วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2561

บทที่ 28: ที่หน้าประตู





หากชอบก็ฝากบอกต่อเพื่อนๆให้มาอ่านเป็นกำลังใจให้ผู้แปลทั้งสองคนด้วยครับ
นี้กลุ่มเฟสครับถึงตอนไวกว่าประมาณ สาม ตอนครับ

ชวนเพื่อนๆมาเข้ากันเยอะๆนะครับจะมีโปรโมชั่นให้อ่านรัวๆกันไปเลย 
โปรตอนนี้ คือ หากมียอดเข้ากลุ่มถึง 200 คนภายในวันนั้น จะ อัพเพิ่ม สองตอน ไม่รวมลงประจำวัน เป็น สามตอนครับ เดียวจะมีโปรโม่ชั่นดีๆ แบบนี้ให้ได้อ่านกันเรื่อยๆครับ  

https://www.facebook.com/groups/1941675866154289/
บทที่ 28: ที่หน้าประตู

ไก่ในตำนานแปล แมวอ้วนเรียบเรียง
หัวใจของเผิงเหมาฮัว ตกวูบลง เมื่อรู้ว่าเขาต้องอยู่เพื่อปกป้องคุณหนูในฐานะหัวหน้าของผู้คุ้มกันจากตระกูลฮั่น

"ดูท่าว่าเราไม่ต้องอยู่ที่นี้อีกเเล้ว ข้าโชคดีพอที่จะพบกับสิ่งนี้"โม่บ่อกี้กล่าว
"นี่เป็นหญ้าอัคคีสองใบ ... " ฮั่นหนิง ก้าวเข้ามาหาแล้วคว้าหญ้าอัคคีทั้งสองใบจากมือของโม่บ่อกี้ไปโดยไม่ทันขยับตัว

โม่บ่อกี้ อดแปลกใจในความเร็วและพลังของนางไม่ได้ นี่จะต้องเป็นเพราะการเปิดช่องแห่งจิตวิญญาณแน่นอน


"โม่บ่อกี้ ไม่ว่าเจ้าจะพบหญ้าอัคคีสอบใบได้อย่างไร เเต่เจ้าเป็นคนที่นำมันมา เพื่อที่จะตอบแทนเจ้า  ข้าจะพาเจ้าไปที่ การชุมนุมประตูอมตะ ด้วย หากเจ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมก็บอกข้า "ฮั่นหนิง รู้สึกตื่นเต้นมาก จนพูดทุกอย่างออกมาในอึดใจเดียว


"ขอบพระคุณ คุณหนู" โม่บ่อกี้ รีบขอบคุณ ฮั่นหนิง เพราะวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียวของเขาในการเข้ามาตำหนักตะกูลฮั่นคือการไปที่ ชุมนุมประตูอมตะ เขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปเด็ดขาด
ฮั่นหนิง จับมือ โม่บ่อกี้ แล้วพูดว่า "ข้าควรจะเป็นคนที่ขอบคุณที่ช่วยข้าหาหญ้อัคคีสองใบข้าเคยได้ยินจากท่านพ่อว่า เจ้ามีเงินเพียงพอสำหรับใช้จ่ายมากโข หากเจ้ามีคำขออื่นนอกเหนือจากไป ชุมนุมประตูอมตะ ข้าจะพยายามทำให้อย่างเต็มที่

โมบ่อกี้ พยักหน้า ถ้าเขาไม่สามารถเปิดจุดชีพจรได้สำเร็จเขาก็จะขอให้ฮั่นหนิงหาสถานที่ที่โด่งที่เมืองหลวงเพื่อทดสอบรากฐานจิตวิญญาณของเขาใหม่
เเต่เขาไม่จำเป็นเเล้วที่จะเปิดรากฐานทางจิตวิญญาณใหม่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

แม้ว่า เผิงเหมาฮัว จะอิจฉาความโชคดีของ โม่บ่อกี้ อยู่นิดๆ ในการหาหญ้าอัคคีสองใบและความสามารถที่ทำในสิ่งไม่คาดคิด เเต่เขาก็ยังรู้สึกขอบคุณ โม่บ่อกี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา พวกมันก็จำเป็นต้องอยู่ในป่าหมอกสายฟ้าเพื่อค้นหาหญ้าอัคคีต่อไป

          อารมณ์ของ ฮันหนิง ได้เปลี่ยนไปอย่างมาก นางโบกมือและพูดว่า "เรากลับกันเถอะ ถึงข้าจะวางแผนที่จะอยู่ที่นี่มานานกว่าหนึ่งเดือนไว้ก็ตาม ใครจะคาดคิดละว่าเราจะพบมันได้แค่คืนเดียว"

โม่บ่อกี้ ถอนหายใจเมื่อเขาเห็นว่าฮันหนิงกังวลแค่ไหนเกี่ยวกับการหาหญ้าอัคคีสองใบและไม่ได้ใส่ใจใจกับยามที่เสียชีวิตไปเลยเเม้เเต่น้อย ชีวิตของพวกเขามีค่าน้อยกว่าหญ้าอัคคีสองใบ ถ้าเขาตายที่นี่ฮั่นหนิงก็คงจะไม่ค่อยใส่ใจมากนัก

เขามองไปที่ ติงบู้เอ้อ และตระหนักได้ว่าหากไม่ได้ยินเสียงของ ติงบู้เอ้อ ที่เรียกหาเขา ฮั่นหนิง อาจจะไม่ได้พบเขา


"ขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย บ่อกี้ " ติงบู้เอ้อ แสดงความยินดีกับ โม่บ่อกี้ โดยมีความอิจฉาเล็กน้อย

โม่บ่อกี้ พูดกับฮันหนิงว่า "คุณหนู ข้าได้ยินจากคนอื่นว่า ท่านสามารถเปิดช่องทางจิตได้ถึงห้า?"


ฮั่นหนิง ตอบว่า "เจ้าคิดว่าการเปิดช่องทางจิตที่ห้านั้นมันเป็นเรื่องง่ายรึ? ข้าอยู่ที่ระดับหนึ่งเท่านั้น เพียงเเต่ว่าข้าก้าวหน้าเร็วเล็กน้อยเท่านั้น ความสามารถของข้ายังอ่อนแอกว่านักเพาะปลูกที่นั่น มีหลายคนที่พัฒนาความแข็งแกร่งและความสามารถในระดับ ช่องทางจิตที่สี่ แค่สี่คนเท่านั้น"


โม่บ่อกี้ เห็น ติงบู้เอ้อ ทำหน้าเจื่อนๆ


โม่บ่อกี้ เริ่มกระตือรือร้นมากขึ้นหลังจากที่เขาได้เห็นความเร็วของ ฮั่นหนิง แม้จะอยู่เพียงระดับหนึ่ง เขาจึงประสานมือและพูดกับ ฮั่นหนิง ว่า "เมื่อข้าได้เดินทางไปเมืองหลวงข้าขอให้พา ติงบู้เอ้อ ไปด้วยได้หรือไม่?"


"เอาสิเอาตามที่เจ้าว่านั่นละฮั่นหนิงตกปากรับคำทันที จากนั้นก็ไปขึ้นม้าสีแดงของนางและเริ่มออกเดินทาง
"ขอบคุณมาก บ่อกี้" ติงบู้เอ้อ รู้สึกแปลกใจเพราะเขาไม่เคยคิดว่า โม่บ่อกี้ จะบอกกับ ฮั่นหนิง ให้พาเขาไปด้วย นี่เป็นโอกาสทองจริงๆ ส่วนรื่องที่เขาเคยคุยโม้เกี่ยวกับ ฮั่นหนิงต่อหน้า โม่บ่อกี้นั้น เขาลืมไปหมดแล้ว

          โม่บ่อกี้ ตบไหล่ ติงบู้เอ้อ แล้วพูดว่า "กลับกันเถอะ อีกอย่างข้าต่างหากที่เป็นหนี้เจ้า อ้อคราวหน้าอย่าหลอกอะไรข้าอีกล่ะ"


"ได้เลย!" ติงบู้เอ้อ รู้สึกอิ่มเอมใจมาก แล้วจึงเดินตามหลัง โม่บ่อกี้ กลับไป





โม่บ่อกี้ ไม่เข้าใจว่าทำไม ฮั่นหนิง จึงสนใจหญ้าอัคคีสองใบนัก และไม่ได้สนใจว่าทำไม สิ่งที่เขารู้ก็คือเขาได้รับการดูแลมากขึ้นเมื่อกลับมา ที่พักของเขาเปลี่ยนไปเป็นห้องที่ติดกับสวนหย่อมเล็กๆ งานของเขาคือการดูแลสวนหย่อม นอกจากนั้นก็ไม่ต้องทำอะไร


อย่างเดียวที่นาสมเพชก็คือ เขาไม่รู้วิธีเพาะปลูก(จิตวิญญาณ)ไม่อย่างนั้นด้วยการอาศัยอยู่ที่นี่เขาคงทำมันได้สำเร็จ


ที่นี่ปลอดภัยมากและอยู่ในตำหนักตระกูลฮั่น เขานั่งลงที่ลานในห้องที่พักของเขา บ่อกี้ หยิบขวดแก้วสีเขียวออกมาสองขวด เขาต้องใช้ยาในขวดแก้วนี้เพื่อเปิดเส้นชีพจรเพิ่มเติมในอนาคต
"กิ๊งก่อง ... " เสียงกระดิ่งที่ประตูทางเข้าดังขึ้น ตามด้วยเสียงของ ฮั่นเฉิงอัน "บ่อกี้ ข้าขอคุยกับเจ้าหน่อยได้ไหม?"


โม่บ่อกี้ รีบหยิบขวดทั้งสองไว้แล้วเดินไปเปิดประตู โม่บ่อกี้ ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าของตำหนักตระกูลฮั่นอย่าง ฮั่นเฉิงอัน ถึงมาหาเขาเอง


"เจ้าเมืองฮั่น ถ้าท่านต้องการพบข้าท่านสามารถเรียกข้าไปพบได้ ไม่ต้องให้ท่านลำบากมาที่นี่เลย" โม่บ่อกี้พูด ขณะที่เขาเปิดประต


ฮั่นเฉิงกาน ยิ้มและเดินเข้าไปในที่พักของ โม่บ่อกี้ แล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ โม่บ่อกี้รินชาให้กับ ฮั่นเฉิงอันจต ด้วยความเคารพและขอบคุณเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ใฃ่เพราะท่านเจ้าเมืองเขาคงไม่มีโอกาสได้มาที่นี่ ใครจะไปรู้ได้ว่าคนที่พยายามจะวางยาพิษเขาจะทำอะไรอีกถ้าเขาไม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในตำหนักตระกูลฮั่น?


ฮั่นเฉิงอัน ยิ้มและพยักหน้า "บ่อกี้ เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงไม่ได้สนใจเจ้าทั้งที่ข้าเป็นคนให้เจ้าย้ายเข้ามา?"


โบ่บ่อกี้ ตอบอย่างสุภาพว่า "การที่ท่านพาข้ามาที่ตำหนักตระกูลฮั่น ก็ถือเป็นความกรุณาสูงสุดแล้วสำหรับข้า"


ฮั่นเฉิงอัน ถอนหายใจ "ครั้งนั้นข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้ที่ห้องท้องพระโรง และตอนนี้เจ้าก็ได้ตอบแทนข้าด้วยการช่วย หนิงเอ๋อ ข้าต้องขอขอบคุณเจ้าจริงๆ"
โม่บ่อกี้ เพิ่งปะติดปะต่อเรื่องราวได้จากคำพูดของ ฮั่นเฉิงอัน ด้วยเหตุนี้ ฮันเฉิงอัน จึงได้เปลี่ยนให้เขามาทำงานนี้หลังจากที่เขาได้ช่วยชีวิต ฮั่นหนิง เอาไว้?


"วันนั้นที่ท้องพระโรง ก่อนหน้าที่ท่านอ๋องจะเรียกเจ้าเข้าเฝ้า ท่านอ๋องได้สั่งให้ทหารประหารเจ้าเสีย ข้าจึงขัดขวางเขาเสียก่อน ด้วยความที่ข้าเคยรู้จักสนิทสนมกับปู่ของเจ้า โม่เทียนเฉิง อีกทั้งข้ายังอยากดูสิ่งที่เจ้าตั้งใจทำเพื่อคนสามัญธรรมดาทั่วไปจริงๆ"


โม่บ่อกี้ รู้ว่า ฮั่นเฉิงอัน หมายถึงอะไร ฮั่นเฉิงการกำลังพูดถึงการปล่อยสูตร เพนนิซิลิน ของเขา เขาไม่เคยคิดเลยว่าท่านอ๋องทรงมีความคิดที่เป็นอันตรายเช่นนี้ก่อนที่เขาจะเข้าไปในห้องโถง


ฮั่นเฉิงอัน ไม่ได้ใส่ใจกับความรู้สึกของ โม่บ่อกี้ และพูดต่อว่า "ข้าเคยแนะนำให้ ท่านอ๋อง ฆ่าเจ้าเพราะมันเป็นอันตรายต่อชื่อเสียงของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เจ้าบริจาคเงินจำนวนมากให้กับคนธรรมดาสามัญ ทั้งที่เจ้าทำงานอย่างยากลำบากกว่าจะได้มา นอกจากนี้ข้ายังคิดที่จะจัดการกับเจ้า หลังจากที่ช่วยเจ้าเข้ามาอยู่ในตำหนักตระกูลฮั่น "


หลังของ โม่บ่อกี้เต็มไปด้วยเหงื่อจากความกลัว ถ้าวันนั้น ฮั่นเฉิงกาน ไม่ออกไปช่วยเขาก่อนหน้านี้ เขาจะต้องถูกตัดหัวโดยอ๋องชั่วนั่น มันช่างไม่ยุติธรรม เขาไม่เคยสนใจว่าชื่อเสียงของเจ้าอ๋องชั่วนั่นจะเสียหายหรือไม่ เขาแค่สนใจเรื่องชีวิตของตัวเองเท่านั้น


"ขอบคุณ ท่านเจ้าเมือง เพื่อช่วยชีวิตข้า" โม่บ่อกี้ ยืนขึ้นและคำนับ ฮั่นเฮฺงอัน


"ถ้าเจ้าไม่ต้องตาของ หนิงเอ๋อ เจ้าก็เป็นได้แค่ทหารยามทั่วไป ข้าจะไม่มีวันไปบอก หนิงเอ๋อ ให้พาเจ้าไปที่เมืองหลวงเด็ดขาด แต่ว่า ไม่ใช่แค่ทำให้นางสนใจเจ้ายังช่วยนางแก้ปัญหาใหญ่ได้ นั่นเพราะเจ้าเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่น และข้ามองเจ้าไม่ผิด


"ท่านเจ้าเมืองยกย่องข้ามากไป" ในตอนนี้ โม่บ่อกี้ คิดแต่จะออกไปจากเสฉวน ใครจะรู้ได้ว่าเมื่อไรท่านอ๋องชั่วนั่นจะเปลี่ยนใจมาฆ่าเขา? เจ้าอ๋องชั่วนั่น คือหนึ่งในสาเหตุที่ตระกูลโม่ต้องสูญเสียบัลลังก์ไป


ใบหน้าของ ฮั่นเฉิงอัน เปลี่ยนเป็นสุภาพเรียบร้อยและเขาก็พูดกับ โม่บ่อกี้ ว่า "บ่อกี้ ที่จริงข้ามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้า"

Immortal  จอมราชันย์อัมตะ

                 ผู้แต่ง: Goose Five  ผู้แปล : ไก่ในตำนาน เเละ เเมวนอ้วน



ฝากคอมเมนให้กำลังใจ ด้วยครับ จะพยายามๆแปลเเละลงให้ทุกวันครับ
สามารถเข้ามาพูดคุยเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ที่  




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น