บทที่ 15: การกลับมาของ
เทพธิดา
เสียงนั้นขาดมารยาท
แต่ช่างมีพลังอำนาจนักจนทำให้ ลู่จิ่วจุน อยากถอยหลังกลับ "พี่ท่าน
ข้านี่ละที่เป็นเจ้าของโรงกลั่นยาด่านฮั่นชื่อ ลู่จิ่วจุน ... "
ลู่จิ่วจุน
หยุดพูดทันทีที่เห็นชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกับชายสองคนอยู่ข้างหลัง
เขาจำได้ว่าชายสองคนมาที่โรงกลั่นยาด่านฮัน ตอนวันเปิด พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
มันอาจจะเพราะมีใครตายไปแล้วพวกเขามาแก้แค้น เมื่อคิดแบบนั้น ลู่จิ่วจุน
ก็เหงื่อตก ในสถานการณ์ปกติ แม้ยาจะมีปัญหาก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่
เพราะมันไม่ได้พบบ่อยนัก แต่ถ้ามีคนตรวจสอบก็อาจจะเกิดปัญหาได้
และปัญหาจะยิ่งหนักขึ้น เมื่อเกี่ยวข้องกับ
กองทัพมันอาจจะเป็นปัญหาได้มากขึ้นถ้ามีคนมาจากกองทัพ
"เจ้าของ ลู่
นี่เป็นผู้บัญชาการของพวกเรา พวกเราต้องการซื้อยาเก้าชีพคืนชีวิต
แบบธรรมดาสามร้อยขวด และพวกเราหวังว่าจะสามารถต่อรองราคาได้" ชายคนหนึ่งที่
ลู่จิ่วจุน พบเมื่อไม่กี่วันก่อนพูด
"อา ... "
ลูจิ่วจุนเข้าใจสถานการณ์ได้ทันที ประสิทธิภาพของยา เก้าชีพคืนชีวิตจะต้องยอดเยี่ยมมากจริงๆจึงทำให้ผู้บัญชาการต้องลงมาซื้อด้วยตนเอง
ลู่จิ่วจุนเยือกเย็นลงทันที
ด้วยประสบการ์นานปีในอาชีพนี้ทำให้เขาเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดได้ ตั้งแต่วันนี้
ยาเก้าชีพคืนชีวิต จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ไม่ต้องกลัวเรื่องการขายอีก
ลู่จิ่วจุน
รู้ดีว่ากองทัพใหญ่ไม่มีดีอะไรนอกจากเงิน "เรายังมีปัญหาอยู่เล็กน้อย
คือราคาเปิดตัวที่สองเหรียญทองนั้น ได้เปลี่ยนเป็น ... "
ผู้บัญชาการกมือขึ้นหยุดการพูดของ
ลู่จิ่วจุน แล้วพูดว่า "ถ้าท่านยังขายให้เราในราคาสองเหรียญทอง
พวกเราจะซื้อห้าร้อยขวด พวกเรามาจากค่ายทหารตี้เฟย
แล้วพวกเราจะยังค้าขายกันอีกบ่อยๆ"
"ตกลงตามนั้น"
ลูจิ่วจุนไม่คิดเรื่องการขึ้นราคาอีก ค่ายทหาร ตี้เฟย
เป็นหนึ่งในสามค่ายใหญ่ในเฉิงตู เมื่อมีความสัมพันธ์ที่ดีกับค่าย ตี้เฟย
ย่อมเป็นผลดีกับการค้าในอนาคต …
ในอดีต
โรงงานยาเฉิงหลิง เป็นเพียงโรงงานเล็กๆ
ในขณะที่ร้านขายยาของโรงกลั่นยาด่านฮั่นกระจายอยู่ทั่วไปในเมืองใหญ่ๆ ของรัฐเฉิงตู
แต่ในปัจจุบัน โรงงานยาเฉิงหลิง เป็นโรงงานยาที่ดีที่สุดในรัฐ เฉิงตู เกือบ 40% ของยาในเฉิงตู ก็มาจากโรงงานยาเฉิงหลิง
คนกลุ่มหนึ่งกำลังจิบชาพูดคุยกันอยู่
ในห้องประชุมของสำนักงานใหญ่โรงผลิตยาเฉิงหลิง
เนื่องจากกิจการโรงผลิตยาเฉิงหลิงไปได้ด้วยดี การประชุมจึงมีแต่เรื่องไร้สาระ
"ก่อนหน้านี้โรงกลั่นยาด่านฮันสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นมา
ข้าก็คิดว่าพวกนั้นคิดค้นยารักษาอะไรได้ ที่แท้ก็แค่คุยโวเท่านั้น" ผู้พูดเป็นชายวัย
60 ปี ซึ่งเป็นผู้ดูแลด้านการซื้อขายของโรงผลิตยาเฉิงหลิง ชื่อของเขาคือ
หลิวว่านเฉิง
พูดกันจริงๆ
การโฆษณายาตัวใหม่ ของโรงกลั่นยาด่านฮั่น ทำให้เขาตกใจมาก แต่เมื่อ
ตอนนี้เขารู้แล้วว่า โรงกลั่นยาด่านฮั่นไม่ได้มีดีอะไรที่แท้ก็แค่เสือกระดาษเท่านั้น
เขาจึงได้รู้สึกสบายใจขึ้น
ที่นั่งผู้บริหารนั่งไว้ด้วยผู้หญิงคนหนึ่งเธอชื่อ
เหม่ยซู่ เธอเป็นเจ้าของโรงผลิตยาเฉิงหลิง หลังจาก หลิวว่านเฉิงพูดจบ เธอจึงพูดว่า
"ผู้ดูแลหลิว ไม่ว่าโรงกลั่นยาด่านฮั่นจะคุยโวสักแค่ไหน
คนค้าขายอย่างเราก็ยังต้องติดตามต่อไป
นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันถ้ายาเก้าชีพ..."
เหมยซู่
ต้องหยุดพูดไปเพราะเธอถูกขัดจังหวะด้วยเด็กส่งเอกสารที่มาส่งเอกสารให้เธอ
ดวงตาของ
เหม่ยซู่ หรี่ลงห้องประชุมก็เงียบสงัดในทันที
เหม่ยซู่
ฉีกเปิดซองเอกสารและหยิบเอกสารออกมา เธออ่านเอกสารไปเล็กน้อยก็ยิ้มแล้วลุกขึ้นยืนพูดว่า
"วันนี้มีคนจากกองทัพเข้าไปที่ โรงกลั่นยาด่านฮัน ตามรายงานคนจากกองทัพซื้อยา
เก้าชีพคืนชีวิต อย่างน้อย 100 ขวด
มีมีพ่อค้าบางคนไปที่นั่นเช่นกัน
พ่อค้าเหล่านั้นล้วนแต่เคยค้าขายกับโรงกลั่นยาด่านฮั่น ... "
ทุกคนรู้ว่าคำพูดของ
เหม่ยซู่ บอกเป็นนัย ๆ ยาเก้าชีคืนชีวิตจะมีราคาที่สูงลิ่ว
แต่คนยังกลับไปซื้อเป็นครั้งที่สอง สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่าผลของยานั้นไม่ธรรมดาจริงๆ
บางทีอาจจะมากกว่าที่ได้โฆษณาไว้
ถ้าโรงกลั่นยาด่านฮันคิดค้นยาชนิดใหม่ขึ้นมาได้จริงๆ
แล้วการประชุมของโรงผลิตยาเฉิงหลิง จะรับมืออย่างไร?
"เถ้าแก่เเหม่ยเราจำทำยังไงดี?" ชายชรารูปร่างอ้วนผู้หนึ่งผุดลุกขึ้นถาม
"เหม่ยกี้
ไปบอกผู้เฒ่าในโรงผลิตยาให้ไปที่โรงกลั่นยาด่านฮั่นเพื่อดูท่าที"
เหม่ยซู่สั่งการอย่างจริงจังแต่น้ำเสียงเธอยังเต็มไปด้วยความสุภาพ
"ได้ครับ ...
" เด็กส่งจดหมายรับคำแล้วรีบออกไป
…
หลานยู่
ได้นำถุงหนังขนาดใหญ่สองใบเดินทางสู่ โรงกลั่นยาด่านฮั่น
เมื่อเขาเดินทางมาถึงทางเข้าก็ต้องตกใจที่ โรงกลั่นยาด่านฮั่น
เต็มไปด้วยลูกค้าที่กำลังกำลังกระวนกระวายเข้าแถวอยู่อย่างเป็นระเบียบ
แถวยาวจากทางเข้าโรงกลั่นยา ด่านฮั่น ไปครึ่งถนนออกไป
เก้าชีพคืนชีวิตทรงประสิทธิภาพจริง? เขาได้เห็นมันในประกาศ
เมื่อเขาได้เห็นคนจำนวนมากพวกนี้เขาจึงตระหนักว่าเขาไม่ได้ใส่ใจมันมากพอ
"ท่านจะทำอะไร ท่านต้องไปต่อแถวด้านหลังนั่น"
หลานยู่ถูกชายคนหนึ่งหยุดไว้ ขณะที่เขากำลังจะเข้าไปที่โรงกลั่นยาหลานยู่จึงไม่พอใจแล้วพูดว่า
"ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อซื้อยาข้ามาที่นี่เพื่อหาอาจารย์โม่"
หญิงสาวคนหนึ่งรีบออกมาและพูดด้วยความนอบน้อมว่า
"พี่ชายท่านนี้คงเป็นพี่หลาน ท่านหลานยู่
ท่านอาจารย์โม่ให้ข้าออกมารอท่านอยู่นานแล้ว"
หลานยู่ พยักหน้าอย่างเร็ว
"ใช่ข้าคือ หลานยู่ ท่านช่วยพาข้าไปพบอาจารย์โม่ได้ไหม?" หญิงสาวรีบพูดว่า "ท่านพี่หลานโปรดเรียกข้าว่า ลูลู่
ท่านอาจารย์โม่ไม่อยู่ที่นี่ ตอนนี้เขากำลังไปที่โรงงานโปรดตามข้ามา"
กลุ่มคนได้แต่อิจฉาหลานยู่
ขณะที่เขาถูกนำตัวไปโดยหญิงสาว พวกเขาก็อยากให้ตัวเองเป็นคนรู้จักของอาจารย์โม่เช่นกัน
ข่าวลือเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยาเก้าชีพคืนชีวิตแพร่กระจายไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าจะมีการซื้ออย่างมาก แต่ก็ยังขายดีแม้จะขึ้นราคาอีก 10 เหรียญเงิน
…
"อาจารย์โม่
พี่หลาน มาแล้วค่ะ" ลูลู่ตะโกนออกมาอย่างสุภาพ ขณะที่นางพา หลานยู่
ไปที่ทางเข้าห้องทดลองของ โม่หวู่จี้ ในโรงกลั่นยาด่านฮั่น
คนงานทุกคนที่โรงกลั่นยาด่านฮันรู้ดีว่า
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่โรงกลั่นยา ด่านฮั่น ไม่กี่วันนี้ เป็นเพราะการมาถึงของผู้กลั่นยาที่มีความสามารถ
อาจารย์โม่ อาจารย์โม่ ได้พัฒนายาจนมันได้กลายเป็นยา เก้าชีพคืนชีวิต
ตราบเท่าที่ยอดขายยังคงมีต่อไป
โรงกลั่นยาด่านฮันก็จะฟื้นขึ้นอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้จะดีกว่าเมื่อก่อน
เป็นการคาดการณ์จากสาถานการณ์ที่เห็นได้ชัดจากจำนวนผู้เข้าแถวในแต่ละวัน
บางคนยอมจ่ายเพิ่มเพื่อที่จะได้รับยาก่อนคนอื่น
ลูลู่
เป็นผู้ช่วยของ โม่หวู่จี้ ทำให้ โม่หวู่จี้ ได้รับการยกย่องอย่างมาก
ทันทีที่เสียงของ ลูลู่ หยุดลงประตูเล็กๆ ก็เปิดออก โม่หวู่จี้
ยืนอยู่หน้าทางเข้าของประตูด้วยผมยุ่งเหยิง และมองมาด้วยแววตาที่ตื่นเต้น
"พี่หลาน ในที่สุดพี่ก็มาแล้ว"
หลานยู่
ไม่ได้สนใจรูปลักษณ์ของ โม่หวู่จี้ หรือกลิ่นของยาชนิดต่าง ๆ
จากห้องปฏิบัติการเพราะเขารู้ว่ายากลั่นยาที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งเช่นนี้
โม่หวู่จี้ จะต้อ
งทุ่มเทเยี่ยงคนบ้า
"อาจารย์โม่
ท่านไม่ได้โกหกข้าจริงๆ ยาของท่านประสบความสำเร็จเกินกว่าที่ข้าหวังไว้มาก"
หลานยู่พูดอย่างชื่นชม
ถึงแม้ว่า
หลานยู่ จะสัญญษกับ โม่หวู่จี้ว่า เขาจัยังพักอยุ่ใน ราวโจว แต่ก็ใช่ว่า
เขาจะเชื่อคำพูดของ โม่หวู่จี้ ทั้งหมด
จนวันนี้เขาได้เห็นโอกาศที่แสนยิ่งใหญ่ของโรงกลั่นยาด่านฮั่น เขาจึงเชื่อมั่นว่า
โม่หวู่จี้ จะทำให้ที่นี่กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง
"ขอบคุณมากที่ไว้ใจข้า
เชิญนั่งด้านในก่อน" โม่หวู่จี้
พูดแต่ตาของเขากลับจ้องไปที่ถุงหนังของหลานยู่
หลานยู่
เข้าใจในสายตาของ โม่หวู่จี้ ว่าจริงๆต้องการอะไร เขายิ้มส่งถุงหนังในมือซ้ายให้กับโม่หวู่จี้
"อาจารย์โม่นี่เป็นสมุนไพรทั้งสิบชนิดที่ท่านต้องการโปรดตรวจดูก่อน"
โม่หวู่จี้รับถุงหนังมา"ไม่จำเป็น
หรือท่านพี่คิดว่าข้าไม่ไว้ใจท่าน?"
หลังจากพูดจบเขาก็บอก
ลูลู่ ว่า "ลูลู่ เจ้าต้องช่วยข้าดูแล พี่หลาน
อย่างดีไม่ต้องตรวจสอบสินค้าที่เขานำมาให้ข้า ไว้ใจเขาได้
นอกจากนี้ให้เพิ่มราคาสินค้าจากท้องตลาดเป็นสองเท่าด้วย"
ไม่ใช่ว่าโม่หวู่จี้
ไม่อยากสังสรรกับพี่หลาน แต่เพราะเขามีงานวิจัยด่วนเท่านั้น โม่หวู่จี้ รู้ว่า
หลานยู่ เป็นคนที่ดีและถ้าเขาตัดสินใจที่จะออกจากโรงกลั่นยาด่านฮั่น
เขาจะหาวิธีที่จะจ้าง หลานยู่ไปทำงานที่โรงผลิตยาของเขา
โม่หวู่จี้
รู้ดีว่าเมื่อราคาและคุณค่าของ ยาเก้าชีพคืนชีวิต ได้รับการเปิดเผยแล้วโรงกลั่นยา
ด่านฮั่น จะไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อเผชิญหน้ากับผลกำไรมหาศาลเขาไม่เชื่อว่า
ลู่จิ่วจุน และโรงกลั่นยาอื่น ๆ จะยังคงปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทางธุรกิจอยู่ที่นี่
นอกจากนี้เขายังรู้ด้วยว่าเขาไม่สามารถตำหนิ
ลู่จิ่วจุน ได้เนื่องจากเขาไม่ได้คาดหวังว่า เก้าชีพคืนชีวิต จะเป็นที่ต้องการหลังจากนี้
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อคุณค่าของ เพนนิซิลิน ถูกเปิดเผยแม้แต่ตัว
ลู่จิ่วจุน ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ได้
เสียงนั้นขาดมารยาท แต่ช่างมีพลังอำนาจนักจนทำให้ ลู่จิ่วจุน อยากถอยหลังกลับ "พี่ท่าน ข้านี่ละที่เป็นเจ้าของโรงกลั่นยาด่านฮั่นชื่อ ลู่จิ่วจุน ... "
ลู่จิ่วจุน หยุดพูดทันทีที่เห็นชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกับชายสองคนอยู่ข้างหลัง เขาจำได้ว่าชายสองคนมาที่โรงกลั่นยาด่านฮัน ตอนวันเปิด พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส มันอาจจะเพราะมีใครตายไปแล้วพวกเขามาแก้แค้น เมื่อคิดแบบนั้น ลู่จิ่วจุน ก็เหงื่อตก ในสถานการณ์ปกติ แม้ยาจะมีปัญหาก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมันไม่ได้พบบ่อยนัก แต่ถ้ามีคนตรวจสอบก็อาจจะเกิดปัญหาได้ และปัญหาจะยิ่งหนักขึ้น เมื่อเกี่ยวข้องกับ กองทัพมันอาจจะเป็นปัญหาได้มากขึ้นถ้ามีคนมาจากกองทัพ
"อา ... " ลูจิ่วจุนเข้าใจสถานการณ์ได้ทันที ประสิทธิภาพของยา เก้าชีพคืนชีวิตจะต้องยอดเยี่ยมมากจริงๆจึงทำให้ผู้บัญชาการต้องลงมาซื้อด้วยตนเอง ลู่จิ่วจุนเยือกเย็นลงทันที ด้วยประสบการ์นานปีในอาชีพนี้ทำให้เขาเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดได้ ตั้งแต่วันนี้ ยาเก้าชีพคืนชีวิต จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ไม่ต้องกลัวเรื่องการขายอีก
"เหม่ยกี้ ไปบอกผู้เฒ่าในโรงผลิตยาให้ไปที่โรงกลั่นยาด่านฮั่นเพื่อดูท่าที" เหม่ยซู่สั่งการอย่างจริงจังแต่น้ำเสียงเธอยังเต็มไปด้วยความสุภาพ
"ท่านจะทำอะไร ท่านต้องไปต่อแถวด้านหลังนั่น" หลานยู่ถูกชายคนหนึ่งหยุดไว้ ขณะที่เขากำลังจะเข้าไปที่โรงกลั่นยาหลานยู่จึงไม่พอใจแล้วพูดว่า "ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อซื้อยาข้ามาที่นี่เพื่อหาอาจารย์โม่"
"ขอบคุณมากที่ไว้ใจข้า เชิญนั่งด้านในก่อน" โม่หวู่จี้ พูดแต่ตาของเขากลับจ้องไปที่ถุงหนังของหลานยู่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น