วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2561

บทที่ 15: การกลับมาของ เทพธิดา

บทที่ 15: การกลับมาของ เทพธิดา

     เสียงนั้นขาดมารยาท แต่ช่างมีพลังอำนาจนักจนทำให้ ลู่จิ่วจุน อยากถอยหลังกลับ  "พี่ท่าน ข้านี่ละที่เป็นเจ้าของโรงกลั่นยาด่านฮั่นชื่อ ลู่จิ่วจุน ... "

      
ลู่จิ่วจุน หยุดพูดทันทีที่เห็นชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกับชายสองคนอยู่ข้างหลัง เขาจำได้ว่าชายสองคนมาที่โรงกลั่นยาด่านฮัน ตอนวันเปิด พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส มันอาจจะเพราะมีใครตายไปแล้วพวกเขามาแก้แค้น เมื่อคิดแบบนั้น ลู่จิ่วจุน ก็เหงื่อตก ในสถานการณ์ปกติ แม้ยาจะมีปัญหาก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมันไม่ได้พบบ่อยนัก แต่ถ้ามีคนตรวจสอบก็อาจจะเกิดปัญหาได้ และปัญหาจะยิ่งหนักขึ้น เมื่อเกี่ยวข้องกับ กองทัพมันอาจจะเป็นปัญหาได้มากขึ้นถ้ามีคนมาจากกองทัพ
     "เจ้าของ ลู่ นี่เป็นผู้บัญชาการของพวกเรา พวกเราต้องการซื้อยาเก้าชีพคืนชีวิต แบบธรรมดาสามร้อยขวด และพวกเราหวังว่าจะสามารถต่อรองราคาได้" ชายคนหนึ่งที่ ลู่จิ่วจุน พบเมื่อไม่กี่วันก่อนพูด

     "
อา ... " ลูจิ่วจุนเข้าใจสถานการณ์ได้ทันที ประสิทธิภาพของยา เก้าชีพคืนชีวิตจะต้องยอดเยี่ยมมากจริงๆจึงทำให้ผู้บัญชาการต้องลงมาซื้อด้วยตนเอง ลู่จิ่วจุนเยือกเย็นลงทันที ด้วยประสบการ์นานปีในอาชีพนี้ทำให้เขาเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดได้ ตั้งแต่วันนี้ ยาเก้าชีพคืนชีวิต จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ไม่ต้องกลัวเรื่องการขายอีก
     ลู่จิ่วจุน รู้ดีว่ากองทัพใหญ่ไม่มีดีอะไรนอกจากเงิน "เรายังมีปัญหาอยู่เล็กน้อย คือราคาเปิดตัวที่สองเหรียญทองนั้น ได้เปลี่ยนเป็น ... "
     ผู้บัญชาการกมือขึ้นหยุดการพูดของ ลู่จิ่วจุน แล้วพูดว่า "ถ้าท่านยังขายให้เราในราคาสองเหรียญทอง พวกเราจะซื้อห้าร้อยขวด พวกเรามาจากค่ายทหารตี้เฟย แล้วพวกเราจะยังค้าขายกันอีกบ่อยๆ"
     "ตกลงตามนั้น" ลูจิ่วจุนไม่คิดเรื่องการขึ้นราคาอีก ค่ายทหาร ตี้เฟย เป็นหนึ่งในสามค่ายใหญ่ในเฉิงตู เมื่อมีความสัมพันธ์ที่ดีกับค่าย ตี้เฟย ย่อมเป็นผลดีกับการค้าในอนาคต
     ในอดีต โรงงานยาเฉิงหลิง เป็นเพียงโรงงานเล็กๆ ในขณะที่ร้านขายยาของโรงกลั่นยาด่านฮั่นกระจายอยู่ทั่วไปในเมืองใหญ่ๆ ของรัฐเฉิงตู แต่ในปัจจุบัน โรงงานยาเฉิงหลิง เป็นโรงงานยาที่ดีที่สุดในรัฐ เฉิงตู เกือบ 40% ของยาในเฉิงตู ก็มาจากโรงงานยาเฉิงหลิง
     คนกลุ่มหนึ่งกำลังจิบชาพูดคุยกันอยู่ ในห้องประชุมของสำนักงานใหญ่โรงผลิตยาเฉิงหลิง เนื่องจากกิจการโรงผลิตยาเฉิงหลิงไปได้ด้วยดี การประชุมจึงมีแต่เรื่องไร้สาระ "ก่อนหน้านี้โรงกลั่นยาด่านฮันสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นมา ข้าก็คิดว่าพวกนั้นคิดค้นยารักษาอะไรได้ ที่แท้ก็แค่คุยโวเท่านั้น" ผู้พูดเป็นชายวัย 60 ปี ซึ่งเป็นผู้ดูแลด้านการซื้อขายของโรงผลิตยาเฉิงหลิง ชื่อของเขาคือ หลิวว่านเฉิง
     พูดกันจริงๆ การโฆษณายาตัวใหม่ ของโรงกลั่นยาด่านฮั่น ทำให้เขาตกใจมาก แต่เมื่อ ตอนนี้เขารู้แล้วว่า โรงกลั่นยาด่านฮั่นไม่ได้มีดีอะไรที่แท้ก็แค่เสือกระดาษเท่านั้น เขาจึงได้รู้สึกสบายใจขึ้น
      ที่นั่งผู้บริหารนั่งไว้ด้วยผู้หญิงคนหนึ่งเธอชื่อ เหม่ยซู่ เธอเป็นเจ้าของโรงผลิตยาเฉิงหลิง หลังจาก หลิวว่านเฉิงพูดจบ เธอจึงพูดว่า "ผู้ดูแลหลิว ไม่ว่าโรงกลั่นยาด่านฮั่นจะคุยโวสักแค่ไหน คนค้าขายอย่างเราก็ยังต้องติดตามต่อไป นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันถ้ายาเก้าชีพ..."
     เหมยซู่ ต้องหยุดพูดไปเพราะเธอถูกขัดจังหวะด้วยเด็กส่งเอกสารที่มาส่งเอกสารให้เธอ
     ดวงตาของ เหม่ยซู่ หรี่ลงห้องประชุมก็เงียบสงัดในทันที
     เหม่ยซู่ ฉีกเปิดซองเอกสารและหยิบเอกสารออกมา เธออ่านเอกสารไปเล็กน้อยก็ยิ้มแล้วลุกขึ้นยืนพูดว่า "วันนี้มีคนจากกองทัพเข้าไปที่ โรงกลั่นยาด่านฮัน ตามรายงานคนจากกองทัพซื้อยา เก้าชีพคืนชีวิต อย่างน้อย 100 ขวด มีมีพ่อค้าบางคนไปที่นั่นเช่นกัน พ่อค้าเหล่านั้นล้วนแต่เคยค้าขายกับโรงกลั่นยาด่านฮั่น ... "
     ทุกคนรู้ว่าคำพูดของ เหม่ยซู่ บอกเป็นนัย ๆ ยาเก้าชีคืนชีวิตจะมีราคาที่สูงลิ่ว แต่คนยังกลับไปซื้อเป็นครั้งที่สอง สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่าผลของยานั้นไม่ธรรมดาจริงๆ บางทีอาจจะมากกว่าที่ได้โฆษณาไว้
     ถ้าโรงกลั่นยาด่านฮันคิดค้นยาชนิดใหม่ขึ้นมาได้จริงๆ แล้วการประชุมของโรงผลิตยาเฉิงหลิง จะรับมืออย่างไร?
     "เถ้าแก่เเหม่ยเราจำทำยังไงดี?" ชายชรารูปร่างอ้วนผู้หนึ่งผุดลุกขึ้นถาม

     "
เหม่ยกี้ ไปบอกผู้เฒ่าในโรงผลิตยาให้ไปที่โรงกลั่นยาด่านฮั่นเพื่อดูท่าที" เหม่ยซู่สั่งการอย่างจริงจังแต่น้ำเสียงเธอยังเต็มไปด้วยความสุภาพ
     "ได้ครับ ... " เด็กส่งจดหมายรับคำแล้วรีบออกไป


     หลานยู่ ได้นำถุงหนังขนาดใหญ่สองใบเดินทางสู่ โรงกลั่นยาด่านฮั่น เมื่อเขาเดินทางมาถึงทางเข้าก็ต้องตกใจที่ โรงกลั่นยาด่านฮั่น เต็มไปด้วยลูกค้าที่กำลังกำลังกระวนกระวายเข้าแถวอยู่อย่างเป็นระเบียบ แถวยาวจากทางเข้าโรงกลั่นยา ด่านฮั่น ไปครึ่งถนนออกไป
     เก้าชีพคืนชีวิตทรงประสิทธิภาพจริง? เขาได้เห็นมันในประกาศ เมื่อเขาได้เห็นคนจำนวนมากพวกนี้เขาจึงตระหนักว่าเขาไม่ได้ใส่ใจมันมากพอ
"
ท่านจะทำอะไร ท่านต้องไปต่อแถวด้านหลังนั่น" หลานยู่ถูกชายคนหนึ่งหยุดไว้ ขณะที่เขากำลังจะเข้าไปที่โรงกลั่นยาหลานยู่จึงไม่พอใจแล้วพูดว่า "ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อซื้อยาข้ามาที่นี่เพื่อหาอาจารย์โม่"
     หญิงสาวคนหนึ่งรีบออกมาและพูดด้วยความนอบน้อมว่า "พี่ชายท่านนี้คงเป็นพี่หลาน ท่านหลานยู่ ท่านอาจารย์โม่ให้ข้าออกมารอท่านอยู่นานแล้ว"
     หลานยู่ พยักหน้าอย่างเร็ว "ใช่ข้าคือ หลานยู่ ท่านช่วยพาข้าไปพบอาจารย์โม่ได้ไหม?" หญิงสาวรีบพูดว่า "ท่านพี่หลานโปรดเรียกข้าว่า ลูลู่ ท่านอาจารย์โม่ไม่อยู่ที่นี่ ตอนนี้เขากำลังไปที่โรงงานโปรดตามข้ามา"
     กลุ่มคนได้แต่อิจฉาหลานยู่ ขณะที่เขาถูกนำตัวไปโดยหญิงสาว พวกเขาก็อยากให้ตัวเองเป็นคนรู้จักของอาจารย์โม่เช่นกัน
     ข่าวลือเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยาเก้าชีพคืนชีวิตแพร่กระจายไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะมีการซื้ออย่างมาก แต่ก็ยังขายดีแม้จะขึ้นราคาอีก 10 เหรียญเงิน
     "อาจารย์โม่ พี่หลาน มาแล้วค่ะ" ลูลู่ตะโกนออกมาอย่างสุภาพ ขณะที่นางพา หลานยู่ ไปที่ทางเข้าห้องทดลองของ โม่หวู่จี้ ในโรงกลั่นยาด่านฮั่น
     คนงานทุกคนที่โรงกลั่นยาด่านฮันรู้ดีว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่โรงกลั่นยา ด่านฮั่น ไม่กี่วันนี้ เป็นเพราะการมาถึงของผู้กลั่นยาที่มีความสามารถ อาจารย์โม่ อาจารย์โม่ ได้พัฒนายาจนมันได้กลายเป็นยา เก้าชีพคืนชีวิต
     ตราบเท่าที่ยอดขายยังคงมีต่อไป โรงกลั่นยาด่านฮันก็จะฟื้นขึ้นอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้จะดีกว่าเมื่อก่อน เป็นการคาดการณ์จากสาถานการณ์ที่เห็นได้ชัดจากจำนวนผู้เข้าแถวในแต่ละวัน บางคนยอมจ่ายเพิ่มเพื่อที่จะได้รับยาก่อนคนอื่น
     ลูลู่ เป็นผู้ช่วยของ โม่หวู่จี้ ทำให้ โม่หวู่จี้ ได้รับการยกย่องอย่างมาก ทันทีที่เสียงของ ลูลู่ หยุดลงประตูเล็กๆ ก็เปิดออก โม่หวู่จี้ ยืนอยู่หน้าทางเข้าของประตูด้วยผมยุ่งเหยิง และมองมาด้วยแววตาที่ตื่นเต้น "พี่หลาน ในที่สุดพี่ก็มาแล้ว"
     หลานยู่ ไม่ได้สนใจรูปลักษณ์ของ โม่หวู่จี้ หรือกลิ่นของยาชนิดต่าง ๆ จากห้องปฏิบัติการเพราะเขารู้ว่ายากลั่นยาที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งเช่นนี้ โม่หวู่จี้ จะต้อ
งทุ่มเทเยี่ยงคนบ้า
     "อาจารย์โม่ ท่านไม่ได้โกหกข้าจริงๆ ยาของท่านประสบความสำเร็จเกินกว่าที่ข้าหวังไว้มาก" หลานยู่พูดอย่างชื่นชม
     ถึงแม้ว่า หลานยู่ จะสัญญษกับ โม่หวู่จี้ว่า เขาจัยังพักอยุ่ใน ราวโจว แต่ก็ใช่ว่า เขาจะเชื่อคำพูดของ โม่หวู่จี้ ทั้งหมด จนวันนี้เขาได้เห็นโอกาศที่แสนยิ่งใหญ่ของโรงกลั่นยาด่านฮั่น เขาจึงเชื่อมั่นว่า โม่หวู่จี้ จะทำให้ที่นี่กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง

     "
ขอบคุณมากที่ไว้ใจข้า เชิญนั่งด้านในก่อน" โม่หวู่จี้  พูดแต่ตาของเขากลับจ้องไปที่ถุงหนังของหลานยู่
     หลานยู่ เข้าใจในสายตาของ โม่หวู่จี้ ว่าจริงๆต้องการอะไร เขายิ้มส่งถุงหนังในมือซ้ายให้กับโม่หวู่จี้ "อาจารย์โม่นี่เป็นสมุนไพรทั้งสิบชนิดที่ท่านต้องการโปรดตรวจดูก่อน"
     โม่หวู่จี้รับถุงหนังมา"ไม่จำเป็น หรือท่านพี่คิดว่าข้าไม่ไว้ใจท่าน?"
     หลังจากพูดจบเขาก็บอก ลูลู่ ว่า "ลูลู่ เจ้าต้องช่วยข้าดูแล พี่หลาน อย่างดีไม่ต้องตรวจสอบสินค้าที่เขานำมาให้ข้า ไว้ใจเขาได้ นอกจากนี้ให้เพิ่มราคาสินค้าจากท้องตลาดเป็นสองเท่าด้วย"
     ไม่ใช่ว่าโม่หวู่จี้ ไม่อยากสังสรรกับพี่หลาน แต่เพราะเขามีงานวิจัยด่วนเท่านั้น โม่หวู่จี้ รู้ว่า หลานยู่ เป็นคนที่ดีและถ้าเขาตัดสินใจที่จะออกจากโรงกลั่นยาด่านฮั่น เขาจะหาวิธีที่จะจ้าง หลานยู่ไปทำงานที่โรงผลิตยาของเขา
     โม่หวู่จี้ รู้ดีว่าเมื่อราคาและคุณค่าของ ยาเก้าชีพคืนชีวิต ได้รับการเปิดเผยแล้วโรงกลั่นยา ด่านฮั่น จะไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อเผชิญหน้ากับผลกำไรมหาศาลเขาไม่เชื่อว่า ลู่จิ่วจุน และโรงกลั่นยาอื่น ๆ จะยังคงปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทางธุรกิจอยู่ที่นี่
นอกจากนี้เขายังรู้ด้วยว่าเขาไม่สามารถตำหนิ ลู่จิ่วจุน ได้เนื่องจากเขาไม่ได้คาดหวังว่า เก้าชีพคืนชีวิต จะเป็นที่ต้องการหลังจากนี้ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อคุณค่าของ เพนนิซิลิน ถูกเปิดเผยแม้แต่ตัว ลู่จิ่วจุน ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น