วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2561

บทที่ 51: พื้นฐานการเพาะปลูก

บทที่ 51: พื้นฐานการเพาะปลูก
ไก่ในน้ำแดง และ แมวป่วย แปล

"ท่านกรุณาช่วย ให้ข้าดูตำรานั้นได้รึไหม" โม่บ่อกี้ ถอนหายใจออกมาเขาอยากสัมผัสกับตำราเคล็ดวิชานี้มาก

เขาไม่มีทางเลือกอื่น เพราะว่าจำนวนเงินที่พกมานั้นมีเพียงเเค่สามารถซื้อ ตำราระดับมนุษย์เล่มนี้เท่านั้น

"ไม่มีปัญหา" ผู้ดูเเลนำ ตำราเคล็ดวิชาเซียนมนุษย์ ออกจากชั้นวางกระจกและส่งให้กับ โม่บ่อกี้ ด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนั้นกับเคล็ดวิชาอื่นๆ แต่ถ้าเป็นตำราเคล็ดวิชาเล่มนี้ เขาตัดสินใจเองได้

ขณะที่ โม่บ่อกี้ กำลังตั้งใจจะเปิดตำรา  ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็หัวเราะออกมาว่า " ฮ่า  ฮ่า ฮ่า ข้าขอแนะนำก่อนว่า หากเจ้าต้องการมีความก้าวหน้าในการบ่มเพาะพลังของเจ้าในระยะยาว  มันจะดีกว่าหากเจ้าสะสมคะเเนนเพื่อมาซื้อ ตำราที่ระดับมนุษย์ ที่มีคุณภาพสูงกว่า เคล็ดวิชาเซียนมนุษย์ที่ว่านี้ เป็นเเค่ชื่อที่ใช้ในร้านนี้เท่านั้น เมื่อเจ้าออกจากร้านเเห่งนี้มันจะมีชื่ออื่น "

"ชื่ออื่น  ชื่ออะไรรึ " โม่บ่อกี้ ถาม

ชายวัยกลางคนชี้ไปที่ตำราในมือของ โม่บ่อกี้ "เมื่อใดที่เจ้าเปิดตำราเล่มนี้แล้วเจ้าจะรู้ชื่อที่เเท้จริงของมัน"

ด้วยเหตุนี้ โม่บ่อกี้ รีบพลิกเปิดตำรา ด้านล่างของคำว่า "เคล็ดวิชาเซียนมนุษย์" มีอักษรตัวเล็กไม่กี่คำเขียนอยู่ว่า "พื้นฐานการเพาะปลูก"

เมื่อ โม่บ่อกี้ เห็นสามคำนี้เขาแทบจะกระอักเลือดออกมา ถ้าชายวัยกลางคน คนนี้ไม่ได้เตือนเขา เขาจะต้องซื้อตำราเล่มนี้ ยิ่งไปกว่านั้นหากใครถามเขา เขาจะตอบว่าเขากำลังฝึก เคล็ดวิชาเซียนมนุษย์ ซึ่งจะทำให้เขากลายเป็นตัวตลกไปทันที

ผู้ดูเเลเห็นว่าเรื่องราวไม่เป็นไปตามที่คาด เขาจึงรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า "นี่เป็นเทคนิคพื้นฐานที่สุดของการเริ่มต้น ถ้าเจ้าฝึกด้วยเทคนิคนี้แม้ว่าเจ้าจะเปลี่ยนเป็นเทคนิคอื่นในอนาคตจะไม่มีผลเสียหายใดๆทั้งสิ้น เข้ารับรองได้ว่าไม่มีเคล็ดวิชาใดที่มีพื้นฐานดีมากกว่านี้ อีกเเล้ว"

โม่บ่อกี้ ตอบกลับอย่างรุนแรงว่า "แน่นอนว่าจะไม่มีผลเสียใดๆ เเต่ข้าได้ยินว่าการฝึกฝึเคล็ดวิชานี้ ต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก เมื่อถึงเวลาที่ข้ามีความสามารถพอที่จะเปลี่ยนไปฝึกเคล็ดวิชาอื่นๆ ข้าไม่กลายเป็นตาแก่ใกล้ตายหรอกรึ"

ผู้ดูแลหัวเราะเบาๆออกมา  แต่ไม่ได้โต้เเย้งกับสิ่งที่ โม่บ่อกี้ พูด

ชายวัยกลางคนพูดอีกครั้งว่า "ที่จริงสิ่งผู้ดูเเลพูดนั้นก็ไม่ผิด ถึงแม้เคล็ดวิชาจะใช้เวลาฝึกฝนเป็นเวลานานในการฝึกฝน แต่มันก็ผ่านการสืบทอดมานานหลายปีจนนับไม่ถ้วนแล้ว และได้ผ่านการปรับเเต่งเป็นอย่างดีจนทำให้ไม่มีที่ติ เมื่อใดก็ตามที่เจ้ามีเคล็ดวิชาการบ่มเพาะที่มีคุณภาพสูงกว่าเจ้าก็สามารถเปลี่ยนวิชาได้ทุกเมื่อ "

โม่บ่อกี้ พลิกฝ่ามือเพื่อเปิดตำรา ผู้ดูเเลไม่ได้โกหกเรื่องเนื้อหา เคล็ดวิชานี้มีรายละเอียดสูง ไม่ใช่เฉพาะการระบุอย่างชัดเจนว่าจะหมุนเวียนพลังจิตวิญญาณอย่างไร แต่ยังแสดงแผนภาพแสดงทิศทางการไหลภายในช่องทางจิตวิญญาณ นอกจากนี้ยังมีการแนะนำส่วนประกอบต่างๆที่เกี่ยวกับเครือข่ายช่องทางในร่างกายด้วย

โม่บ่อกี้ ไม่เคยบ่มเพาะพลังมาก่อนและไม่มีใครเคยสอนเขาถึงวิธีการ ตำแหน่งและชื่อของช่องจิตวิญญาณ ซึ่งมันเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับเขา มันมีอะไรที่มากว่าทิศทางของการไหลกระเเสพลังภายใน

ผู้ดูแลร้านค้าได้เอาหนังสือเล่มอื่นออกมาและยื่นส่งให้ โม่บ่อกี้ "เพื่อนข้าถ้าท่านซื้อเคล็ดวิชาเซียนจากข้า ข้าจะแถมหนังสือแนะนำช่องทางจิตวิญญาณนี้ให้ท่านไปด้วยเปล่าๆ"

โม่บ่อกี้ ปิดหนังสือด้วยการบอกกับผู้ดูแลร้านค้าว่า "ท่านไม่ต้องพูดถึงตำราเซียนเล่มอื่นแล้ว ที่ข้าต้องการซื้อตอนนี้คือพื้นฐานการเพาะปลูก บอกราคาต่ำสุดที่ท่านสามารถขายได้มา จริงอยู่ว่าข้ามีเพียง สองร้อยห้าสิบคะแนน ข้าต้องเพิ่มเงินอีกเท่าไร สำหรับคู่มือเล่มนี้และของแถม"

โม่บ่อกี้ ใจร้อนมาก เขาจะซื้อตำราได้หรือจะต้องออกจากร้านมือเปล่า จำนวนเงินที่เขามีอาจจะซื้ออะไรออกมาไม่ได้เลย

เมื่อได้ยินว่า โม่บ่อกี้ ตั้งใจที่จะซื้อพื้นฐานการบ่มเพาะพลังนี้ ผู้ดูเเล เดินเข้ามาหาด้วยยิ้มและกล่าวว่า "เพียงแค่เพิ่มเหรียญทองอีก เจ็ดหมื่น...เหรียญ "

"ข้าจะเพิ่มให้อีก ห้าหมื่นหรียญทอง ถ้าเจ้ายินดีที่จะขายมันให้  ข้าจะเอามันออกไปทันที  หรือมิฉะนั้นข้าจะไปที่ร้านอื่น "โม่บ่อกี้ พูดโดยไม่ลังเล

เมื่อหักค่าพักโรงเตี๊ยม เขาเหลือเหรียญทองอยู่ประมาณ หนึ่งแสนเหรียญเท่านั้น เขาจะต้องรักษาและประหยัดเงินจำนวนนี้ให้มาก ตอนแรกเขารู้สึกว่าเงิน หนึ่งแสนเหรียญทองเป็นเงินก้อนใหญ่ แต่หลังจากเดินเข้าไปในร้านนี้ โม่บ่อกี้จึงรู้ว่าเขายากจนยิ่งกว่าขอทาน ในอัตราเงินเช่นนี้เขาจะต้องหาวิธีหาเงินเพื่อซื้อหาอาหารแล้ว

"ขาย" ผู้ดูแลร้านค้าขายเคล็ดวิชาเซียนมนุษย์และตำราแนะนำช่องทางจิตวิญญาณ ให้โม่บ่อกี้ โดยไม่ลังเลใจ

โม่บ่อกี้ เอาบัตรสมาชิกส้มออกมาจ่าย สองร้อยห้าสิบคะแนนแล้วหยิบตั๋วแลกเงิน ออกมาจ่ายสำหรับ ห้าหมื่นเหรียญทอง ในที่สุดเขาก็ได้เคล็ดวิชาการเพาะปลูก(ตำราเซียน)ในฝันของเขา ไม่ต้องรอต่อไปอีกนี่เป็นพื้นฐานของการเพาะปลูก

โม่บ่อกี้ห่อหนังสือทั้งสองเล่มแล้วซุกไว้ในอกเสื้อ แล้วตัดสินใจหาที่แห่งหนึ่งเพื่อทดสอบรากฐานทางจิตวิญญาณของเขา ก่อนจะกลับไปดูว่าเขาสามารถปลูกฝังได้หรือไม่

เมื่อโม่บ่อกี้กำลังจะจากไป เขาหันกลับไปมองหาชายวัยกลางคน ที่ยังไม่จากไป ชายผู้นี้ไม่รู้จัก โม่บ่อกี้ แต่ก็ยังช่วยอธิบายให้หลายๆเรื่องให้ ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้อยู่ที่นี่เพื่อรอพบเขา แต่เขาเพิ่งมาถึงเมืองฉางลู่

"ขอบคุณพี่ชายสำหรับคำอธิบายทั้งหมด ข้าสังเกตเห็นว่า ท่านเองก็อยู่ที่นี่มาสักพักแล้ว ไม่ทราบว่าท่านจะออกไปด้วยกันกับข้าหรือไม่ "โม่บ่อกี้ ถามอย่างสุภาพ

ชายวัยกลางคนยิ้มและพยักหน้า "คราวนี้ข้าไม่ได้ช่วยอะไรมากมายและเจ้ายังซื้อคู่มือฉบับนี้ในท้ายที่สุด แต่เจ้าพูดถูกต้องต้องเเล้ว  ข้าอยู่ที่นี่เพื่อรอเจ้า "

 โม่บ่อกี้ ไม่ทันพูดอะไร ชายกลางคนก็ชิงพูดว่า "นี่เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แสดงตัวสำหรับศิษย์บริการของ นิกายดาบไร้ลักษณ์ "

ปฏิกิริยาของ โม่บ่อกี้ ชาด้านไปทันทีและถามด้วยความสงสัยว่า "แต่ข้าไม่เข้าใจว่า ทำไมท่านจึงมอบสัญลักษณ์นี้ให้ข้า"

ชายวัยกลางคนตอบด้วยเสียงอบอุ่นว่า "ไม่ต้องคิดมาก ฉินเซียงหยู มอบสัญลักษณ์นี้ให้ข้า นางขอให้ข้าช่วยส่งมอบมันให้เจ้า ถ้าเจ้าไม่อยากจะใช้มัน ก็เก็บมันเอาไว้กับตัว บางทีมันอาจจะมีประโยชน์กับเจ้าบ้าง"

ฉิน เซียงหยู โม่บ่อกี้ นึกออกทันทีถึงผู้หญิงที่เคยอยู่ข้างๆเขา ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะเป็นคนธรรมดา แต่นางก็มีเสน่ห์ที่แตกต่าง นางน่าสนใจยิ่งนัก สัดส่วนของร่างกาย ที่สมบูรณ์แบบ ไม่เพียงเเค่สวยงาม แต่ยังทรงคุณค่า บางทีนี่อาจเป็นความรู้สึกที่แท้จริงของเสน่ห์

เขาช่วยนางได้อย่างสะดวกสบายในตอนแรกใครรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะจำเขาได้แม้กระทั่งให้ชื่อของศิษย์ให้บริการภายในนิกาย

เรื่องนี้ไม่มีเหตุผล ฉินเซียงหยู เป็นคนรับใช้เหมือนกับเขา นางจะได้รับสัญลักษณ์สำหรับสาวกบริการจากนิกายเซียนแบบนี้และสามารถมอบให้กับเขาได้แบบนี้ได้อย่าง

ชายวัยกลางคนดูเหมือนจะรู้ถึงความคิดของ โม่บ่อกี้ ชายวัยกลางคนจึงอธิบายว่า "น้องชายของ เซียงหยู เทียนเฉิน เป็นศิษย์อันดับสองของผู้อาวุโสสายตรงของ นิกายดาบไร้ลักษณ์ ได้ออกจากตะกูลมานานกว่าสิบปีแล้ว เนื่องจากมีการจัดงาน ชุมนุมประตูน้ำพุอมตะ พวกเขาจึงได้พบกันและนางก็ได้รับสัญลักษณ์จากเขา"

โม่บ่อกี้ เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมนางจึงได้รับสัญลักษณ์มาอย่างง่ายดาย

"เมื่อเสร็จเรื่องแล้ว ข้าก็ขอลาละ" ชายวัยกลางคนไม่ได้แนะนำตัวเองและหลังจากที่ โม่บ่อกี้ ได้รับสัญลักษณ์แล้วก็อำลาเเละจากไป
หลังจากที่ชายคนนั้นจากไป โม่บ่อกี้ ดึงผู้ดูเเลมาถามว่า "ข้าถามหน่อยว่า นิกายดาบไร้ลักษณ์อยุ่ในระดับอะไร

ผู้ดูเเลมองไปที่สัญลักษณ์ในมือของโม่บ่อกี้ ด้วยความชื่นชมแล้วตอบว่า "แม้นิกายดาบไร้ลักษณ์ อาจจะไม่ใช่นิกายที่ดีที่สุดในแถบนี้ แต่อย่างน้อยที่สุดก็อยู่ในมาตรฐานขั้นต่ำของระดับปฐพี "

เป็นเพียงนิกายระดับปฐพีที่มีมาตรฐานขั้นต่ำเท่านั้น โม่บ่อกี้ รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังคงรู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณ ฉินเซียงหยู อย่างมาก โลกใบนี้อาจมีหลายคนที่เก็บความแค้นไว้ในใจ แต่มีน้อยนักที่ไครจะจำความปรารถนาดีของคนอื่นได้

โม่บ่อกี้ เก็บสัญลักษณ์ไว้ เเละตัดสินใจที่จะยังเข้ารับการทดสอบรากฐานทางจิตวิญญาณของเขา ถ้าเขามีรากฐานทางจิตวิญญาณและมีคุณภาพที่ดีแล้วเขาก็อาจจะมีโอกาสได้ไปร่วมงาน ชุมนุมประตูน้ำพุอมตะ เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้นเขาจะไม่เป็นแค่เพียงศิษย์บริการหรือกระทั่งศิษย์สายนอก

////////////////////////////////////////////////////////////////////////

          แมวอ้วน : เสดแล้วว้อย! แล้วตกลงจะตั้งชื่อทีมแปลว่าอะไรอ่ะ
ไก่ในตำนาน : โอ้มดตะนอยต่อยตูด
          แมวอ้วน : เอิ่ม งั้นเอาเดอะแพนด้าทีมละกัน ขอบตาดำหมดละเนี่ย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น