วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2561

บทที่ 30: ออกจาก ราวโจว


      หากชอบก็ฝากบอกต่อเพื่อนๆให้มาอ่านเป็นกำลังใจให้ผู้แปลทั้งสองคนด้วยครับ


นี้กลุ่มเฟสครับถึงตอนไวกว่าประมาณ สาม ตอนครับชวนเพื่อนๆมาเข้ากันเยอะๆนะครับจะมีโปรโมชั่นให้อ่านรัวๆกันไปเลย โปรตอนนี้ คือ หากมียอดเข้ากลุ่มถึง 200 คนภายในวันนั้น จะ อัพเพิ่ม สองตอน ไม่รวมลงประจำวัน เป็น สามตอนครับ เดียวจะมีโปรโม่ชั่นดีๆ แบบนี้ให้ได้อ่านกันเรื่อยๆครับ  

https://www.facebook.com/groups/1941675866154289


ตอนนี้ต้นฉบับจีนไปถึง 1254 เเล้ว ได้มันกันยาวๆเเน่นอน

บทที่ 30: ออกจาก ราวโจว
ไก่ในตำนาน และ แมวอ้วน แปล
ประตูตำหนักตะกูลฮั่นถูกเปิดออก มีคนนับร้อยคนออกมาเพื่อส่ง ฮั่นหนิง ออกเดินทาง ชายเเละหญิงชรายืนอยู่ข้างๆฮันหนิงและจ้องที่นาง เห็นได้ชัดว่าการเดินทางครั้งนี้ทำให้พวกเขากังวลใจกับลูกสาวของพวกเขา

ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา โม่บ่อกี้ กลัวว่าจะถูกลอบสังหารอย่างต่อเนื่องดังนั้นเขาจึงซ่อนตัวอยู่ในห้องพักเล็ก ๆ ของเขา ทำให้เขาไม่รู้เรื่องจำนวนคนที่จะตาม ฮั่นหนิง ไปเมืองหลวง เมื่อเห็นคนนับร้อยคนเดินออกไป เขาตกใจและถาม ติงบู้เอ้อ ทันทีว่า "บูเอ้อ มีคนจำนวนมากติดตาม คุณหนูฮั่นหนิงไปฉางลู่ รึ?"

ติงบู้เอ้อ หัวเราะและกระซิบเข้ามาในหูของ โม่บ่อกี้ "นอกจาก คุณหนู ก็มีพวกเราเพียงสี่คนเท่านั้น ที่จะเดินทางไปที่เมืองฉางลู่ เพราะเจ้าข้าถึงได้เดินทางไปด้วย เเละอีกสองคนคือ เผิงเหมาฮัว และ เช่าหลาน "


"น้อยไปไหม? ' โม่บ่อกี้  เริ่มรู้สึกไม่สบายใจคงยากที่จะอยู่อย่างปลอดภัยหากมีคนน้อยเช่นนี้

"ข้า ได้ยินมาว่าท่านเจ้าเมืองต้องการหาคนยี่สิบคนเพื่อติดตามคุณหนู แต่ตามกฏเเล้วผู้เข้าร่วมการชุมนุมประตูอมตะ นั้นสามารถมีผู้ติดตามได้เพียงเเค่สี่คนเท่านั้น" ติงบู้เอ้ออธิบาย

ขณะที่กลุ่มคนทั้งหมดเดินไปที่ทางออกของราวโจว โม่บ่อกี้ เริ่มเข้าใจว่าทำไมจึงมีข้อจำกัด สำหรับจำนวนคน มีฝูงชนขนาดใหญ่ที่ทางออกของราวโจวเมือง; หลายคนกำลังบอกลาพวกของตนเอง เห็นได้ชัดว่า ฮั่นหนิง ไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่เข้าร่วมในงานประตูอมตะฯ จาก ราวโจว จากที่ โม่บ่อกี้ สังเกตุเห็นมีคนประมาณยี่สิบถึง สามสิบคน

ถ้าหากรวมผู้ติดตามด้วยก็จะมีคนมากกว่าหนึ่งร้อยคน นอกจากนี้ก็มาจากรัฐเดียวเท่านั้น ยังมีรัฐอื่นใน จักรวรรดิ์ชิงฮั่น อีกถ้ารวมพวกเขาทั้งหมดจะมีกี่คนกัน? ในขั้นต้น ฮั่นเฉิงอัน กล่าวว่ารัฐ เฉิงตู สามารถส่งผู้เข้าร่วมชุมนุมสิบคนที่ไม่ได้รวมผู้เข้าร่วมจากเขตการปกครอง

บางคนเริ่มสร้างกลุ่ม หลังจากอำลาครอบครัวของพวกเขาแล้วพวกเขาก็ไปที่รถที่ถูกลากด้วยสัตว์อสูรของพวกเขา โม่บ่อกี้ เห็น ฮั่นเฉิงอัน ที่ด้านหลังกำลังเจรจากับคนสองสามคน

         
หลังจากผ่านมาระยะหนึ่ง เผิงเหมาฮัว ก็มารวมตัวกับ โม่บ่อกี้ และ ติงบู้เอ้อ แล้วกล่าวว่า "ตะกูลฮั่นของเราจะเดินทางไปกับ อ๋องน้อยแคว้นอู๋เซ๊ย เฉาเฮ้า นอกจากนี้ยังมีหลานชายของขุนนางจื่อ, จื่อ ฉางเหอ และเป็นลูกชายคนเดียวของหัวหน้าสาขาร้านค้า เหวินปู้ ภูมิภาค หยางจุ้นสง  เจ้าต้องจำไว้ว่าห้ามหาเรื่องตอแยคนพวกนี้โดยเด็ดขาดอย่าให้ข้ารู้ว่าไปหาเรื่องพวกมันล่ะ"

ติงบู้เอ้อ ตบไปที่อกของเขา "อย่ากังวลไปเลยหัวหน้าเผิง ข้าไม่ไปหาเรื่องหรอกน่า พวกเราอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ก็เหมือนเป็นพี่น้องกันนั่นละ เป็นเรื่องธรรมดาน่าที่จะต้องทำงานร่วมกัน"


เผิงเหมาฮัว พยักหน้ารับ เขาก็แค่มาเตือนอย่างนิ่มๆ ติงบู้เอ้อ นั้นเป็นคนที่รู้ดีว่าต้องทำตัวอย่างไร ในขณะเดียวกัน โม่บ่อกี้ ก็ไม่ได้เย่อหยิ่งจองหอง เหมือนที่คนอื่นๆเล่าให้ฟัง จากจากตอนที่เขามาที่ลานฝึกไม่ทัน โม่บ่อกี้ ไม่เคยละทิ้งหน้าที่จากการเฝ้าลานสวนหย่อมนั้นแม้สักครั้งเดียวเขาไม่มีทางก่อปัญหาแน่นอน?


ตอนนี้ ฮั่นหนิง ร่ำลาทุกคนเรียบร้อยแล้ว นางจึงเรียก โม่บ่อกี้และพรรคพวก เพื่อขึ้นรถ สิ่งที่ทำให้โม่บ่อกี้ สงสัยคือ ฮั่นเฉิงอัน ไม่ได้กล่าวถึงเขาเลยเเม้เเต่น้อย

ขึ้นมา แล้วเข้าไปในรถซะ เดินทางได้ติงบู้เอ้อ ดึงโม่บ่อกี้ขึ้นไป


ในขณะนั้น โม่บ่อกี้ รู้สึกขนลุกขนพอง ไปทั้งตัว เขารีบหันไปดูรอบๆ เขารุ้สึกว่ามีคนในฝูงชนหายไป เข้าไม่รุ้ว่ามีใครมาดักเล่นงานเขาหรือไม่ทำไมเขาถึงรู้สึกอึดอัด? โม่บ่อกี้ ไม่กล้าที่จะชักช้าอยุ่อีก จึงรีบวิ่งไปขึ้นรถม้าของตะกูลฮั่น


ในรถแบ่งที่นั่งออกเป็นสองส่วน ฮั่นหนิง และ เช่าหลาน อยู่ในส่วนด้านในขณะที่อีกสามคนอยู่ในส่วนด้านนอก ที่นั่งทั้งสองนี้ไม่ถือว่าเล็ก มันไม่ได้อึดอัดเลย สำหรับคนในรถทั้งห้าคน ขณะที่คนขับรถม้าตะโกนว่าย่ะ!" รถสัตว์อสูรเริ่มขยับ รถม้าจากครอบครัวอื่น ๆ อีกสามคัน ก็ออกเดินทางเช่นกัน
โม่บ่อกี้เริ่มเข้าใจขึ้นเล็กน้อยเกี่ยวกับรถสัตว์เหล่านี้ มันเหมือนกับรถม้าเพียงว่าสัตว์ที่ดึงมันมีความแข็งแรงทนทานมาเเละความสามารถในการป้องกันมากว่า


เเน่นอนว่า, รถสัตว์อสูรไม่สามารถเปรียบเทียบกับความเร็วของรถ บนท้องถนนของรัฐ เฉิงตู มันมีรถยนต์ที่คล้ายกับรถธรรมดาเเละรถประจำทางผสมกัน น่าเสียดาย ที่รถเหล่านี้สามารถใช้ได้ภายใน รัฐเฉิงตู เท่านั้นเพราะภายนอกรัฐนั้นมันไม่มีถนนใดๆ
ให้ขับออกไป

เหตุผลหลักที่ทำให้คนในโลกนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี อาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างอาณาจักรด้วยสงครามระหว่างรัฐคงที่เป็นเรื่องยากที่รัฐจะส่งนักการทูตของตนไปเจรจาการก่อสร้างถนนระหว่างรัฐ ในทางตรงกันข้ามกันอาณาจัดรที่นี่มีสมุนไพรและแร่ธาตุจึงค้นพบวิธีใหม่ๆในการปรับปรุงการร่างสมุนไพรและการขุดแร่เเทนจะให้ความสำคัญเรื่องเทคโนโลยี


ถนนที่อยู่นอกราวโจวยังคงกว้างขวางและราบรื่น แต่ในขณะเดินทางไกลออกไปถนนก็ไม่สม่ำเสมอและเป็นหลุมเป็นบ่อ อย่างน้อยความสามารถในการดูดซับแรงกระแทกของสัตว์ร้ายนั้นไม่เลวร้ายนัก

ตลอดเส้นทางพวกเขาได้พบกับรถสัตว์อสูรอื่นๆ อีกมากมายที่มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง  โม่บ่อกี้ สังเกตุว่าพวกเขารู้จักกันมาก่อนแค่ไม่กี่คน ส่วนใหญเเล้วก็ตั้งใจตั้งหน้าไปยังเส้นทางของตนเอง แม้แต่ภายในกลุ่มของ โม่บ่อกี้ ทั้งสี่คนจะพูดคุยกันในช่วงเวลาอาหารเท่านั้น ส่วนใหญ่พวกเขาจะไม่พูดคุยกับคนอื่น

หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนทุกกลุ่มหยุดพักอยู่ที่ทะเลอันเเสนกว้างใหญ่ เมื่อโม่บ่อกี้และ พวกพ้องมาถึง พวกเขาเห็นภูเขามากมายอยู่ที่นี้  โม่บ่อกี้มองไปรอบๆ มีคนจำนวนหลายสิบคน อยู่ที่นี้ พาหนะสัตว์อสูรทุกชนิดก็หยุดพักอยู่ที่นี้ แม้แต่สัตว์บินบางชนิด

         
ไม่ต้องถามว่าสัตว์บินถูกนำมาใช้สำหรับเป็นพาหนะหรือไม่ เพราะเขาเห็นสัตว์บินขนาดใหญ่ที่บินจากระยะไกลไปยังที่กว้างโล่ง ถึงแม้ว่า โม่บ่อกี้จะอยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร เขารู้สึกถึงลมที่เกิดจากการกระพือปีกของสัตว์อสูร ด้านหลังสัตว์บินนั้นมีกระโจมทรงกลมขนาดใหญ่ ขณะที่สัตว์อสูรลงมากระโจมก็เปิดออกและมีใครบางคนออกมา

ความจริงสัตว์อสูรบินได้ถูกนำมาใช้สำหรับเป็นพาหนะและพวกมันสะดวกกว่าสัตว์อสูรที่สามารถเดินทางบนบก แม้เเต่เครื่องบินก็ไม่สะดวกเท่าที่สัตว์อสูรบินได้เหล่านี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมคนที่นี่ไม่สนใจเครื่องจักรมากนักเมื่อมีสัตว์อสูตรบินได้เหล่านี้ใครจะไปเสียเวลากับการสร้างเครื่องบิน?


"เมื่อไร รัฐเฉิงตู จะมีสัตว์อสูรบินได้บ้างนะถ้าเรามีมัน พวกเราก็ไม่ต้องเสียเวลาขนาดนี้หรอก" โม่บ่อกี้ ได้ยินคนบ่นจากที่ไกล ๆ


โม่บ่อกี้ ไม่จำเป็นต้องหันหน้าไปดูก็รู้ว่าใครบ่น เพราะมันเป็นเรื่องปกติของ ท่านอ๋องน้อยแห่งแคว้นอู๋เซีย เฉาเฮ้า เฉาเฮ้า เป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรงมาก เมื่อไรก็ตามที่เขาไม่พอใจเขาจะระเบิดอารมณ์โวยวายขึ้นมาทันที มีครั้งหนึ่งที่เขาทะเลาะกับเจ้าครองแคว้นอีกรายหนึ่งใหญ่โตเมื่อสัตว์อสูรของเขาถูกควบคุม

"บู้เอ้อ เป็นสัตว์อสูรบินได้  มันแพงรึไม่ทำไมถึงไม่มีในรัฐเฉิงตู?" โม่บ่อกี้ กระซิบกับติงบู้เอ้อ

โม่บ่อกี้ คิดว่าสัตว์อสูรบินได้เหล่านี้ ไม่น่าจะราคาแพงนัก รัฐเฉิงตูก็ควรสามารถจ่ายบาง?


ติงบู้เอ้อ หัวเราะ "นี่ไม่ใช่เรื่องของราคา แต่เป็นเรื่องของตัวตน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะซื้อสัตว์อสูรเหล่านี้ และ เจ้าใช้เงินซื้อไม่ได้ จากที่ข้าได้ยินมามีนิกายที่เชี่ยวชาญ ในการเลี้ยงสัตว์บินเหล่านี้ ข้าคิดว่าชื่อของมันคือ ... "

"อย่าพูดมาก ไปหาโรงเตี้ยมไว้พักผ่อนเถอะ เราจะอยู่ที่นี่เพื่อรอเรือ" ฮั่นหนิงพูดขัดจังหวะขึ้นมา ติงบู้เอ้อ

เฉาเฮ้า กวาดตาของเขาข้าม โม่บ่อกี้ และพูดหยาบๆออกมาว่า "น้องหนิง ความสามารถในการเพาะปลูกของเจ้าก็ไม่เลว แต่การตัดสินของเจ้าไม่ได้เรื่องจริงๆ เจ้าเลือกขยะแบบไหนกันมาติดตามเจ้าไปที่ ฉางลู่? ฮ่าฮ่าๆ ... "

เขาได้ยินคำถามของ โม่บ่อกี้ มาตลอดการเดินทาง แต่ โม่บ่อกี้ ไม่เคยทักทายเขาเลย ซึ่งนั่นทำให้เขาไม่พอใจ ด้วยสถานะของเขา โม่บ่อกี้ สมควรจะมาประจบประแจงเขา


ฮั่นหนิง ก้มหน้าลงแต่นางก็ไม่ได้โต้เถียงเขา เมื่อเห็นว่าฮันหนิงไม่กล้าโต้ตอบ        เขาก็ยิงได้ใจขึ้นไปอีก "น้องหนิง ท่านพ่อท่านเเม่ของเราได้จัดให้เราอยู่ในกลุ่มเดียวกัน บอกกับเจ้าตามตรง ข้าไม่ต้องการให้มีคนอ่อนแอเช่นนี้ในกลุ่มของข้า ข้าค่อนข้างเป็นห่วงตัวเองช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้เป็นช่วงอันตรายที่สุดในชีวิตของข้า "

โม่บ่อกี้เขาไม่เคยทำอะไรกับชายคนนี้ แต่กลับถูกเรียกว่าขยะโดยปกติเเล้วโม่บ่อกี้ จะไม่พอใจ เเต่เขาถือว่า คำพูดอ๋องน้อยแห่งเเคว้นอู๋เซี่ย เป็นแค่การผายลมเท่านั้น บนโลก(เดิม) โม่บ่อกี้ เป็นนักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก มันมีวิธีมากมายที่จะให้ให้คนที่มีอำนาจชื่นชอบเขา?

โม่บ่อกี้ หัวเราะออกมาเบาๆเเละพูดกับ เฉาเฮ้า ว่า "ข้าว่าท่านไม่จำเป็นต้องกังวลสิ่งใด ต่อให้เป็นแค่เพียงกองอาจม(กองอึ)ก็ยังเป็นต้องการของหมู่แมลง แม้ว่าท่านจะไม่ได้เข้านิกายใดๆเลย ในงานประตูอมตะฯฤดูใบไม้ผลิ เเต่ก็ยังมีคนที่ยอมรับท่านอยู่"  


///////////////////////

ไก่ในตำนาน : ทำไมตอนนี้ถึงแปลช้า  

แมวอ้วน :       อ๋อ.. ก็ไป..เรียนแต่งหน้า  นั่งสมาธิ  ดำน้ำ  ปลูกปะการัง  ทำอาหาร  นวดสปา  ปลูกป่า  ดำนา  ดูนิสซิ่งอะไนแลนลี่  ตีกอฟล์  ล่องเรือ  ส่องสัตว์  ช็อปปิ้ง ดูงิ้ว  ดูละครเวที  ดูคอนเสิร์ต  ดินเนอร์  ทำขนม  จัดดอกไม้  ไปเที่ยวตลาดน้ำ  เรียนถ่ายรูป  ดูไ...  ชุมนุมเก่า  เข้าสัมมนา  ปลูกดอกไม้ เรียนเต้น  แล้วก็ร้องเพลง มาอ่ะ

ไก่ในตำนาน :   = = 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น