วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2561

บทที่ 21: มองหาเส้นทางหลบหนี


บทที่ 21: มองหาเส้นทางหลบหนี
ไก่ในตำนาน+แมวอ้วน แปล
 ปล.ตอนนี้ เรื่องตำเเหน่งขุนนาง ทั้งเก้า ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ จึงอาจต้อมีการเปลี่ยนแปลง
ในตอนนี้กำหนดให้ ฮั่นเฉิง เป็นเจ้าเมืองไปก่อน หากได้ความใช้เจนจะเปลี่ยนให้ ต่อไปครับ
ปล.ชื่ิอ พระเอก เปลี่ยนจาก โม่หวู่จิ้ เป็นโม่บ่อกี้ ครับ
 ------------
     “ท่านอ๋อง ข้าทราบซึ้งเป็นยิ่งนักสำหรับความกรุณาของท่าน เรื่องนี้ข้าเองก็รู้ดีว่า การครองเมืองนั้นยากลำบากนัก ผู้ครองเมืองต้องคิดถึงอาณาจักรก่อนสิ่งอื่นใด แต่ข้ามีส่วนแบ่งใน โรงกลั่นยาด่านฮั่น และด้วยผลกำไรจากส่วนแบ่งเหล่านี้มัน มากพอแล้ว ที่ข้าจะใช้จ่ายไปตลอดชีวิต


    ตั้งแต่ข้าหยุดกลั่นยาไป ข้าก็ไม่ได้คิดค้นยาใหม่ๆที่จะขาย แต่หลังจากนี้ข้าจะแก้ไขปรับปรุงของยาให้ดีขึ้น และข้าก็อยากที่จะลงหลักปักฐาน ในที่สงบๆเพื่อที่จะได้ทุ่มเทศึกษาการปรุงยา ข้าหวังว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้คนในรัฐนี้ได้มากยิ่งขึ้น" โม่บ่อกี้ พูดด้วยเสียงสั่นเครือ

     
ซือถูเชียน รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยกับคำพูดของ โม่บ่อกี้ ก่อนนี้ เป็นที่รู้กันว่า โม่บ่อกี้ คาดหวังและพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้สืบทอดตำแหน่งอ๋อง ดังนั้น ซือถูเชียน ไม่เชื่อว่า โม่บ่อกี้  จะรู้ตัวว่าจะถูกเขาสั่งฆ่าหากตอบตกลง ผู้ที่รู้อดีตของ โม่บ่อกี้ ก็ยังสงสัยในการตัดสินใจครั้งนี้ ลูกหลานของตระกูล โม่ จะปฏิเสธการขึ้นเป็นครองราชย์ได้อย่างไร "หากท่านสนใจในเรื่องการกลั่นยาจริงๆ ข้าอยากจะขอเชิญท่านไปศึกษาที่ โรงเรียนสอนกลั่นยาแห่งเฉิงตู" ผู้เฒ่าผมขาวที่ยืนอยู่ด้านหน้าพูด


     ปัจจุบัน โม่บ่อกี้ ไม่ใช่ โม่ชิงเหอ ที่โง่เขลา เขาเข้าใจความตั้งใจของผู้เฒ่าท่านนี้ที่ต้องการจะทำเพื่อเจ้านายและแสดงผลงานเพื่อราชอาณาจักร


     โม่บ่อกี้ ไม่ต้องการไปโรงเรียนเลย แต่เพราะมีคนต้องการฆ่าเขาถึงเขาจะสละบัลลังก์ แต่ก็ยังต้องระมัดระวังตัว


     "ข้าไม่เพียง แต่สนใจในการกลั่นยามากกว่าสิ่งอื่นใด ข้ายังสนใจในการเพาะรากฐานวิญญาณ แต่ว่า ข้ามีเพียงรากฐานมนุษย์เท่านั้น และ ข้าไม่สามารถปลูกรากฐานวิญญาณได้" โม่บ่อกี้พูด แล้วถอนหายใจ

     
คำพูดของเขาเป็นเรื่องจริงของเขา เนื่องจากไม่สามารถปลูกฝังได้เป็นความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา


     "น้องชายโม่ อีกหกเดือนข้างหน้า จักรวรรดิชิงฮั่น จะจัดการประชุม เส้นทางอมตะเส้นทางแห่งเฉิงตู มีผู้เข้าร่วมสิบคน ฮั่น เฉิงอัน จะส่งคนหนึ่ง ถ้าท่านยินดีข้าสามารถให้โอกาสท่านติดตามตระกูลฮั่น เพื่อเข้าร่วมในงาน เส้นทางอมตะเส้นทางแห่งเฉิงตู ในฐานะผู้เข้าร่วมประชุม ข้ากลัวเพียงแต่ท่านจะเห็นว่าไม่ควร เนื่องจากตระกูลของท่านล้วนแต่สูงศักดิ์


     "ข้าขอรบกวนถาม ท่านนี้คือ?" โม่บ่อกี้ ดีใจมากไม่ว่าเขาจะอยู่ในสถานะอะไร ก็ดีกว่าการอยู่ที่นี่ เพราะที่นี่อันตรายเกินไป ถ้าเขาตกลงที่จะไปที่ จักรวรรดิ์ชิงฮั่น เขาจะมีโอกาสพบกับผู้เพาะปลูกที่แท้จริงและหาโอกาสใหม่ๆ ที่สำคัญเขาสามารถออกจาก รัฐเฉิงตู ได้
     ผู้เฒ่าผมขาวรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของ โม่บ่อกี้ จึงพูดขึ้นว่า "ท่านนี้ท่านผู่ว่าการรัฐเฉินตู ท่าน ฮั่น เฉิงอัน ทำไมเจ้ายังไม่รีบขอบคุณท่านสำหรับความเมตตาในครั้งนี้ เจ้าเลิกใช้กิริยาเหมือนตนเป็นทายาทราชวงศ์ฉินตอนเหนือได้แล้ว เพราะเจ้าไม่ใช่"


     แม้ โม่บ่อกี้ จะรู้สึกไม่พอใจ แต่เขาก็รับรู้ว่าชายผิวขาวมีความปราถนาดีกับเขา


     "ที่แท้ก็คือ ท่านเจ้าเมือง ฮั่น ขอบคุุณสำหรับความเมตตาของท่าน ข้า โม่บ่อกี้ เคยได้ยินทราบชื่อเสียงของท่านมานาน ครั้งนี้ข้ายินดีอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้ติดตามของตระกูลฮั่น" โม่บ่อกี้ ตอบรับอย่างสำรวมกับ ฮั่นเฉิงอัน

     
หลังจากตอบแล้ว โม่บ่อกี้ ก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาจึงหันไปหาชายชราผมขาวแล้วถามว่า "แล้วท่านนี้คือ?"

     
ผู้เฒ่าเคราขาวเห็น โม่บ่อกี้ ยินยอมติดตามตระกูลฮั่น ก็ไม่พอใจ จึงตอบโม่บ่อกี้อย่างเย็นชาว่า "ข้าเป็นเสนาบดีชื่อ เหยาคัง"


     "ข้าไม่ยักกะเคยได้ยินเลย" โม่บ่อกี้พูด แล้วหันไปพูดกับ ซือถูเชียน ทันที "ท่านอ๋อง ข้าต้องขอขอบคุณสำหรับความกรุณาของท่าน ข้าตัดสินใจที่จะเป็นตัวแทนและขอติดตามตระกูลฮั่น"


     โม่บ่อก๊้ ไม่สนใจ เหยาคัง สักนิดเขาทำเหมือน เหยาคัง เป็นแค่ความว่างเปล่า


     "ตกลง จะเอาแบบนั้นก็แล้วแต่เจ้าว่า" ซือถูเชียน ตอบอย่างเนิบนาบ ขันทีคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างเขารู้ว่า ซือถูเชียน กำลังเบื่อจึงพูดว่า "เลิกประชุม"


     ฮั่นเฉิงอัน บอกกับ โม่บ่อกี้ว่า ว่า "ท่านควรเก็บของแล้วตามข้ากลับไปที่ บ้านตระกูลฮั่น"


     โม่บ่อกี้ตอบอย่างรวดเร็วว่า "ขอบคุณท่านผู้ว่าฯข้าจะรีบกลับไปเก็บของแล้วไปหาท่านในคืนนี้เลย"


     ฮั่นเฉิงอัน พยักหน้าแล้วพูดว่า "ขั้นตอนต่อไปเพียงแค่ลงทะเบียนชื่อของท่านเมื่อไปถึงบ้านของข้า" เมื่อพูดจบ ฮั่นเฉิงอัน ก็รีบเดินตามคนอื่นๆออกไป ไม่สนใจ โม่บ่อกี้ อีก


     โม่บ่อกี้ เร่งเดินตามคนอื่นๆออกไปทิ้ง เหยากัง ที่กำลังหงุดหงิดไว้อย่างนั้น เหยากัง ไม่เคยคิดว่าคนต้อยต่ำอย่าง โม่บ่อกี้ จะหยิ่งผยองจองหองและสร้างความอับอายให้เขาได้ขนาดนี้ ต่อหน้าเสนาบดีมากมาย โม่บ่อกี้ กลับบอกไม่เคยได้ยินชื่อเขา แต่กลับเคารพยกย่อง ฮั่นเฉิงอัน เป็นอย่างมาก ทั้งที่เขากุมอำนาจไว้ได้มากกว่าแม้จะมีตำแหน่งต่ำกว่า ฮั่นเฉิงอัน อยู่เล็กน้อยก็ตามที

     
เหยากัง จึงใช้สายตาที่เคียดแค้นเย็นชามองดู โม่บ่อกี้เดินตามกลุ่มคนออกไป





    หาก โม่บ่อกี้ ไม่ได้มีภาระบางอย่าง เขาคงรีบติดตาม ฮั่นเฉิงอัน ไปที่บ้านตระกูลฮั่นแล้ว


     เขายังคงมียาเปิดชีพจรอีกแปดขวด ซึ่งเขาต้องนำติดตัวไปด้วย ไม่ว่าพวกมันจะได้ผลหรือไม่ โม่บ่อกี้ ก็ไม่ยอมทิ้งไป ใครจะรู้หากเขาเพิ่มตัวยาบางอย่างลงไปเขาอาจจะเปิดชีพจรได้สำเร็จก็ได้


     ที่สำคัญเขายังทิ้งเหรัยญทองนับพันเหรียญไว้ที่โรงกลั่นยาด่านฮัน เหรียญทองพวกนั้นคือสิ่งที่เป็นเหมือนชีวิตของเขา อีกทั้งตั้งแต่ทำงานที่ โรงกลั่นยาด่านฮั่น เขาก็ไม่เคยกลับบ้านเลย ไม่รู้ว่าเขาจะต้องไปอาศัยที่บ้านตระกูลฮั่นานแค่ไหน เขาจึง
ต้องฉวยโอกาสนี้เพื่อกลับไปดูว่า ย่านเอ๋อ ทิ้งอะไรไว้บ้าง หลักจากที่เขามาที่โลกนี้ ย่านเอ๋อ คือคนเดียวที่เขาห่วงใยจริงๆ


     เมื่อ โม่บ่อกี้ กลับมาถึงโรงกลั่นยาด่านฮัน ที่นั่นเต็มไปด้วยบรรยากาศที่หดหู่ เมื่อ ลู่จิ่วจุน เห็น โม่บ่อกี้ เดินมา ลู่จิ่วจุน ก็ลุกขึ้นยืนเหมือนลูกโป่งที่ระเบิดออก เขาคว้าตัวโม่บ่อกี้ และถามว่า "น้องชาย โม่เรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร? เเรากำลังทุ่มเทสร้างมันแต่ท่านกลับเอามันไปแจกฟรีๆอย่างนั้นหรือ? "


     โม่บ่อกี้ พูดด้วยเสียงกร้าว "อาวุโส ลู่ หลังจากข้าได้ฟังคำพูดของ เถ้าแก่เหม่ย  จากโรงผลิตยาเฉิงหลิงแล้ว ข้าถึงรู้ว่ามีสิ่งที่สำคัญสิ่งหนึ่ง ยานี้คือการปฏิวัติมันจะต้องเป็นประโยชน์ต่อคนยากคนจนและช่วยชีวิตคนมากมาย ไม่อย่างนั้นมันก็เป็นแค่ยาของคนรวย โรงกลั่นยาด่านฮันไม่มีวันผลิตยาให้คนทั่วไปได้เพียงพอ ดังนั้นเมื่อแจกยานี้ไปจะทำให้ผู้ผลิตทั้งหลายมาแย่งกันผลิตและราคายาจะถูกลง"
     โม่บ่อกี้ ไม่ยอมบอกเหตุผลที่แท้จริงว่าเขาเปิดเผยสูตรยานี้ก็เพื่อ รักษาาชีวิต ของตัวเอง แม้ว่าลู่จิ่วจุน จะคิดถึงเรื่องนี้ได้ โม่บ่อกี้ก็ไม่มีวันบอกออกไป
 
     "
อย่างนั้นน้องโม่จะช่วยโรงกลั่นยาด่านฮั่นสร้างยาตัวใหม่ได้หรือไม่?" ด้วยประสบการณ์ ลู่จิ่นจุน รู้ว่าตอนไหนควรรุกตอนไหนควรถอย ไม่ให้แตกหัก โม่บ่อกี้ ดึงไหล่ออกจากมือของ ลู่จิ่วจุน และพูดว่า "อาวุโส ลู่ ฟังข้าให้ดี ท่านต้องขาย ยาเก้าชีพคืนชีวิตด้วยราคาที่ถูกลง แต่ให้ราคาสูงกว่าเจ้าอื่นเล็กน้อยเพื่อสร้างชื่อเสียง เมื่อชื่อเสียงของยาเก้าชีพคืนชีวิต โด่งดังไปทั่วแคว้นเฉิงตู คนที่ร่ำรวยจะซื้อจากโรงกลั่นที่พัฒนามันขึ้นเป็นที่แรก นี่เป็นผลส่วนหนึ่งของการสร้างชื่อเสียง ซึ่งขึ้นอยู่กับท่านทั้งหมดว่าจะทำได้ดีแค่ไหน การแจกสูตรยานี้ออกไปไม่ใช่เรื่องเสียหายกับโรงกลั่นยาด่านฮั่นเลย"


    ลู่จิ่วจุน นับถือ โม่บ่อกี้ จนหมดหัวใจ หลังจากที่ โม่บ่อกี้พูดจบ ลู่จิ่วจุน ก็เข้าใจได้ในทันทีว่ามันคืออะไร ทำให้เขาใจชื้นขึ้นในทันทีแล้วถามต่อไปว่า "น้องชายโม่ เราควรจะลงมือทำตอนนี้เลยหรือไม่"


    โม่บ่อกี้ หัวเราะแล้วตอบว่า "ไม่ใช่เราแต่เป็นท่านที่ต้องทำ เพราะข้าตัดสินใจที่จะยอมรับคำเชิญจากทางการของ ผู้ว่าการฮั่น เพื่อจะไปพักที่บ้านตระกูลฮั่น ข้าจึงกลับมาเพื่อรวบรวมข้าวของและส่วนแบ่งของข้า"


     โม่บ่อกี้ ไปพักที่บ้านตระกูลฮั่นในฐานะแขกผู้มีเกียรติ
"อา…." ลู่จิ่วจุน ตกใจจนอ้าปากค้างแล้วจึงถอนหายใจ "เฮ่ย.. โรงกลั่นยาด่านฮั่น นั้นเล็กเกินไปสำหรับพี่โม่จริงๆ ขอแสดงความยินดีกับท่านและขอยินดีอนาคตที่สดใสของท่าน น้องชายโม่ไม่ต้องกังวลกังวลตราบเท่าที่ โรงกลั่นยาด่านฮั่น ยังคงอยู่ ท่านจะได้รับส่วนแบ่งต่อไป "


     โม่บ่อกี้ จะได้รับส่วนแบ่งต่อไปแม้ไม่ได้ทำงานที่โรงกลั่นยาด่านฮั่นนี้แล้ว เพียงจะรักษาคำพูดประโยคนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับ ลู่จิ่วจุน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น