วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2561

บทที่ 27: ความสูญเสีย



สามารถเข้ามาพูดคุยเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ที่  

บทที่ 27: ความสูญเสีย
"เปลี้ยง!" สายฟ้าอีกหนึ่งสายฟาดลงมาอีกครั้ง  โม่บ่อกี้ บิดตัวเล็กน้อยเท่านั้นมันสามารถหลีกเลี่ยงสายฟ้าได้อย่างง่ายดาย
โม่บ่อกี้ ประหลาดใจที่เขาไม่คิดว่าเขาจะสามารถหลีกเลี่ยงสายฟ้าได้สำเร็จ

ไม่ต้องสงสัยว่าผู้บ่มเพาะพลังนั้นมีข่าวลือว่ามีพลังมาก เขายังไม่ได้บ่มเพาะพลังหรือฝึกใดๆ เขาเพียงแค่เปิดช่องทางจิตวิญญาณได้เพียงแค่หนึ่ง ช่องเท่านั้น เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มผ่อนคลายขึ้นและมีพลังขึ้นอย่างมาก คนที่ได้มีการกล่าวไว้ในตำนาน แต่คนที่เปิดมากกว่าสิบจุดชีพจรและปลูกฝังมานานหลายปีเป็นอย่างไร?

สายฟ้าที่เกลี้ยวกลาดฟาดทะลวงลงมาอีกหลายครั้ง แต่ โม่บ่อกี้ คราวนี้เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างสมบูรณ์  โม่บ่อกี้ ทำได้เยงเคลื่อนที่ไปรอบ ๆเท่านั้น

หลังจากช่วงเวลาครึ่งก้านธูปผ่านไปยังมีสายฟ้าอีกหลายสายฟาดลงมา แต่โม่บ่อกี้ ก็ออกมาจากทะเลสาบฟ้าผ่า เรียบร้อยแล้ว

โม่บ่อกี้ ยืนอยู่ข้างทะเลสาบฟ้าผ่าและถอนหายใจ มันบ่งบอกถึงว่าเขาคิดว่าเขาถูกลิขิตมาจริงๆ จากความตาย และมี ชีวิตและโชคลาภ   ใครสามารถบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป? ถ้าเขาไม่เคยมีประสบการณ์เหล่านี้เขาจะไม่พบวิธีผสมผสาน ยาและสายฟ้าเพื่อเปิดจุดชีพจรของเขา

เขาใช้ยาเปิดจุดชีพจร(ในโลกที่อยู่ตอนนี้เรียกยาเปิดช่องทางจิตวิญญาณ  // พระเอกเรียก ยาเปิดจุดชีพจร สรุปมันคืออันเดียวกัน ) ไปแล้วจำนวนแปดขวดและเสียร่างกายไปเกือบหมดเพียงแค่พยายามเปิดจุดชีพจร มันเป็นราคาที่หนักที่จะต้องจ่าย ถึงแม้ว่าโม่บ่อกี้จะเก็บไว้สองขวด  แต่เขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะใช้ความเกลี้ยวกลาดของสายฟ้าเพื่อเปิดจุดชีพจรที่สอง

โม่บ่อกี้ รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดจุดชีพจรที่สองโดยใช้วิธีการเดียวกัน ถ้าเขาไม่ระวังเขาอาจเสียชีวิตได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตามโม่บ่อกี้ไม่รู้สึกผิดหวังเพราะความสามารถในการเปิดจุดชีพจรนั้นเป็นความมหัศจรรย์อันมหึมาที่จะเริ่มต้นด้วยในชีวิตของเขา ที่สำคัญเขาจะได้เรียนรู้วิธีการเปิดจุดชีพจรอื่นๆ ถ้าจุดชีพจรคือช่องทางจิตวิญญาณ จริงๆ ละก็ความฝันของเขาในการเป็นอัจฉริยะในกาผู้บ่มเพาะพลังอาจกลายเป็นความจริงได้

โม่บ่อกี้ ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อื่นและจำได้ว่าเขายังคงอยู่ในป่า หมอกสายฟ้า ก่อนที่เขาจะเข้าสู่ทะเลสาบสายฟ้ามีสัตว์อสูรสองตัวที่ต่อสู้กันซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่

ตอนนี้สถานที่แห่งเดียวกันได้กลับกลายเป็นปกติอีกครั้งและทั้งสองสัตว์อสูรก็ไม่ได้อยู่อีกต่อไป  โม่บ่อกี้ ตัดสินใจที่จะไม่เสี่ยงชีวิตที่จะพยายามออกจากป่าในเวลากลางคืน มันอาจทำให้เขาสามารถเดินไปรอบ ๆ โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นได้ แต่อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะหลงเข้าไปในส่วนลึกสุดของป่าได้โดยไม่รู้ตัว

โม่บ่อกี้ พบต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ และเริ่มปีนขึ้นต้นไม้ มันพบช่องว่างระหว่างกิ่งไม้หนาสองกิ่ง มันใช้เสื้อที่ขาดรุ่งริ่งของมันผูกไว้เป็นปมกับต้นไม้เพื่อความปลอดภัย(กันตกจากต้นไม้)
มันไม่กล้าที่จะพักค้างคืนที่ป่าหมอกสายฟ้าเท่าไรนัก
...
 โม่บ่อกี้ หลับไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาตื่นขึ้นมีแสงโผล่ออกมาจากรอยแยกของใบไม้ที่ส่องผ่านหมอกลงมาบนร่างกายของเขา
โม่บ่อกี้ ตรวจสอบสภาพร่างกายของเขาเพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่เป็นอะไร ก่อนที่จะถอนปมจากเสื้อของมันที่จะเลื่อนลงมาจากต้นไม้ มันต้องออกจากป่าโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  ถ้าไม่ใช่เขาอาจติดอยู่ที่นี่ตลอดไป
เพียงเพราะมันโชคดีในการเปิดจุดชีพจรเมื่อคืนนี้  แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะโชคดีเสมอไป

โม่บ่อกี้ สังเกตสถานที่และสภาพแวดล้อมของทะเลสาบฟ้าผ่าอย่างชัดเจนมากขึ้น แม้ว่ามันจะสงสัยว่ามันอาจจะจะได้กลับมาอีกครั้ง แน่นอนว่ามันจะเสี่ยงชีวิตของมันกลับมาถ้าจุดชีพจรที่สองจำเป็นต้องใช้ ความเกลี้ยวกลาดของสายฟ้าผ่าทะลวงเพื่อเปิด

มีทะเลสาบฟ้าผ่ามากมายในป่าหมอกสายฟ้า แต่จะไม่ง่ายที่จะหาทะเลสาบฟ้าผ่าที่เหมาะสมซึ่งสามารถช่วยเปิดจุดชีพจรได้ของเขาได้ ถ้ามันถูกฟ้าผ่าแรงขึ้นจากทะเลสาบฟ้าผ่าอีก  ร่างของมันอาจถูกไฟไหม้เกินกว่าจะยอมรับได้

ทันใดนั้น โม่ บ่อกี้ ก็เห็นอะไรบางอย่างที่สะดุดตามากๆ มันคือ หญ้าอัคคีสองใบ?  โม่บ่อกี้รู้ได้ทันทีว่ามันคือหญ้าอัคคีสองใบเมื่อคืนนี้แล้วเขาไม่ได้สังเกตเห็น หญ้าอัคคีทั้งสองนี้อยู่ใกล้กับทะเลสาบฟ้าผ่าเลย

ใบสองใบถูกแยกจากกันโดยแกนหญ้าที่มีรูปร่างคล้ายเปลวเพลิง โครงสร้างนี้สามารถระบุได้อย่างง่ายดาย
โม่บ่อกี้ ไม่รีบเร่งที่จะหยิบหญ้าเหล่านี้ขึ้นมาเพราะมันไม่สำคัญกับเขาเท่าใดนัก สิ่งที่สำคัญของเขาตอนนี้คือการหาทางออกจากป่านี้

ตอนที่มันเดินเข้าไปในป่าตอนมืด โม่บ่อกี้ ยังคงจำทิศทางที่มันมาได้อยู่บ้าง และมันทำให้รู้สึกโล่งใจขณะที่มันพยายามนึกถึงและคาดว่ามันไม่ได้อยู่ห่างไกลจาก ชาญป่าหมอกสายฟ้ามากนัก

โม่บ่อกี้ หยิบหญ้าอัคคีสองใบขึ้นมา อย่างรวดเร็วที่สุดและวิ่งไปตามทิศทางที่จำได้ เขาเชื่อว่างูพิษทะลายใจจะไม่เดินไปรอบ ๆ บริเวณเดียวกัน พวกมันต้องมีเหตุผลที่จะเคลื่อนที่ออกมาในจำนวนที่มากเช่นนี้ แต่ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตาม มันหวังว่ามันจะไม่พบงูเหล่านี้อีก

ครึ่งชั่วโมงต่อมาความหวังของโม่บ่อกี้ค่อยๆเลือนหายไปและเริ่มกังวล ถ้ามันไม่สามารถหาทางออกได้ในอีก 10 นาทีก็หมายความว่ามันต้องหลงป่าแน่ๆ

" โม่บ่อกี้…..... " เสียง ร้องไห้เป็นคำเรียกโม่บ่อกี้  ดังออกมาจากที่ไกล ๆ(ประมาณว่าร้องไห้เป็นชื่อ โม่บ่อกี้ ไรงี้)

โม่บ่อกี้ เริ่มคิดว่ามันหูฝาดไปเอง แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงเดียวกันอีกครั้ง มันมั่นแล้วใจว่ามีใครบางคนเรียกหาเขา เขาจำเสียงร้องไห้ออกมาได้และเขาก็สามารถอธิบายได้ว่าเสียงนั้นเป็นของ บู่เอ้อ

โม่บ่อกี้ รู้สึกโล่งใจที่ว่า บู่เอ้อ นั้นไม่ได้ถูกงูพิษทะลายใจกัดตาย และยังคงตามหาเขาอยู่

โม่บ่อกี้ เดินตามทิศทางของเสียงร้องและเร่งฝีเท้าของมันขึ้นไป ภายในไม่กี่นาที โม่บ่อกี้ สามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ชัดเจนเนื่องจากหมอกไม่หนามากนัก

ขณะที่ โม่บ่อกี้ เห็นบริเวณเนินพุ่มไม้และพุ่มหญ้าต่ำๆ   มันตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกมา " ข้าอยู่ที่นี่"

ในที่สุดก็ได้พบกันสักที

หลังจากนั้นไม่นานเงาดำห้าเงาปรากฏขึ้นจากด้านหลังของพุ่มหญ้าต่ำๆ

"บ่อกี้ เจ้าปลอดภัย  ข้าก็ดีใจมาก ... แต่เจ้าจบลงในสภาพนี้ได้อย่างไรรึ?"  ติงบู่เอ้อ ไม่คิดว่า โม่บ่อกี้ จะยังมีชีวิตอยู่ได้เมื่อคืนภายในป่า

 ผมของ โม่บ่อกี้ ถูกไฟไหม้ครึ่งหนึ่งร่างของเขาเต็มไปด้วยแผลสีดำและไหล่ของเขาก็ถูกพันด้วยผ้าหนึ่งชิ้นจากคอของเขา

"บู่เอ้อ ขอบคุณมาก ข้าหลงไปในป่าและเกือบเอาชีวิตไม่รอด จนข้าได้ยินเสียงของเจ้า"  โม่บ่อกี้ ยังคงขอบคุณ บู่เอ้อ โดยไม่ได้อธิบายว่าทำไมเขาจึงถูกไฟไหม้

ติงบู่เอ้อ อธิบายอย่างรวดเร็วว่า " ข้าเพียงแค่พยายามเสียงโชคของข้าจากที่คุณหนูบอก เท่านั้น โดยการเรียกชื่อเจ้า  ข้าไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบเจ้าที่นี่ตอนนี้เลยแม้แต่น้อย   ตอนนี้เราเหลือเพียงหกในสิบสองที่เรามาที่นี่ด้วยเท่านั้น"

โม่บ่อกี้ รีบไขอบคุณพวกเขาอีกครั้ง "ขอบคุณ คุณหนูสำหรับความห่วงใยของคุณ  มิเช่นนั้นข้าอาจจะไม่สามารถมีชีวิตรอดออกมาได้"

ฮั่นหนิง ดูเหมือนจะเหน็ดเหนื่อยและนางอยู่ในชุดแดงที่ขาดรุ่งริ่ง นางจับมือของ โม่บ่อกี้ ในขณะที่เขาขอบคุณนางที่รอดจากเมื่อคืนถือเป็นโชคดีครั้งใหญ่แล้ว พวกเราพบว่าทั้ง 6 ศพที่เราสูญเสียไปเมื่อวานนี้ ไม่มีเจ้าดังนั้น ติงบู่เอ้อ ต้องการค้นหาเจ้าและโชคดีที่เราพบเจ้าแล้ว."

โม่บ่อกี้ เห็น ฮั่นหนิง  สาวใช้ของนาง ช่าวหลาน,  เผิงเมาฮัว และคนที่กำลังดูแลม้า ไคจือ รวมทั้ง ติงบู่เอ้อ และตัวเขาเองมีผู้รอด 6 คน

ในขณะนี้ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมาที่ ฮั่นหนิง นางเป็นคุณหนู ที่ตะกูลฮั่น ดังนั้นนางต้องเป็นหนึ่งในการตัดสินใจในขณะนี้
ฮันหนิงกล่าวขอโทษ "ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเราจะได้พบกับงูพิษทะลายใจ แม้แต่ที่บริเวณรอบนอกของป่าเช่นนี้  นี้อาจถูกลิขิตไม่ให้ข้าได้พบ หญ้าอัคคีสองใบ

เผิงเมาฮัว ถามด้วยความระมัดระวัง " คุณหนู, เราจะกลับไปตอนนี้หรือไม่"
ตาของ ฮั่นหนิง หล่นลงบน เผิงเมาฮัว สักพักก่อนที่จะถอนหายใจ
นางกล่าวว่า "ข้าต้องไปหาหญ้าอัคคีสองใบ ที่ชาญป่าหมอกสายฟ้า ข้าไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นอันตรายเช่นนั้น ข้าจะไม่บังคับให้พวกเจ้าอยู่กับข้าเพื่อหาหญ้าอัคคีสองใบ ผู้ใดจะออกไปก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้า "
Immortal  จอมราชันย์อัมตะ                  ผู้แต่ง: Goose Five  ผู้แปล : ไก่ในตำนาน เเละ เเมวนอ้วน
ฝากคอมเมนให้กำลังใจ ด้วยครับ จะพยายามๆแปลเเละลงให้ทุกวันครับ
x

ตอนนี้ปรับแก้ เรื่องเนื้อหาที่ยาวให้เเล้วนะครับ เนื่องจาก เราได้แปลลง blogก่อน จะมาลงในdek-d ครับ
Blog จะไวกว่าประมาณสองสามตอนครับ
 ปล.ตอนนี้ เรื่องตำเเหน่งขุนนาง ทั้งเก้า ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ จึงอาจต้อมีการเปลี่ยนแปลง นตอนนี้กำหนดให้ ฮั่นเฉิง เป็นเจ้าเมืองไปก่อน หากได้ความใช้เจนจะเปลี่ยนให้ ต่อไปครับ
 ปล.ชื่ิอ พระเอก เปลี่ยนจาก โม่หวู่จิ้ เป็นโม่บ่อกี้ ครับ (ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา)








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น