หากชอบก็ฝากบอกต่อเพื่อนๆให้มาอ่านเป็นกำลังใจให้ผู้แปลทั้งสองคนด้วยครับ
นี้กลุ่มเฟสครับถึงตอนไวกว่าประมาณ สาม ตอนครับชวนเพื่อนๆมาเข้ากันเยอะๆนะครับจะมีโปรโมชั่นให้อ่านรัวๆกันไปเลย โปรตอนนี้ คือ หากมียอดเข้ากลุ่มถึง 200 คนภายในวันนั้น จะ อัพเพิ่ม สองตอน ไม่รวมลงประจำวัน เป็น สามตอนครับ เดียวจะมีโปรโม่ชั่นดีๆ แบบนี้ให้ได้อ่านกันเรื่อยๆครับ
https://www.facebook.com/groups/1941675866154289
ตอนนี้ต้นฉบับจีนไปถึง 1254 เเล้ว ได้มันกันยาวๆเเน่นอน
บทที่ 30: ออกจาก ราวโจว
ไก่ในตำนาน และ แมวอ้วน แปล
ประตูตำหนักตะกูลฮั่นถูกเปิดออก
มีคนนับร้อยคนออกมาเพื่อส่ง ฮั่นหนิง ออกเดินทาง
ชายเเละหญิงชรายืนอยู่ข้างๆฮันหนิงและจ้องที่นาง
เห็นได้ชัดว่าการเดินทางครั้งนี้ทำให้พวกเขากังวลใจกับลูกสาวของพวกเขา
ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา
โม่บ่อกี้
กลัวว่าจะถูกลอบสังหารอย่างต่อเนื่องดังนั้นเขาจึงซ่อนตัวอยู่ในห้องพักเล็ก ๆ
ของเขา ทำให้เขาไม่รู้เรื่องจำนวนคนที่จะตาม ฮั่นหนิง ไปเมืองหลวง
เมื่อเห็นคนนับร้อยคนเดินออกไป เขาตกใจและถาม ติงบู้เอ้อ ทันทีว่า "บูเอ้อ มีคนจำนวนมากติดตาม คุณหนูฮั่นหนิงไปฉางลู่ รึ?"
ติงบู้เอ้อ
หัวเราะและกระซิบเข้ามาในหูของ โม่บ่อกี้ "นอกจาก
คุณหนู ก็มีพวกเราเพียงสี่คนเท่านั้น ที่จะเดินทางไปที่เมืองฉางลู่
เพราะเจ้าข้าถึงได้เดินทางไปด้วย เเละอีกสองคนคือ เผิงเหมาฮัว และ เช่าหลาน "
"น้อยไปไหม? ' โม่บ่อกี้ เริ่มรู้สึกไม่สบายใจคงยากที่จะอยู่อย่างปลอดภัยหากมีคนน้อยเช่นนี้
"ข้า
ได้ยินมาว่าท่านเจ้าเมืองต้องการหาคนยี่สิบคนเพื่อติดตามคุณหนู
แต่ตามกฏเเล้วผู้เข้าร่วมการชุมนุมประตูอมตะ
นั้นสามารถมีผู้ติดตามได้เพียงเเค่สี่คนเท่านั้น" ติงบู้เอ้ออธิบาย
ขณะที่กลุ่มคนทั้งหมดเดินไปที่ทางออกของราวโจว
โม่บ่อกี้ เริ่มเข้าใจว่าทำไมจึงมีข้อจำกัด สำหรับจำนวนคน
มีฝูงชนขนาดใหญ่ที่ทางออกของราวโจวเมือง; หลายคนกำลังบอกลาพวกของตนเอง
เห็นได้ชัดว่า ฮั่นหนิง ไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่เข้าร่วมในงานประตูอมตะฯ จาก
ราวโจว จากที่ โม่บ่อกี้ สังเกตุเห็นมีคนประมาณยี่สิบถึง สามสิบคน
ถ้าหากรวมผู้ติดตามด้วยก็จะมีคนมากกว่าหนึ่งร้อยคน
นอกจากนี้ก็มาจากรัฐเดียวเท่านั้น ยังมีรัฐอื่นใน จักรวรรดิ์ชิงฮั่น
อีกถ้ารวมพวกเขาทั้งหมดจะมีกี่คนกัน? ในขั้นต้น ฮั่นเฉิงอัน
กล่าวว่ารัฐ เฉิงตู สามารถส่งผู้เข้าร่วมชุมนุมสิบคนที่ไม่ได้รวมผู้เข้าร่วมจากเขตการปกครอง
บางคนเริ่มสร้างกลุ่ม
หลังจากอำลาครอบครัวของพวกเขาแล้วพวกเขาก็ไปที่รถที่ถูกลากด้วยสัตว์อสูรของพวกเขา
โม่บ่อกี้ เห็น ฮั่นเฉิงอัน ที่ด้านหลังกำลังเจรจากับคนสองสามคน
หลังจากผ่านมาระยะหนึ่ง เผิงเหมาฮัว ก็มารวมตัวกับ โม่บ่อกี้ และ ติงบู้เอ้อ แล้วกล่าวว่า "ตะกูลฮั่นของเราจะเดินทางไปกับ อ๋องน้อยแคว้นอู๋เซ๊ย เฉาเฮ้า นอกจากนี้ยังมีหลานชายของขุนนางจื่อ, จื่อ ฉางเหอ และเป็นลูกชายคนเดียวของหัวหน้าสาขาร้านค้า เหวินปู้ ภูมิภาค หยางจุ้นสง เจ้าต้องจำไว้ว่าห้ามหาเรื่องตอแยคนพวกนี้โดยเด็ดขาดอย่าให้ข้ารู้ว่าไปหาเรื่องพวกมันล่ะ"
หลังจากผ่านมาระยะหนึ่ง เผิงเหมาฮัว ก็มารวมตัวกับ โม่บ่อกี้ และ ติงบู้เอ้อ แล้วกล่าวว่า "ตะกูลฮั่นของเราจะเดินทางไปกับ อ๋องน้อยแคว้นอู๋เซ๊ย เฉาเฮ้า นอกจากนี้ยังมีหลานชายของขุนนางจื่อ, จื่อ ฉางเหอ และเป็นลูกชายคนเดียวของหัวหน้าสาขาร้านค้า เหวินปู้ ภูมิภาค หยางจุ้นสง เจ้าต้องจำไว้ว่าห้ามหาเรื่องตอแยคนพวกนี้โดยเด็ดขาดอย่าให้ข้ารู้ว่าไปหาเรื่องพวกมันล่ะ"
ติงบู้เอ้อ
ตบไปที่อกของเขา "อย่ากังวลไปเลยหัวหน้าเผิง
ข้าไม่ไปหาเรื่องหรอกน่า พวกเราอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ก็เหมือนเป็นพี่น้องกันนั่นละ
เป็นเรื่องธรรมดาน่าที่จะต้องทำงานร่วมกัน"
เผิงเหมาฮัว
พยักหน้ารับ เขาก็แค่มาเตือนอย่างนิ่มๆ ติงบู้เอ้อ
นั้นเป็นคนที่รู้ดีว่าต้องทำตัวอย่างไร ในขณะเดียวกัน โม่บ่อกี้
ก็ไม่ได้เย่อหยิ่งจองหอง เหมือนที่คนอื่นๆเล่าให้ฟัง
จากจากตอนที่เขามาที่ลานฝึกไม่ทัน โม่บ่อกี้
ไม่เคยละทิ้งหน้าที่จากการเฝ้าลานสวนหย่อมนั้นแม้สักครั้งเดียวเขาไม่มีทางก่อปัญหาแน่นอน?
ตอนนี้
ฮั่นหนิง ร่ำลาทุกคนเรียบร้อยแล้ว นางจึงเรียก โม่บ่อกี้และพรรคพวก เพื่อขึ้นรถ
สิ่งที่ทำให้โม่บ่อกี้ สงสัยคือ ฮั่นเฉิงอัน ไม่ได้กล่าวถึงเขาเลยเเม้เเต่น้อย
“ขึ้นมา แล้วเข้าไปในรถซะ เดินทางได้” ติงบู้เอ้อ ดึงโม่บ่อกี้ขึ้นไป
ในขณะนั้น
โม่บ่อกี้ รู้สึกขนลุกขนพอง ไปทั้งตัว เขารีบหันไปดูรอบๆ
เขารุ้สึกว่ามีคนในฝูงชนหายไป
เข้าไม่รุ้ว่ามีใครมาดักเล่นงานเขาหรือไม่ทำไมเขาถึงรู้สึกอึดอัด? โม่บ่อกี้ ไม่กล้าที่จะชักช้าอยุ่อีก
จึงรีบวิ่งไปขึ้นรถม้าของตะกูลฮั่น
ในรถแบ่งที่นั่งออกเป็นสองส่วน
ฮั่นหนิง และ เช่าหลาน อยู่ในส่วนด้านในขณะที่อีกสามคนอยู่ในส่วนด้านนอก
ที่นั่งทั้งสองนี้ไม่ถือว่าเล็ก มันไม่ได้อึดอัดเลย สำหรับคนในรถทั้งห้าคน
ขณะที่คนขับรถม้าตะโกนว่า “ ย่ะ!" รถสัตว์อสูรเริ่มขยับ
รถม้าจากครอบครัวอื่น ๆ อีกสามคัน ก็ออกเดินทางเช่นกัน
โม่บ่อกี้เริ่มเข้าใจขึ้นเล็กน้อยเกี่ยวกับรถสัตว์เหล่านี้
มันเหมือนกับรถม้าเพียงว่าสัตว์ที่ดึงมันมีความแข็งแรงทนทานมาเเละความสามารถในการป้องกันมากว่า
เเน่นอนว่า, รถสัตว์อสูรไม่สามารถเปรียบเทียบกับความเร็วของรถ บนท้องถนนของรัฐ
เฉิงตู มันมีรถยนต์ที่คล้ายกับรถธรรมดาเเละรถประจำทางผสมกัน น่าเสียดาย
ที่รถเหล่านี้สามารถใช้ได้ภายใน รัฐเฉิงตู
เท่านั้นเพราะภายนอกรัฐนั้นมันไม่มีถนนใดๆ
ให้ขับออกไป
เหตุผลหลักที่ทำให้คนในโลกนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี
อาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างอาณาจักรด้วยสงครามระหว่างรัฐคงที่เป็นเรื่องยากที่รัฐจะส่งนักการทูตของตนไปเจรจาการก่อสร้างถนนระหว่างรัฐ
ในทางตรงกันข้ามกันอาณาจัดรที่นี่มีสมุนไพรและแร่ธาตุจึงค้นพบวิธีใหม่ๆในการปรับปรุงการร่างสมุนไพรและการขุดแร่เเทนจะให้ความสำคัญเรื่องเทคโนโลยี
…
ถนนที่อยู่นอกราวโจวยังคงกว้างขวางและราบรื่น
แต่ในขณะเดินทางไกลออกไปถนนก็ไม่สม่ำเสมอและเป็นหลุมเป็นบ่อ
อย่างน้อยความสามารถในการดูดซับแรงกระแทกของสัตว์ร้ายนั้นไม่เลวร้ายนัก
ตลอดเส้นทางพวกเขาได้พบกับรถสัตว์อสูรอื่นๆ
อีกมากมายที่มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง โม่บ่อกี้
สังเกตุว่าพวกเขารู้จักกันมาก่อนแค่ไม่กี่คน
ส่วนใหญเเล้วก็ตั้งใจตั้งหน้าไปยังเส้นทางของตนเอง แม้แต่ภายในกลุ่มของ โม่บ่อกี้
ทั้งสี่คนจะพูดคุยกันในช่วงเวลาอาหารเท่านั้น ส่วนใหญ่พวกเขาจะไม่พูดคุยกับคนอื่น
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนทุกกลุ่มหยุดพักอยู่ที่ทะเลอันเเสนกว้างใหญ่
เมื่อโม่บ่อกี้และ พวกพ้องมาถึง พวกเขาเห็นภูเขามากมายอยู่ที่นี้ โม่บ่อกี้มองไปรอบๆ มีคนจำนวนหลายสิบคน อยู่ที่นี้
พาหนะสัตว์อสูรทุกชนิดก็หยุดพักอยู่ที่นี้ แม้แต่สัตว์บินบางชนิด
ไม่ต้องถามว่าสัตว์บินถูกนำมาใช้สำหรับเป็นพาหนะหรือไม่ เพราะเขาเห็นสัตว์บินขนาดใหญ่ที่บินจากระยะไกลไปยังที่กว้างโล่ง ถึงแม้ว่า โม่บ่อกี้จะอยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร เขารู้สึกถึงลมที่เกิดจากการกระพือปีกของสัตว์อสูร ด้านหลังสัตว์บินนั้นมีกระโจมทรงกลมขนาดใหญ่ ขณะที่สัตว์อสูรลงมากระโจมก็เปิดออกและมีใครบางคนออกมา
ความจริงสัตว์อสูรบินได้ถูกนำมาใช้สำหรับเป็นพาหนะและพวกมันสะดวกกว่าสัตว์อสูรที่สามารถเดินทางบนบก
แม้เเต่เครื่องบินก็ไม่สะดวกเท่าที่สัตว์อสูรบินได้เหล่านี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมคนที่นี่ไม่สนใจเครื่องจักรมากนักเมื่อมีสัตว์อสูตรบินได้เหล่านี้ใครจะไปเสียเวลากับการสร้างเครื่องบิน?
"เมื่อไร รัฐเฉิงตู
จะมีสัตว์อสูรบินได้บ้างนะถ้าเรามีมัน พวกเราก็ไม่ต้องเสียเวลาขนาดนี้หรอก" โม่บ่อกี้ ได้ยินคนบ่นจากที่ไกล ๆ
โม่บ่อกี้
ไม่จำเป็นต้องหันหน้าไปดูก็รู้ว่าใครบ่น เพราะมันเป็นเรื่องปกติของ
ท่านอ๋องน้อยแห่งแคว้นอู๋เซีย เฉาเฮ้า เฉาเฮ้า เป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรงมาก
เมื่อไรก็ตามที่เขาไม่พอใจเขาจะระเบิดอารมณ์โวยวายขึ้นมาทันที
มีครั้งหนึ่งที่เขาทะเลาะกับเจ้าครองแคว้นอีกรายหนึ่งใหญ่โตเมื่อสัตว์อสูรของเขาถูกควบคุม
"บู้เอ้อ เป็นสัตว์อสูรบินได้ มันแพงรึไม่ทำไมถึงไม่มีในรัฐเฉิงตู?" โม่บ่อกี้
กระซิบกับติงบู้เอ้อ
โม่บ่อกี้
คิดว่าสัตว์อสูรบินได้เหล่านี้ ไม่น่าจะราคาแพงนัก รัฐเฉิงตูก็ควรสามารถจ่ายบาง?
ติงบู้เอ้อ
หัวเราะ "นี่ไม่ใช่เรื่องของราคา แต่เป็นเรื่องของตัวตน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะซื้อสัตว์อสูรเหล่านี้
และ เจ้าใช้เงินซื้อไม่ได้ จากที่ข้าได้ยินมามีนิกายที่เชี่ยวชาญ
ในการเลี้ยงสัตว์บินเหล่านี้ ข้าคิดว่าชื่อของมันคือ ... "
"อย่าพูดมาก ไปหาโรงเตี้ยมไว้พักผ่อนเถอะ
เราจะอยู่ที่นี่เพื่อรอเรือ"
ฮั่นหนิงพูดขัดจังหวะขึ้นมา
ติงบู้เอ้อ
เฉาเฮ้า
กวาดตาของเขาข้าม โม่บ่อกี้ และพูดหยาบๆออกมาว่า "น้องหนิง
ความสามารถในการเพาะปลูกของเจ้าก็ไม่เลว แต่การตัดสินของเจ้าไม่ได้เรื่องจริงๆ
เจ้าเลือกขยะแบบไหนกันมาติดตามเจ้าไปที่ ฉางลู่? ฮ่าฮ่าๆ ... "
เขาได้ยินคำถามของ
โม่บ่อกี้ มาตลอดการเดินทาง แต่ โม่บ่อกี้ ไม่เคยทักทายเขาเลย
ซึ่งนั่นทำให้เขาไม่พอใจ ด้วยสถานะของเขา โม่บ่อกี้ สมควรจะมาประจบประแจงเขา
ฮั่นหนิง
ก้มหน้าลงแต่นางก็ไม่ได้โต้เถียงเขา เมื่อเห็นว่าฮันหนิงไม่กล้าโต้ตอบ เขาก็ยิงได้ใจขึ้นไปอีก "น้องหนิง ท่านพ่อท่านเเม่ของเราได้จัดให้เราอยู่ในกลุ่มเดียวกัน
บอกกับเจ้าตามตรง ข้าไม่ต้องการให้มีคนอ่อนแอเช่นนี้ในกลุ่มของข้า
ข้าค่อนข้างเป็นห่วงตัวเองช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้เป็นช่วงอันตรายที่สุดในชีวิตของข้า "
โม่บ่อกี้เขาไม่เคยทำอะไรกับชายคนนี้
แต่กลับถูกเรียกว่า “ขยะ” โดยปกติเเล้วโม่บ่อกี้
จะไม่พอใจ เเต่เขาถือว่า คำพูดอ๋องน้อยแห่งเเคว้นอู๋เซี่ย เป็นแค่การผายลมเท่านั้น
บนโลก(เดิม) โม่บ่อกี้
เป็นนักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
มันมีวิธีมากมายที่จะให้ให้คนที่มีอำนาจชื่นชอบเขา?
โม่บ่อกี้
หัวเราะออกมาเบาๆเเละพูดกับ เฉาเฮ้า ว่า "ข้าว่าท่านไม่จำเป็นต้องกังวลสิ่งใด
ต่อให้เป็นแค่เพียงกองอาจม(กองอึ)ก็ยังเป็นต้องการของหมู่แมลง
แม้ว่าท่านจะไม่ได้เข้านิกายใดๆเลย ในงานประตูอมตะฯฤดูใบไม้ผลิ
เเต่ก็ยังมีคนที่ยอมรับท่านอยู่"
///////////////////////
ไก่ในตำนาน :
ทำไมตอนนี้ถึงแปลช้า
แมวอ้วน : อ๋อ.. ก็ไป..เรียนแต่งหน้า นั่งสมาธิ ดำน้ำ ปลูกปะการัง ทำอาหาร นวดสปา ปลูกป่า ดำนา ดูนิสซิ่งอะไนแลนลี่ ตีกอฟล์ ล่องเรือ ส่องสัตว์ ช็อปปิ้ง ดูงิ้ว ดูละครเวที ดูคอนเสิร์ต ดินเนอร์ ทำขนม จัดดอกไม้ ไปเที่ยวตลาดน้ำ เรียนถ่ายรูป ดูไ... ชุมนุมเก่า เข้าสัมมนา ปลูกดอกไม้ เรียนเต้น แล้วก็ร้องเพลง มาอ่ะ
ไก่ในตำนาน : = =
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น