วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2561

บทที่ 55: ระยะเปิดช่องทางระดับที่หนึ่ง


กระบี่ว่าคมแค่ไหนใยตัดความรักไม่ยักกะขาด สำเร็จคัมภีร์ปราบมารแต่มารในใจใยยิ่งผงาด
บทที่ 55: ระยะเปิดช่องทางระดับที่หนึ่ง
เดอะแพนด้าทีม ไก่ตุ๋นมะระ และ แมวดำ แปล
หลังจากนั้นไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร โม่บ่อกี้ ก็ลืมตาขึ้น เขารู้สึเหมือนว่าการฝึกฝนของเขาพบกับสิ่งกีดขวางที่ไม่สามารถผ่านไปได้ เหมือนที่เขียนไว้ใน ตำราพื้นฐานการเพาะปลูก เมื่อพลังงานจิตเติมร่างกายผ่านช่องทางวิญญาณระดับแรกจะสมบูรณ์ โม่บ่อกี้ รู้สึกว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังทางจิตวิญญาณเพียงเท่านี้เขาก็ใช้จุดชีพจรของเขาแทนช่องวิญญาณได้

อย่างไรก็ตามการเปิดช่องนี้เป็นระดับหนึ่งจริงหรือไม่  โม่บ่อหี้ ตรวจสอบมือของเขาด้วยความตกใจ มันมีกลิ่นเหม็นหืนขึ้นมา

โม่บ่อกี้ เข้าใจทันทีว่านี่คือกลิ่นของสิ่งสกปรกที่ถูกขับออกจากร่างกาย

เขามาถึง การเปิดช่องทางจิตวิญญาณขั้นที่หนึ่งจริงๆ แล้วเขาก็พบกับ สิ่งกีดขวางแรกของเขา ถึงอย่างนั้น โม่บ่อกี้ รู้ดีว่าทำไมเขาถึงได้พบกับสิ่งกีดขวางนี้ ไม่ใช่เพราะเขาไม่สามารถฝึกฝนได้ แต่เป็นเพราะเขาก้าวหน้าไปเร็วเกินไป จุดชีพจรทั้งสามเส้นของเขาอุดตันจึงทำให้เกิดสิ่งกีดขวางนี้

ผู้บ่มเพาะพลังจะต้องเปิดช่องทางวิญญาณมากขึ้นเพื่อเอาชนะสิ่งกีดขวาง และฝึกฝนต่อไป สำหรับเขา เขาจะต้องคิดค้นวิธีการเปิดช่องทางจิตอื่นๆ และหาแหล่งกำเนิดพลังงานไฟฟ้า เพื่อเปิดจุดชีพจรให้มากขึ้น จุดชีพจรที่มากขึ้นก็จะหมายถึงความก้าวหน้ามากขึ้น

"ฮ่าฮ่า ... " โม่บ่อกี้ หัวเราะอย่างเต็มที่ เขารู้สึกว่าการฝึกฝนนั้นไม่ยากนัก มันง่ายมากกว่าที่เขาคิด เเม้ตอนนี้เขาจะรู้สึกหิว แต่เขาก็ไม่ได้หิวจนไปไหนได้ เขาสามรถบ่มเพาะพลังในวันเดียว ทำให้เขาถึงระดับช่องเปิดที่หนึ่งได้ จะมีอะไรที่ทำให้เขามีความสุขมากไปได้กว่านี้

โม่บ่อกี้ รีบไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างสิ่งสกปรกทั้งหมด หลังจากใส่ชุดเสื้อผ้าที่สะอาดร่างกายของเขารู้สึกสดชื่น ในขณะนี้เขารู้สึกเหมือนว่าเขาสามารถกินวัวได้ทั้งตัว แม้ว่าเขาจะหิว แต่เขาก็รู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ

เขาเพียงแค่ทำตามขั้นตอนเล็กน้อยเท่านั้น แต่เขาสามารถเดินทางได้ไกลมาก บางทีนี่อาจเป็น "ระยะตัวเบาซึ่ง ฮั่นหนิงเคยกล่าวถึงว่า ร่างกายของเขารู้สึกเบาและว่องไว

แม้ว่าวิธีการของเขาแตกต่างจากผู้ฝึกฝนธรรมดาไปนิดหน่อยเเต่ โม่บ่อกี้ ก็ตัดสินใจที่จะก้าวไปบนเส้นทางการฝึกฝนนี้เเน่นอน

เคล็ดวิชาเซียนมนุษย์ สมควรได้รับชื่อเสียง ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะมีคนเสนอคู่มือการฝึกที่สูงกว่า เคล็ดวิชาเซียนมนุษย์ ให้ โม่บ่อกี้ ก็คงไม่สนใจอีก

เดี๋ยวก่อนนะ ... ทำไมผู้คนถึงถือว่า <พื้นฐานของการเพาะปลูกเป็นขยะเมื่อมันสามารถช่วยให้เขากลายเป็น 'เซียนได้

เป็นไปได้ว่าเขาได้เปิด จุดชีพจร ไม่ใช่ช่องทางจิตวิญญาณ น่าจะใช่ เเล้วอะไรคือความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างจุดชีพจรและช่องทางจิตวิญญาณ

โม่อบ่กี้ ไม่เข้าใจดังนั้นเขาจึงได้แต่เก็บไว้ในใจ เขาอาจจะไม่เข้าใจทฤษฎีที่อยู่เบื้องหลังในตอนนี้

เมื่อเขากำลังจะเปิดประตูออกไป โม่บ่อกี้ มั่นใจว่า เฉินเหลียน จะถามเขาว่าทำไมเขาถึงอยู่ในห้องนานนัก ถึงอย่างนั้น โม่บ่อกี้ ก็ไม่คิดว่า เฉินเหลียน ไม่ได้อยู่ข้างนอก โม่บ่อกี้ ลูบจมูกด้วยความอายและหัวเราะเบาๆกับตัวเอง ที่เขาคิดมากจนเกินไป

จะมีงานชุมนุมประตูน้ำพุอมตะ ขึ้นในอีกไม่ถึงหนึ่งเดือน เขาจะต้องซื้อสมุนไพรและกลั่นยาเปิดช่องทางก่อนที่จะเริ่มงานชุมนุม

แม้ว่าเขาจะมีรากฐานมนุษย์เท่านั้น แต่เขาก็สามารถฝึกฝนและก้าวหน้าอย่างรวดเร็วได้ การเปฺิดสามจุดชีพจรของเขานั้น มันยังไม่เพียงพอ หากเขาต้องการความคืบหน้าที่เร็วขึ้นเขาจะต้องเปิดจุดชีพจรให้มากขึ้น

"เจ้ากำลังจะออกไปข้างนอกหรือขณะที่ โม่บ่อกี้กำลังจะออกไป เฉินเหลียน เปิดประตูจากห้องด้านขวาออกมาพอดี

"ใช่แล้ว ข้าจะออกไปซื้อส่วนผสมบางอย่าง ... " โม่บ่อกี้ เเล้วเข้าก็ตระหนักว่าเขายังจะต้องซื้ออุปกรณ์การกลั่นยาบางอย่างซึ่งจะเสียค่าใช้จ่ายไม่น้อย นอกจากนี้ สมุนไพรในฉางลู่ ยังมีราคาที่เเพงมากกว่า เฉิงตู

"เจ้ามีเงินให้ข้ายืมบ้างไหม แน่นอนว่าข้าจะคืนให้เจ้าตอนนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเพาะปลูกของเขา มันไม่มีเหตุผลที่เขาต้องหน้าบางกับการยืมเงินที่จำเป็น
เฉินเหลียน จ้องมองที่ โม่บ่อกี้เจ้าไม่ได้ปฏิเสธเงินที่ข้าเสนอให้เจ้าสำหรับห้องนี้หรือ"

โม่บ่อกี้ โบกมือ "ปกติข้าจะไม่ขอเงินนั้น ตอนนี้ข้าต้องซื้อส่วนผสมแล้วข้ากลัวว่าข้าจะไม่มีทองเพียงพอ ถ้าหากเงินไม่ได้ใช้จ่าย ข้าจะส่งคืนให้กับท่าน"

ทันใดนั้นหน้าของ เฉินเหลียน ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงขณะที่นางพูดติดอ่างว่า "ระ เรื่องนี้ ... ตอนนี้..ข้ายังไม่มีเงิน..แต่ข้าจะได้อะไรบางอย่างเมื่องานชุมนุมประตูน้ำพุอมตะ เปิดขึ้น "

ตาของ โม่บ่อกี้ เบิกกว้างขึ้นขณะที่มองเฉินเหลียน ว่า "เจ้าไม่มีเงินใช่ไหม แปลว่าเรื่องที่เจ้าเสนอให้จ่ายค่าเช่าก่อนหน้านี้ เจ้าโกหกข้าหรือ"

ใบหน้าของ เฉินเหลียนเต็มไปด้วยความอับอาย นางจึงกล่าวว่า "ข้าสอนพื้นฐานสำคัญของการเพาะปลูก ที่ควรจะเกินพอที่จะจ่ายค่าเช่า ให้กับเจ้าเเล้ว"

โม่บ่อกี้ จึงเข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้มีแค่คำพูดเปล่าๆ เมื่อนางพูดเรื่องการจ่ายค่าเช่า ถ้าเขาต้องการเงินจริงๆ นางก็จะหาเหตุผลอื่นๆมาพูด เห็นได้ชัดเจนเลยว่านางโกหกสังเกตได้จากการที่ เฉินเหลียน ก้มหน้าลงแล้วพูดว่า "ก็เพราะเงินหมดนั่นแหละข้าถึงต้องออกไปจากที่นี่..ข้า..…"

เฉินเหลียน กำลังพูดความจริง นางกลับมาที่โรงเตี๊ยม นางรู้ว่าห้องนี้มีสองห้อง นางจึงต้องการเจรจากับแขกปัจจุบันเพื่อเข้าพัก เมื่องานชุมนุมประตูน้ำพุอมตะเปิดขึ้นนางจะสามารถจ่ายคืนให้กับเขาได้สองเท่า

เมื่อดูจากความหงุดหงิดของ โม่บ่อกี้ กับการพยามฝึกฝน นางก็พยายามอย่างเต็มที่ ที่จะสอนเขาเรื่องพื้นฐานของการฝึกฝน ถ้าโม่บ่อกี้ มีมโนธรรมเขาก็จะไม่เรียกเก็บค่าเช่า

ในความเป็นจริงมันเป็นตามความคาดคิดของนาง โม่บ่อกี้ ไม่ได้ขอค่าเช่าและรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งกับนาง นางคาดไม่ถึงว่า โม่บ่อกี้ จะขอยืมเงินนาง ถ้านางรู้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ นางไม่มีทางเปิดประตูห้องแน่นอน

แต่นางไม่มีทางเลือกอื่นนางทนหิวไม่ไหว

"จ๊อกกก!!   จ๊อกก..เสียงท้องของ เฉินเหลียน ดังขึ้น โม่บ่อกี้มองไปเบื้องล่างอย่างช่วยไม่ได้

หน้าของ เฉินเหลียน กลายเป็นสีแดงอมชมพู นางไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ที่นางเข้ามาในห้องนี้ครั้งแรก นางคอยเฝ้าดูประตูห้องของ โม่บ่อกี้ เมื่อมันเปิดออกก็แสดงว่า โม่บ่อกี้ จะต้องออกไปกินข้าวและนางก็จะออกมามากินข้าวฟรี

"เจ้าไม่มีเงินซื้อข้าวหรือโม่บ่อกี้ ได้แต่กุมขมับเพราะพูดไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับผู้หญิงที่ไม่มีเงินพอที่จะกินข้าว มันดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติถ้าสถานการณ์ของนางเหมือนเขาและ ย่านเอ๋อ แต่นางเป็นคนที่เคยอยู่ในโรงเตี๊ยม นภาลัย อันยิ่งใหญ่นี้ นางไม่ใช่คนที่น่าสงสารนางอาจใช้เงินหมดไปโดยไม่รู้ตัว

เฉินเหลียน ยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิม แต่นางก็เงยหน้าขึ้นพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า "ถูกแล้ว ข้าไม่มีเงินเหลือเลยแล้วและข้าตั้งใจจะกินข้าวมื้อนี้ ถ้าเจ้ายินดีให้ข้ายืมเงินข้าจะตอบคำถามทุกอย่าง เกี่ยวกับกา่รฝึกฝนของเจ้า"

โม่บ่อกี้ ตอบอย่างอ่อนโยนว่า "ไปเถอะ ... ไปกันเถอะเขาตั้งใจที่จะยืมเงินจาก เฉินเหลียน แต่ตอนนี้เขาเป็นคนให้เงินนางยืม เขายังต้องช่วยเหลือนางเรื่องอาหาร ตรรกะนี่มันคืออะไร เจ้าไม่มีทางที่จะตัดสินนางได้ด้วยเหตุผลธรรมดาทั่วไป


"มั่นใจได้ ฉันจะจ่ายเงินให้เจ้าเป็นสองเท่าขณะที่ทั้งสองคนออกจากโรงเตี๊ยมนภาลัย เฉินเหลียนสังเกตเห็นว่า โม่บ่อกี้ กำลังหงุดหงิด นางคิดว่า โม่บ่อกี้ ยังคงกังวลเรื่องเงินอยู่ดังนั้นนางจึงเริ่มที่จะปลอบใจเขา

โม่บ่อกี้ จึงโบกมือห้าม "ไม่ต้องห่วงนี่เป็นแค่เงินน้อยเท่านั้น"

สิ่งที่เขากังวลคือการกลั่นยาเปิดช่องทางจิตวิญญาณ ที่สำคัญกว่านั้นเขายังกังวลว่าเขาจะหาสถานที่ไหนที่จะสามารถเปิดจุดชีพจรของเขา หลังจากที่การเปิดจุดชีพจรของเขาต้องพึ่งพลังงานไฟฟ้า

"เจ้าดูเหมือนมีอะไรในใจเฉินเหลียน ถามด้วยความอ่อนโยน

โม่บ่อกี้ เบื่อหน่ายเกินกว่าที่จะตอบนาง จึงชี้ไปที่ร้านอาหารใกล้ๆ แล้วพูดว่า "กินที่นี่ก็แล้วกัน ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำหลังจากนี้"

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

แมวอ้วน : อีกนาทีเที่ยงคืน ก็ยังไม่รู้ว่าเเธออยู่ไหน
          ไก่ในตำนาน : ลุง จะร้องเพลงก็ให้เด็กยุคนี้มันเกิดทันหน่อยเดะ
แมวอ้วน : Let’s just drive out of town Let’s runaway Let’s get high Forget the world Forget everything…
ไก่ในตำนาน : อันนั้นมันก็ใหม่ไปเพิ่งลงยูทูบได้สองวันเอง ไอ้เพลง Drive ของ
วิโอเลต วอเทียร์ เนี่ย
         

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น