วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2561

บทที่ 24: ป่าอวัศยาอัสนี (ป่า หมอก สายฟ้า)


บทที่ 24: ป่าอวัศยาอัสนี

(ป่า หมอก สายฟ้า)
          ไก่ในตำนาน และ แมวอ้วน แปล
          โม่บ่อกี้ สังเกตเห็นหญิงสาวในชุดแดงคนหนึ่งกำลังจ้องมองมาที่เขา ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สวยเท่า เหวินม่านซาน แต่ก็จัดว่ามีหน้าตาสวยมากแถมมีรูปร่างที่บอบบางแน่งน้อย ถึงอย่างนั้น โม่บ่อกี้ ก็สัมผัสได้ถึงความเร่าร้อนในตัวนาง



          ผู้หญิงคนนี้คงเป็นลูกสาวสุดที่รักของ ฮั่นเฉิงกาน ที่ชื่อว่า ฮั่นหนิง ฮั่นเฉิงกาน นั้นดูมีอายุแล้ว โม่บ่อกี้ จึงไม่เคยคิดว่าลูกสาวของเขาจะยังเป็นสาวน้อยที่งดงามขนาดนี้

          
          "ข้าคือ โม่บ่อกี้ ยินดีนักที่ได้พบท่าน" โม่บ่อกี้ ตอบอย่างสุภาพ



          "เมื่อเจ้าอยู่ในตำหนักตระกูลฮั่น เมื่อเสียงระฆังดังขึ้นในตอนเช้าทำไมเจ้าถึงไม่มารวมตัวพร้อมกับคนอื่นๆ?" เสียงของ ฮั่นหนิง ไม่พอใจอย่างมาก
          
          โม่บ่อกี้ ทำหน้าไร้เดียงสาและตอบว่า "ขอเรียนคุณหนู ครั้งแรกนั้นข้าคิดว่าเสียงระฆังเป็นสัญญาณเพื่อทานอาหารเช้าในฐานะที่เป็นคนใหม่ข้าจึงรอเวลาให้ทุกคนทานก่อน รอจนพวกเขาไปขับถ่ายข้าจึงจะไปรับประทานอาหาร หากข้ารู้ว่าเสียงระฆังนั้นเป็นสัญญาณเรียกรวมพลในตอนเช้า ข้าจะต้องมาถึงสนามฝึกแห่งนี้เป็นคนแรกแน่นอน "



          ฉางซ่งไค ได้แต่คิดว่า "ข้าทุบประตูจนประตูแทบจะพัง กว่าเจ้าจะตื่น แต่เจ้าก็ยังกล้าพูดแบบนั้นกับบคุณหนูอีก หน้าด้านจริงๆ" ถึงอย่างนั้น ฉางซ่งไค ก็ไม่กล้าที่จะว่าอะไร โม่บ่อกี้ เมื่ออยู่ต่อหน้า ฮั่นหนิง เขาเคยเห็น ฮั่นหนิง ทำลายแขนขาทั้งสี่ของผู้ดูแลบ้าน และ โยนลงบนถนนเป็นอาหารหมา ต่อให้ ฮั่นหนิง ถามอะไรโม่บ่อกี้ มากกว่านี้เขาก็เลือกจะหุบปากต่อไป



          ฮันหนิง พยักหน้า "ข้าคิดไว้ว่าข้าจะพาเจ้าไปที่ "ป่าหมอกสายฟ้า" เพราะข้าได้ยินมาว่าเจ้าเชี่ยวชาญการปรับปรุงยา ข้าต้องบอกเจ้าว่า ป่าอหมอกสายฟ้า เป็นสถานที่ที่อันตรายมาก รัชทายาทลำดับที่สิบเอ็ดของรัฐเฉิงตู เคยพาคนเข้า ป่าหมอกสายฟ้า และพวกเขาไม่ได้กลับมาอย่างชีวิตเจ้าจะกล้าตามข้าไปไหม?"
          

          ฮั่นหนิงหลงเชื่อ โม่บ่อกี้ เพราะคิดว่าคนที่มาใหม่อย่าง โม่บ่อกี้ น่าจะพูดเรื่องจริง เพราะเขาเคยเป็นชนชั้นสูงมาก่อนเขาจึงไม่ต้องวุ่นวายหรือแย่งชิงอาหารในตอนเช้า หล่อนอาจเข้าใจไปว่า โม่บ่อกี้ คงไม่รู้ว่าการรับประมานอาหารในตำหนักตระกูลฮั่นไม่ใช่สิ่งแรกในยามเช้า เป็นเพราะพวกเขาต้องทำงานอื่นๆให้เสร็จก่อน ที่พวกเขาจะเริ่มกินอาหาร


          โม่บ่อกี้เปลี่ยนท่าทางเป็นจริงจังแล้วพูดว่า "ข้า โม่บ่อกี้ แม้จะกลัวตาย แต่ถ้ามีโอกาสแม้เพียงเล็กน้อยต่อให้เป็นเขาสุดสูงหรือทะเลลึกสุดหยั่งก็จะไม่ถอยหนี จะกลัวอะไรกับป่าหมอกสายฟ้า"


          โม่บ่อกี้รู้ดีว่าแม้ไม่อยากจะไปก็ต้องทำให้ ฮั่นหนิง เกิดความประทับใจถ้าอยากจะมีโอกาสได้รับเลือกให้เดินทางไปงาน ประตูอมตะประตูแห่งเสฉวน ในเวลาที่เหลืออีกไม่กี่เดือน

          ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่า ฮั่นหนิง เจาะจงถามเขาเพราะความรู้ในการกลั่นยา ดังนั้นเขาตายแน่ถ้าเขาเผลอบอกกับ ฮั่นเฉิงกาน ว่าเขาไม่รู้เรื่องพวกนั้นเลย

          ฮั่นหนิง เจาะจง โม่บ่อกี้  เพราะพ่อของนางบอกนางว่า โม่บ่อกี้ อาจเป็นประโยชน์กับนาง ตอนนี้ โม่บ่อกี้ ยอมรับคำเชิญ ฮั่นหนิง จึงดีใจมากและพูดว่า "ตั้งแต่นี้เจ้าจงติดตามเรา"



          ฮั่นหนิงมองไปในกลุ่มทหารยาม"หัวหน้าเผิง เลือกคนอีกแปดคนให้ข้ารวมถึง โม่บ่อกี้ แลบะตัวเจ้าเองเราจะเดินทางทันทีที่ได้คนครบสิบคน"


          ชายหนุ่มผู้คือหัวหน้านายทหารเผิง เหมา ฮัว แห่ง ตำหนักตระกูลฮั่น สะดุ้งพรวดขึ้นทันทีหลังจากได้ยินคำสั่งของ ฮั่นหนิง "ข้าว่าน่าจะฟังผิดไป ข้าได้ยินท่านสั่งว่าจะพาคนสิบคนเข้าไปในป่าหมอกสายฟ้า" ฮันหนิงตอบว่า "ครั้งนี้เราจะไปที่รอบๆป่าหมอกสายฟ้า เพื่อฝึกฝนสักสองสามวันพร้อมกับหาสมุนไพรเราไม่ได้จะเข้าไปในป่า"


          "ขอรับ" เผิงเหมาฮัว หันไปมองที่แถวของกองทหารยามฝึกหัก "ยู่จื่อ,ฉางฮวงไค,ติงบู้เอ้อ
ไค่จื๊อ ... "


          แปดคนได้รับเลือกอย่างรวดเร็ว แต่ โม่บ่อกี้ กลับแปลกใจที่ ติงบู้เอ้อ ได้รับเลือก ติงบู้เอ้อ เดินไปหา โม่บ่อกี้แล้วกระซิบกระซาบว่า "น้องโม่ เพราะเจ้าสินะว่าข้าถึงได้รับเลือก"



          โม่บ่อกี้ เพิ่งเข้าใจในการเลือก ติงบู้เอ้อ พูดกันจริงๆ ติงบู้เอ้อ ไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับเลือกเลย เมื่อเขามองไปที่ เผิงเหมาฮัว บังเอิญมองมาและก้อมหัวให้เขา โม่บ่อกี้ จึงเข้าใจทันที เผิงเหมาฮัว เดาว่า โม่บ่อกี้ เป็นคนโปรดของ ฮั่นหนิง และด้วยเหตุนี้จึงเลือก ติงบู้เอ้อ เพื่อทำให้เขาพอใจ


          "บู้เอ้อ เรียกข้าว่า บ่อกี้ เถอะจริงๆแล้วเจ้าแก่กว่าข้านะ" โม่บ่อกี้ กระซิบ


          ติงบู้เอ้อ พยักหน้า "ใช่ บ่อกี้ ตั้งแต่วันนี้เจ้าจะเป็นเพื่อนตายของข้า"


          หลังจากที่ เผิงเหมาฮัว เลือกได้ครบแปดคน ฮั่นหนิง ที่สวมชุดสีฟ้านั่งอยู่บนม้าเหลืองก็ออกคำสั่งว่า "ทุกคนไปเลือกมาและเตรียมตัวให้พร้อม เราจะเดินทางกันแล้ว"

          "นั่นคือแม่บ้านส่วนตัวน้อยของคุณหนู ชื่อเชาหลาน เธอเป็นคนโปรดของ คุณหนู อย่าไปตอแยหล่อนเข้าล่ะ"ติงบู้เอ้อ กระซิบกับ โม่บ่อกี้



          "ข้าต้องกลับไปเอาของบางอย่าง" โม่บ่อกี้ พยักหน้าให้หัวหน้ายาม เขาไม่อยากให้ทุกคนต้องโดน ฮั่นหนิง ลงโทษ
          
          โม่บ่อกี้เดินกลับมาเพื่อจะเอายาเปิดชีพจร ที่มีเหลืออยู่เพียงไม่กี่ขวด เพราะเขาไม่รุ้ว่าต้องไปที่ ป่าหมอกสายฟ้า นานแค่ไหน เค้าคงทำตัวให้สบายใจไม่ได้ ถ้าทิ้งยาที่ทำสำเร็จไปครึ่งทางแล้วไว้ที่นี่ โม่บ่อกี้ เลือกม้าสีดำสนิทตัวสูง ขี่เข้ามาที่ลานฝึก เพื่อสร้างความคุ้นเคย เมื่อทั้ง สิบสองคนออกจาก เมืองราวโจว ท้องฟ้ายังคงสดใส



          ม้าเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดีเพราะสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงมาก ด้วยความเร็วสูง โม่บ่อกี้ จึงรู้สึกไมค่อยสบาย



          "ทำไมนางไม่ขับรถแทน?" โม่บ่อกี้รู้ว่ามีรถอยู่ที่นี่และพวกเขาก็ใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนด้วย การพูดอย่างสมเหตุสมผลรถน่าจะสะดวกและไม่เหนื่อยมาก


          ติงบู้เอ้อ ตอบว่า "เจ้าจะเข้าใจเร็วๆนี้ละ"
          

          ไม่ต้องรอนานที่ โม่บ่อกี้ จะเข้าใจถนนแคบและขรุชระ พวกเขาต้องเดินทางข้ามขอบหน้าผา ความกว้างของถนนแทบจะกว้างไม่ถึงเมตร ทำให้ โม่บ่อกี้ กังวลมากว่าถ้าม้าเดินพลาดไปเขาจะตกหน้าผา โชคดีที่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกเขาเข้าไปในโกรกธารและ โม่บ่อกี้ เหงื่อแตกท่วมตัวไปแล้ว โชคดีที่เขาไม่ตกหน้าผาไปจริงๆ เมื่อท้องฟ้ามืดลง ฮั่นหนิง จึงสั่งให้หยุด
ขณะที่ โม่บ่อกี้ ลงจากหลังม้าเขารู้สึกปวดที่ต้นขา ต้นขาของเขามีเลือดไหลออกมา



          "เรามาถึงแล้วหรือ?" โม่บ่อกี้ถามด้วยความเจ็บปวด


          "เรายังไม่ได้เข้าใกล้ ป่าหมอกสายฟ้าเลย แล้วเจ้าไม่เคยขี่ม้าเลยหรือ?"  ติงบู้เอ้อ สังเกตเห็นอาการบาดเจ็บของติงบู้เอ้อ "มันนานมากแล้วละที่ข้าไม่ได้ขี่ม้า ช่วยข้าหน่อย" โม่บ่อกี้พูด แล้วจึงสังเกตเห็นคนอื่นๆกำลังจัดตั้งกระโจมที่พัก


          ติงบู้เอ้อ เข้าใจ โม่บ่อกี้ ที่พูดออกมาแบบนั้น เพราะนั่นอาจจะทำให้เขาพลาดการเดินทางร่วมกับ ฮั่นหนิง หากนางรู้ว่า โม่บ่อกี้ ขี่ม้าไม่เป็น หลังจากทำงานมานานกว่าหนึ่งชั่วโมง โม่บ่อกี้ ก็เดินตามคนอื่นๆ ไปกินขนมปังกรอบ ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเต็นท์เพื่อพักผ่อน เต็นท์แต่ละหลังสามารนอนได้สองคน ดังนั้นจึงมีกระโจมห้าหลังล้อมรอบ กระโจมของ ฮั่นหนิง อยู่ตรงกลาง


          โม่บ่อกี้ และ ติงบู้เอ้อ อยุ่กระโจมเดียวกันเพราะมนิทกันที่สุด


          "ดีขึ้นรึยังข้ามียาอยู่นะ" ติงบู้เอ้อ ส่งขวดยาให้ โม่บ่อกี้ 


          โม่บ่อกี้ ปัดมือออกแล้วพูดว่า "ข้าสบายดี เราอันตรายที่เราจะเจอในป่าหมอกสายฟ้า แล้วพรุ่งนี้เราจะไปถึงหรือยัง?"


          ติงบู้เอ้อตอบว่า "เจ้าไม่ต้องห่วง เราจะอยุ่ที่รอบๆป่าหมอกสายฟ้าเท่านั้น ไม่มีอันตายหรอก แต่จำไว้อย่าเข้าไปในป่าหมอกสายฟ้าโดยเด็ดขาด"


          "ทำไม?" โม่บ่อกี้ถาม


          ติงบู้เอ้อ สะบัดหน้ามาแล้วพูดว่า"ไม่ต้องถามว่าทำไม เก้าในสิบคนที่เข้าไปในป่าหมอกสายฟ้า ล้วนไม่ได้กลับออกมา"




Immortal  จอมราชันย์อัมตะ

                  ผู้แต่ง: Goose Five  ผู้แปล : ไก่ในตำนาน เเละ เเมวนอ้วน


ตอนนี้ปรับแก้ เรื่องเนื้อหาที่ยาวให้เเล้วนะครับ เนื่องจาก เราได้แปลลง blogก่อน จะมาลงในdek-d ครับ
Blog จะไวกว่าประมาณสองสามตอนครับ
 ปล.ตอนนี้ เรื่องตำเเหน่งขุนนาง ทั้งเก้า ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ จึงอาจต้อมีการเปลี่ยนแปลง นตอนนี้กำหนดให้ ฮั่นเฉิง เป็นเจ้าเมืองไปก่อน หากได้ความใช้เจนจะเปลี่ยนให้ ต่อไปครับ

 ปล.ชื่ิอ พระเอก เปลี่ยนจาก โม่หวู่จิ้ เป็นโม่บ่อกี้ ครับ (ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา)

ฝากคอมเมนให้กำลังใจ ด้วยครับ จะพยายามๆแปลเเละลงให้ทุกวันครับ
สามารถเข้ามาพูดคุยเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ที่  








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น