บทที่ 26: ทะเลสาบฟ้าผ่า
โม่บ่อกี้ วิ่งเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้จนกระทั่งเขาไม่สามารถได้ยินเสียงฟ่อของงู หลังจากที่เขาหันกลับมาและตระหนักว่างูพิษทะลายใจ ไม่อยู่ในสายตาอีกแล้วเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกสั้น ๆ อย่างไรก็ตามที่ด้านหลังของเขา
โม่บ่อกี้ รู้ว่าเขาปลอดภัยเเล้ว
หมอกหนาและต้นไม้สูงที่ล้อมรอบทำให้ไม่สามารถเห็นท้องฟ้าได้
ในขณะนี้เขาแน่ใจว่าเขาได้ผ่านเขตชานเมืองเข้าไปในส่วนลึกของป่าหมอกสายฟ้าแล้ว
โม่บ่อกี้ รู้ว่าไม่ต้องกังวลว่าจะพยายามหายามอื่น ๆ ที่มาพร้อมกับ
ฮั่นหนิง เขาต้องออกไปในเวลาอันสั้นที่สุด
แม้ว่าเขาจะไม่เคยเข้าป่าหมอกสายฟ้ามาก่อน แต่เขาเชื่อทุกเรื่องเกี่ยวกับป่าแห่งนี้ เขารู้สึกกระวนกระวายจากช่วงเวลาที่เขาเข้าไปในป่า
"คลื่ม…." ต้นไม้ใหญ่หล่นลงมาและมีหมอกถูกแบ่งเป็นสองทาง ด้วยความช่วยเหลือของแสงสลัวในป่าทำให้โม่บ่อกี้
สามารถมองเห็น เงาสองเงา ได้สลัวๆ
โม่บ่อกี้ รู้สึกเสียวแปลบขึ้นบนหัวของเขา มันเป็นสัตว์อสูรสองตัวที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน หนึ่งในนั้นมีดวงตาสามดวงเต็มไปด้วยเกล็ดในขณะที่อีกตัวหนึ่งดูเหมือนสิงโตมีเลือดและขนอยู่รอบตัว มีเขี้ยวที่ยาวออกมาจาปาก
ทั้งสองสัตว์อสูรนี้ไม่ได้สังเกตเห็น โม่บ่อกี้ และไม่ได้สนใจเขา
"เสียงคำราม ... " เสียงคำรามที่น่าสยดสยองของสัตว์ป่าสองตัวทำให้หัวใจขอ
โม่บ่อกี้ เต้นเร็วมาก
โชคดีสำหรับโม่บ่อกี้
นี่ไม่ใช่แค่สัตว์อสูรตัวหนึ่งเท่านั้นเพราะมันจะทำให้เขาสังเกตเห็นได้ง่าย ขณะที่ โม่บ่อกี้ ถอยห่างออกไปอย่างช้าๆสัตว์สองตัวอยู่ในสายตาของเขาเสมอ พวกมันต้องเป็นสัตว์อสูรที่ ติงบู่เอ้อ กล่าวก่อนหน้านี้อย่างแน่นอนเป็นที่มีจำนวนมากภายในป่าลึก
ขณะที่ โม่บ่อกี้ ถอยกลับเขารู้สึกว่าเท้าของเขาเย็นลง เขาตระหนักว่าเขาสนใจสัตว์อสูร
มากเกินไปและไม่ต้องห่วงว่าจะมีอะไรตามมาจากด้านหลังเขา
,"
เปลี้ยง! ... " ประกายสายฟ้าผ่าไม่ไกลเกินไปจาก
โม่บ่อกี้ ทำให้พื้นที่รอบๆสว่างขึ้น
ในขณะนี้เขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาอยู่ที่ไหนและตระหนักว่าเขาได้ก้าวเข้าสู่กลางบึงน้ำตื่น
"
เปลี้ยง...เปลี้ยง "สายฟ้าสายแลบผ่าข้าม โม่บ่อกี้ เหมือนกับสะพานโค้งที่เป็นสายฟ้าที่น่าสนใจมาก
หัวใจของ
โม่บ่อกกี้ จมลงสู่จุดต่ำสุดเมื่อเขารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน นี่คงจะเป็นทะเลสาบฟ้าผ่า
ที่น่ากลัวที่ ติงบู่เอ้อ เตือนเขา
หลังจากถอนหายใจยาวๆแล้ว โม่บ่อกี้ ก็สงบลง เขาได้เห็นสัตว์ร้ายและตอนนี้อยู่ในทะเลสาบฟ้าผ่าของ
ป่าหมอกสายฟ้า มันคงจะเป็นความมหัศจรรย์ถ้าเขาสามารถกลับออกไปได้อย่างมีชีวิตได้
เท้าของโม่บ่อกี้ รู้สึกหนาวจัดเพราะจมลงในดินที่หนาวจัดของทะเลสาบฟ้าแลบ ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่น่ากลัวอื่น ๆ ที่มีอยู่ในทะเลสาบฟ้าผ่านี้นอกเหนือจาก ความเกลียวกลาดของสายฟ้าแล้ว แต่โม่บ่กี้ไม่กลัวอะไรอีกต่อไปเพราะเขารู้ว่าเขาคงจะตายไปแล้ว เขาขยับเท้าอย่างระมัดระวังขณะที่พยายามจะเดินออกจากบึง
เพราะอย่างน้อยเขาควรพยายามที่จะต่อสู้เพื่อชีวิตของเขาแม้ว่าเขาจะตายก็ตาม
"เปลี้ยงง... " สายฟ้าฟาดขึ้นมา อย่างไรก็ตามโม่บ่อกี้ ก็ไม่ได้โชคดีเท่าไหร่
มันฟาดลงมาบนไหล่ของเขา
โม่บ่อกี้รู้สึกถึงความรู้สึกแสบร้อนที่รุนแรงทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแรงและล้ม
เสื้อผ้าของโม่วบ่อกี้ ถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ และทำให้เขารู้สึกได้ถึงผิวของเขาที่ไหม้เกรียมเพราะร่างกายของเขาหมดไม่เหลือสภาพเดิมเลย เขาเยาะเย้ยตัวเองในขณะที่เขาไม่เคยคาดหวังว่าตัวเองจะถูกไฟฟ้าดูดในชีวิตที่สองของเขา เขาค่อนข้างจะผ่านบางสิ่งที่ไร้ความปราณีที่ฆ่าเขาได้ทันทีกว่านรกที่มีชีวิตนี้
ประกายสายฟ้าที่ยิ่งใหญ่พุ่งผ่านเขา
อย่างไร้ความปราณี
“เปลี้ยง ... " สายฟ้าฟาดกระแทกไหล่ของ โม่บ่อกี้ อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม โม่บ่อกี้ ไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ
ไม่เพียงแค่นั้น โม่บ่อกี้ เห็นได้ชัดว่าสายฟ้าพาดผ่านไหล่ของเขาเข้าไปในร่างกายของเขาโดยตรงเข้าไปล้างบางสิ่งบางอย่างที่เปิดอยู่
ช่วงเวลาต่อไปร่างกายของเขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อโม่บ่อกี้ เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นในที่สุดเขาก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
สายฟ้าฟาดได้เปิดช่องว่างเล็ก ๆ ในเส้นชีพจรที่อุดตัน ซึ่งเขาเกือบจะสามารถเปิดได้โดยสมบูรณ์ ถ้าสายฟ้าที่เกลี้ยวกลาดผ่า
เข้าช่องว่างเล็ก ๆ อย่างต่อเนื่องหมายความว่าเส้นชีพจรที่ถูกอุดตันจะถูกเปิดอย่างเต็มที่
รึไม่? เมื่อเส้นชีพจรถูกชำระล้างแล้วนั่นหมายความว่าเขาจะมีช่องทางจิตวิญญาณและในที่สุดก็สามารถที่จะบ่มเพาะพลัง?
หลังจากถูกลอบสังหารหลายต่อหลายครั้ง โม่บ่อกี้ เหมือถูกไฟไหม้ภายในอก เขาตัดสินใจที่จะไม่หนีอีกต่อไป เขาจะอยู่และรอให้สายฟ้าที่เกลี้ยวกลาดผ่าใส่เขา
"เปลี่ยง..เปลี้ยง. " อีกสองสายฟ้าลั่นออกมาจากด้านหลังและทำให้เขาล้มลงอีกครั้ง
แต่น่าเสียดายที่ทั้งสองสายฟ้าที่ลั่นออกมาก่อให้เกิดความเจ็บปวดมากขึ้นและไม่ได้ให้เขารู้สึกเหมือนกำลังชำระเพื่อเปิดช่องจิตวิญญาณ
เป็นที่น่าสงสารโม่บ่อกี้
ไม่สามารถควบคุมสายฟ้าที่จะฟาดใส่เขา
หลังจากที่เขาได้รับประสบการณ์อีกหลายครั้งจากสายฟ้าฟาด เขาก็ตระหนักว่านี่ไม่ใช่ทางที่จะไป ก่อนที่เขาจะสามารถเปิดเส้นชีพจร
ได้สำเร็จเขาจะตายจากความเจ็บปวดเสียก่อน
โม่บ่อกี้ หยิบขวด ยาเปิดช่องจิตวิญญาณ
ออกจากกระเป๋าที่ฉีกขาดและใช้มัน มันทำให้รู้สึกเหมือนเกิดไฟลุกลามผ่านเส้นชีพจรที่ปิดอยู่ในร่างกายของเขา
"เปลี้ยง ... " อีกสายฟ้าฟาดใส่เขา โม่บ่อกี้ พยายามทำให้แน่ใจว่าสายฟ้าพุ่งเข้าสู่เส้นเส้นชีพจรด้วยกรณีใด
โม่บ่อกี้
ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเพราะความรุนแรงของสายฟ้า
หรือเพราะยา ที่สามารถทำให้สายฟ้าสามารถทะลวงผ่านเส้นชีพจรได้ บางทีอาจเป็นเพียงผลกระทบทางจิตวิทยาที่โม่บ่อกี้ รู้สึกว่าจุดชีพจรของเขาเปิดขึ้นเล็กน้อยก็เป็นได้
อีกสายฟ้าลั่นตามอีกครั้งหนึ่ง
มันฟาดลงมาที่ตรงกับบริเวรเส้นชีพจรพอดี
เส้นชีพจรถูกเปิดขึ้นเพราะเหตุนี้!! เนื่องจากการโดนฟ้าผ่าทำให้เกิดการเผาไหม้ ยาจึงละลายไปทั่วร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
มันควรจะได้รับผลกระทบจากการใช้ยา
ที่เป็นตัวนำสายฟ้าฟาดเข้าทะลวงผ่านเส้นชีพจรเดิม
ในขณะนี้เขารู้สึกว่าการ
ฤทธิ์ของยาในร่างกายของเขาค่อยๆหายไป โม่บ่อกี้ ไม่ลังเลที่จะกินอีกขวด
"เปลี้ยงๆๆๆๆ ... " สายฟ้านับสิบ ฟาดลงอย่างต่อเนื่องบนร่างกายของโม่บ่อกี้อย่างช่วยไม่ได้ แต่เขาก็รู้สึกผ่อนคลายมากถึงแม้ว่าเขาจะถูกสายฟ้าฟาดลงนับไม่ถ้วนแล้ว แต่เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังงานในขณะนั้น
ก็มีความ รู้สึกเสียดายเช่นกันที่เขาไม่สามารถแสดงพลังนี้ได้เนื่องจากร่างกายของเขารู้สึกเจ็บปวดและเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก
โม่บ่อกี้ แทบจะไม่สามารถควบคุมน้ำตาของเขาได้ ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จในการเปิดจุดชีพจรสร้างช่องทางจิตวิญญาณอันแรกของเขาได้
Immortal จอมราชันย์อัมตะ
ผู้แต่ง: Goose Five ผู้แปล : ไก่ในตำนาน เเละ เเมวนอ้วน
ตอนนี้ปรับแก้
เรื่องเนื้อหาที่ยาวให้เเล้วนะครับ เนื่องจาก เราได้แปลลง blogก่อน จะมาลงในdek-d ครับ
ปล.ตอนนี้ เรื่องตำเเหน่งขุนนาง ทั้งเก้า ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่
จึงอาจต้อมีการเปลี่ยนแปลง
ในตอนนี้กำหนดให้
ฮั่นเฉิง เป็นเจ้าเมืองไปก่อน หากได้ความใช้เจนจะเปลี่ยนให้ ต่อไปครับ
ปล.ชื่ิอ พระเอก เปลี่ยนจาก โม่หวู่จิ้ เป็นโม่บ่อกี้ ครับ
(ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา)
ฝากคอมเมนให้กำลังใจ ด้วยครับ
จะพยายามๆแปลเเละลงให้ทุกวันครับ
สามารถเข้ามาพูดคุยเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น