พนักงานต้อนรับดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่าง
ขึ้นมาได้ ใบหน้าของนางจึงเผยให้เห็นถึงความกลัว นางแอบมองไปในทิศของห้องของ
โม่บ่อกี้ และภาวนาให้เขาเงียบๆ ในใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น