วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2561

บทที่ 5: สิ่งต้องห้ามสำหรับข้า

บทที่ 5: สิ่งต้องห้ามสำหรับฉัน
ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมผู้สรรหาบฃลลลลลคลากรจึงตกใจ ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมผู้คนรอบข้างจึงตกใจ
หลังจากได้ยินว่าโม่หวู่จิ้ต้องการที่จะสมัครเป็นผู้ช่วยกลั่นยา
ถึงแม้ว่าเมืองราวโจวเป็นเมืองหลวงของรัฐเฉิงตู แต่มีผู้ช่วยกลั่นยา อยู่เพียงไม่กี่คนและโรงกลั่นยาก็ลดลงน้อยมาก
ผู้ช่วยกลั่นยาส่วนมากก็เป็นแค่คนแก่ จึงเป็นเรื่องยากที่จะหาผู้ช่วยกลั่นที่ยังอายุน้อยอย่างโมวูจิ
นี่ไม่ใช่แค่ในรัฐเฉิงตูเท่านั้น ต่อให้ทั้งจักรวรรดิ ซิงฮาน ก็ยังหาโรงกลั่นยาที่มีประสิทธิภาพในอนาคตได้ยาก
จึงอาจกล่าวได้ว่า อนาคตขึ้นอยุ่กับผู้ช่วยกลั่นยาอายุน้อยอย่าง โม่หวู่จิ้ เท่านั้น  ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด โม่หวู่จิ้จะกลายเป็นผู้กลั่นยารุ่นใหม่ในเวลาไม่กี่สิบปี
ใบรับรองคุณสมบัติผู้ช่วยกลั่นยา หัวใจของ โม่ หวู่จิ้ ตกวูบลง เขาไม่มียังไม่มีใบรับรองนั่น
เขามองห็นความตื่นตกใจและแปลกใจของผู้คนโดยรอบ แล้วก็เข้าใจ "อะแฮ่ม!" โม่หวู่จิ้พูดต่อไปเหมือนปกติ "ข้าไม่มีเวลาไปทดสอบการรับรองคุณสมบัติหรอกนะ แต่ข้าก็สามารถทำได้"
โม่หวู่จิ้รู้สึกว่าปฏิกิริยาจากรอบข้างเปลี่ยนไป
ผู้สรรหาได้นั่งลงและใบหน้าที่เคร่งขรึมของ นางก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย นางไม่แค่ไม่โกรธ แต่กลับถามอย่างใจเย็นว่า "แล้วท่านเรียนจบจากสำนักใด แล้วอาจารย์ของท่านคือใคร? "
โม่ หวู่จิ้ มองไปรอบๆห้องอีกครั้ง ในที่สุดเขาพบว่าผู้สมัครหลายคนถือหนังสือเล็ก ๆ อยู่ในมือ
เพียงเวลาสั้นๆ เขาแอบอ่านคำในหนังสือของผู้สมัครที่ใกล้ที่สุดได้ว่า ประกาศนียบัตรเหมืองแร่ราวโจว
โม่ หวู่จิ้ ไม่เคยคิดว่าการสมัครงานที่นี่จะเหมือนกับในโลก และต้องมีคุณวุฒิ เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์แม้ว่าเขาจะไปหางานอื่น ๆ โดยไม่มีคุณวุฒิใด ๆ ผลก็คงออกมาเหมือนกัน
เมื่อเห็นว่าผู้จัดหางานดูจะไม่พอใจมากขึ้นไปอีก โม่หวู่จิ้ จึงหัวเราะออกมาเพื่อคลายความอึดอัดแล้วพูดว่า "ใช่ ... ข้าาเรียนด้วยตัวข้าเอง เเละเพราะอย่างนั้นข้าจึงไม่มีอาจารย์หรือเอกสารใบรับรองเลย"
"ฮ่าฮ่า ... " มีเสียงหัวเราะออกมาจากกลุ่มคน ช่างน่าตลกที่ได้เห็น ผู้ช่วยกลั่นยา เป็นแค่คนโกหก
ผู้จัดหางานของ โรงกลั่นยาเฉิงหลิน ไม่ได้หัวเราะ แต่กลับมีใบหน้าที่ดูน่ากลัวมากขึ้น โรงกลั่นยาเฉิงหลิน  เป็นหนึ่งในโรงกลั่นยาที่ดีที่สุดในรัฐเฉิงตู ไม่ใช่ที่ให้ใครมาเล่นตลก
เมื่อเห็นว่าหญิงชราคนนี้กำลังโกรธจนจะระเบิด โม่หวู่จิ้ ได้แต่คิดในใจว่า "แย่แล้ว" ก่อนที่โม่หวู่จิ้จะได้เอ่ยปากก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น "เอ๊ะ นั่นไม่ใช่องค์ชายของเราหรือเหตุไฉนพระองค์จึงทรงเสด็จมาที่สมาคมด้วยพระองค์เองพระองค์ไม่ได้ประทับที่ตำหนักในป่านอกเมืองหรือโอ้ใช่แล้ว พระองค์คงจะทรงมาตรวจสอบที่นี่เอง ดูเถิด ข้าเสียมารยาทถึงเพียงไหน ข้าน้อยขอแสดงความคารวะ
น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยและถากถาง หาได้มีมารยาทหรือความเคารพใดๆไม่
โม่หวู่จี้ จึงหันกลับไป และเห็น ชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมเสื้อผ้าสีเทาเดินสบายๆเข้ามา เขารู้จักชายหนุ่มคนนี้ ดูเหมือนว่าชายคนนี้เคยเดินอยู่กับ เหวิน มิ่นซู เมื่อคืนนี้ เขาดูดีและยังเย่อหยิ่ง
"เขาเป็นคนของราชวงศ์ฉินทางเหนือ ... " ผู้จัดหางานวัยกลางคนจึงเข้าใจและความโกรธของเธอก็มลายหายไป ที่แท้ก็คนวิกลจริต ใยจะต้องใส่ใจ
ผู้คนรอบข้างพากันหัวเราะเยาะเย้ย เหมือน โม่ หวู่จิ้ เป็นตัวตลก "จ้าวซู่ เจ้าคิดว่าเรื่องนี้ตลกมากหรือ?" เสียงเย็นเยียบเสียงหนึ่งดังขึ้น แล้วเสียงหัวเราะในสมาคมก็เงียบกริบลง
ผู้หญิงในชุดสีม่วงยืนอยู่ที่ประตูของสมาคมด้วยเอวที่อ่อนช้อยและเรือนผมที่ยาวสลวยงดงาม เมื่อนางอยู่ ที่นี่ ทุกอย่างก็ดูจืดจางลง  แต่เหล่านี้ล้วนไม่สำคัญที่สำคัญคือคนพวกนี้รู้จักนางดี   เหวิน มิ่นซู ลูกสาวคนเดียวของผู้ครองรัฐเฉิงตูและเป็นเจ้าเมืองราวโจว ท่าน เหวิน วู่
ตำแหน่งเจ้าเมืองในจักรวรรดิ ซิงฮานก็เป็นแค่หยดน้ำในมหาสมุทร แต่ในสมาคมนี้และในราวโจว ก็นับว่ามีความสำคัญมากที่สุด
"มิ่นซู..." จ้าวซู่พึมพำออกมาเพราะ เหวิน มิ่นซู อยู่ในอารมณ์ไม่ดีเขาไม่กล้าที่จะทำอะไรต่อ เขารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้สังเกตเห็น เหวิน มิ่นซู เข้ามาใกล้จึงทำลายความประทับใจที่เคยสร้างไว้ลง เขาเคยพูดถึง โม่ หวู่จิ้ ต่อหน้า เหวิน มิ่นซู ว่า โม่ วูจิ จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ แต่คำพูดประโยคเดียวที่ทำให้เขาต้องเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา
เหวิน มิ่นซู ไม่สนใจ ไฉ่ จ้าวซู่ แต่แทนที่นางจะเดินเข้าหา โม่ หวู่จิ้ นางกลับหยิบถุงผ้าแล้วยื่นให้เขา " ชิงเหอ เอากลับมาให้ ย่านเอ๋อ ด้วย"
ถุงผ้ามีเสียงออกมา โม่หวู่จิ้รู้ได้ทันทีว่า เป็นเสียงของเหรียญทอง โม่ วูจิ ต้องการเงิน แม้จะแค่เศษเงินแค่เหรียญเดียวอย่าว่าแต่เหรียญทองจำนวนมากเหล่านี้
โม่หวู่จิ้ ไม่ได้รังเกียจความปารถนาดีของ เหวิน มิ่นซู ยิ่งไม่เกี่ยวกับการทอดทิ้ง โม่ ซิงเฮ่ ที่ไร้สติและขี้ขลาด โม่หวู่จิ้ ไม่ได้รุ้สึกอะไร มันเป็นเรื่องปกติของคนบนโลกนี้ เมื่อตระกูลโม่ตกอับ และ โม่ ซิงเฮ่ ก็วิกลจริตเหวิน มิ่นซู ย่อมต้องตีจาก
มีคนมากมายในโลกที่พร้อมจะห้อมล้อมเมื่อท่านมีสุข แต่จะมีคนสักเท่าไรที่จะเคียงข้างเมื่อท่านมีทุกข์  
จากสถานการณ์ปัจจุบันของเขาและประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาของเขาทำให้เขาไม่อยากเสียเวลารู้จักคนอย่าง เหวิน มิ่นซู
ไม่สำคัญว่า เหวิน มิ่นซู จะงดงามเพียงใด เขาแค่ยังไม่อยากสนใจผู้หญิง ถึงเขาจะต้องการเงิน แต่เขาจะไม่รับเงินของ เหวิน มิ่นซู ซึ่งนั่นคือวิถีททางอันทรนงของเขา



โม่หวู่จิ้ คิดถึงย่านเอ๋อ   ย่านเอ๋อ ยอมอยู่เคียงข้างเขา ไม่ทอดทิ้งเขา จะมีผู้หญิงคนไหนที่ดีเหมือน ย่าน เอ๋อ ได้อีก
เมื่อท่านได้พบใครบางคนที่แสนดีผ่านเข้ามาในชีวิตดังคำอธิฐาน โม่หวู่จิ้ รู้ดีว่ามันมีค่าเพียงไหน
"นั่นเป็นของ ย่าน เอ๋อ เจ้าควรไปมอบให้ด้วยตัวเอง" โม่หวู่จิ้ หันหลังเดินไปได้สองก้าวก็หันกลับมาแล้วพูดว่า "ข้ามีนามว่า โม่หวู่จิ้    ไม่ใช่ โม่ ชิงเหอ คำว่า จิ้ ที่มาจาก ไป่วู่จิ้ ที่แปลว่า อิสระ แต่แน่นอนไม่ใช่ว่าข้าไม่มีข้อห้ามใดๆ ยังคงมีบางอย่างที่เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับข้า" (TL: 百无禁忌 Bai Wu Jin Ji ไป่ วุ่ จิน จิ หมายถึงไม่มีข้อห้าม)
เหวิน มิ่นซู ได้ยินคำพูดของ โม่หวู่จิ้ ก็ร้อนใจ นี่เขาเพียงเปลี่ยนชื่อเท่านั้นหรือ โม่หวู่จิ้ กำลังจะจากไป นางรีบตะโกนอย่างรวดเร็ว "ชิงเหอ ... หวู่จิ้ ,ย่าน เอ๋อไม่ยอมรับหรอก เจ้าควรจะรับมันไปให้นาง"
ย่านเอ๋อไม่ยอมรับมันหึ โม่หวู่จิ้ อยากจะหัวเราะออกมาเมื่อเปิดเผยแบบนี้ ... ดีแบบนี้ก็ดี
"โรงกลั่นแร่ของตระกูล เวิน ยังรับสมัครถ้าเจ้าต้องการ... " เหวิน มิ่นซู ก็มีความรู้สึกพลุ่งพล่านจากก้นบึ้งของหัวใจของนาง โม่ชิงเหอ ไม่สิ โม่หวู่จิ้ ไม่ใช่เจ้าชายขี้แพ้ ไม่ใช่คนที่เฟ้อฝันจะเป็นกษัตริย์จนวิกลจริตอีก เขาเปลี่ยนแปลงไป เปลี่ยนเป็นทรนงและภาคภูมิอย่างน่าหลงไหล นางรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างรุนแรง
โม่หวู่จิ้ มองไปที่ เหวิน มิ่นซู และพูดว่า "ลองดูฟ้านั่นสิ ฮ่าๆๆ ข้าจะเป็นคนกลั่นแร่ได้อย่างไร ข้านั้นขี้เกียจเกินกว่าจะเป็นผู้ช่วยกลั่นยา ถ้าข้าจะเป็นอะไรได้สักอย่าง ข้าก็เป็นได้แค่ผู้กลั่นยาเท่านั้น"
"ฮ่าๆๆ..." โม่หวู่จิ้ หัวเราะออกมาหลังจากพูดจบซึ่งแสดงถึงความโอ่อ่าเปิดเผยของเขา
เขาไม่ใช่คนที่ดูสง่างาม แต่ปัญหานี้ เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่หักหลังเขา เหวิน มิ่นซู ดีกว่าหลายเท่า แต่อนิจจาเขาทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับชีววิทยาและการวิจัยทางการแพทย์ของเขาจนถึงจุดที่เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างเขาต้องการอะไร
เมื่อกลับมามีชีวิตอีกครั้ง โม่หวู่จิ้ สาบานว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ซ้ำสอง
"ฮาฮา ... " สมาคมเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอีกครั้ง แสดงว่าไม่มีใครคิดว่า โม่หวู่จิ้ จะพูดความจริง พวกเขาคิดว่า โม่ หวู่จิ้ ยังไม่หายดี และ แค่เปลี่ยนจากบ้าอยากเป็นกษัติย์เป็นบ้าอยากเป็นผู้กลั่นยาเท่านั้น
แต่กล่าวได้ว่า โม่หวู่จิ้ มีความหวังเล็กน้อยเพียงเศษเสี้ยว ที่จะได้เป็น กษัตริย์ ส่วนความหวังที่จะเป็นผู้กลั่นยานั้นกลับไม่มีเอาเสียเลย



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น