สามารถเข้ามาพูดคุยเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ที่
บทที่ 27: ความสูญเสีย
"เปลี้ยง!"
สายฟ้าอีกหนึ่งสายฟาดลงมาอีกครั้ง โม่บ่อกี้
บิดตัวเล็กน้อยเท่านั้นมันสามารถหลีกเลี่ยงสายฟ้าได้อย่างง่ายดาย
โม่บ่อกี้ ประหลาดใจที่เขาไม่คิดว่าเขาจะสามารถหลีกเลี่ยงสายฟ้าได้สำเร็จ
ไม่ต้องสงสัยว่าผู้บ่มเพาะพลังนั้นมีข่าวลือว่ามีพลังมาก
เขายังไม่ได้บ่มเพาะพลังหรือฝึกใดๆ
เขาเพียงแค่เปิดช่องทางจิตวิญญาณได้เพียงแค่หนึ่ง ช่องเท่านั้น เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มผ่อนคลายขึ้นและมีพลังขึ้นอย่างมาก
คนที่ได้มีการกล่าวไว้ในตำนาน แต่คนที่เปิดมากกว่าสิบจุดชีพจรและปลูกฝังมานานหลายปีเป็นอย่างไร?
สายฟ้าที่เกลี้ยวกลาดฟาดทะลวงลงมาอีกหลายครั้ง
แต่ โม่บ่อกี้ คราวนี้เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างสมบูรณ์ โม่บ่อกี้ ทำได้เยงเคลื่อนที่ไปรอบ ๆเท่านั้น
หลังจากช่วงเวลาครึ่งก้านธูปผ่านไปยังมีสายฟ้าอีกหลายสายฟาดลงมา
แต่โม่บ่อกี้ ก็ออกมาจากทะเลสาบฟ้าผ่า เรียบร้อยแล้ว
โม่บ่อกี้ ยืนอยู่ข้างทะเลสาบฟ้าผ่าและถอนหายใจ
มันบ่งบอกถึงว่าเขาคิดว่าเขาถูกลิขิตมาจริงๆ จากความตาย และมี ชีวิตและโชคลาภ ใครสามารถบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป? ถ้าเขาไม่เคยมีประสบการณ์เหล่านี้เขาจะไม่พบวิธีผสมผสาน
ยาและสายฟ้าเพื่อเปิดจุดชีพจรของเขา
เขาใช้ยาเปิดจุดชีพจร(ในโลกที่อยู่ตอนนี้เรียกยาเปิดช่องทางจิตวิญญาณ // พระเอกเรียก ยาเปิดจุดชีพจร สรุปมันคืออันเดียวกัน )
ไปแล้วจำนวนแปดขวดและเสียร่างกายไปเกือบหมดเพียงแค่พยายามเปิดจุดชีพจร
มันเป็นราคาที่หนักที่จะต้องจ่าย ถึงแม้ว่าโม่บ่อกี้จะเก็บไว้สองขวด แต่เขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะใช้ความเกลี้ยวกลาดของสายฟ้าเพื่อเปิดจุดชีพจรที่สอง
โม่บ่อกี้ รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดจุดชีพจรที่สองโดยใช้วิธีการเดียวกัน
ถ้าเขาไม่ระวังเขาอาจเสียชีวิตได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตามโม่บ่อกี้ไม่รู้สึกผิดหวังเพราะความสามารถในการเปิดจุดชีพจรนั้นเป็นความมหัศจรรย์อันมหึมาที่จะเริ่มต้นด้วยในชีวิตของเขา
ที่สำคัญเขาจะได้เรียนรู้วิธีการเปิดจุดชีพจรอื่นๆ ถ้าจุดชีพจรคือช่องทางจิตวิญญาณ
จริงๆ ละก็ความฝันของเขาในการเป็นอัจฉริยะในกาผู้บ่มเพาะพลังอาจกลายเป็นความจริงได้
โม่บ่อกี้ ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อื่นและจำได้ว่าเขายังคงอยู่ในป่า
หมอกสายฟ้า ก่อนที่เขาจะเข้าสู่ทะเลสาบสายฟ้ามีสัตว์อสูรสองตัวที่ต่อสู้กันซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่
ตอนนี้สถานที่แห่งเดียวกันได้กลับกลายเป็นปกติอีกครั้งและทั้งสองสัตว์อสูรก็ไม่ได้อยู่อีกต่อไป
โม่บ่อกี้ ตัดสินใจที่จะไม่เสี่ยงชีวิตที่จะพยายามออกจากป่าในเวลากลางคืน
มันอาจทำให้เขาสามารถเดินไปรอบ ๆ โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นได้ แต่อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะหลงเข้าไปในส่วนลึกสุดของป่าได้โดยไม่รู้ตัว
โม่บ่อกี้ พบต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้
ๆ และเริ่มปีนขึ้นต้นไม้ มันพบช่องว่างระหว่างกิ่งไม้หนาสองกิ่ง มันใช้เสื้อที่ขาดรุ่งริ่งของมันผูกไว้เป็นปมกับต้นไม้เพื่อความปลอดภัย(กันตกจากต้นไม้)
มันไม่กล้าที่จะพักค้างคืนที่ป่าหมอกสายฟ้าเท่าไรนัก
...
โม่บ่อกี้ หลับไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาตื่นขึ้นมีแสงโผล่ออกมาจากรอยแยกของใบไม้ที่ส่องผ่านหมอกลงมาบนร่างกายของเขา
โม่บ่อกี้ ตรวจสอบสภาพร่างกายของเขาเพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่เป็นอะไร
ก่อนที่จะถอนปมจากเสื้อของมันที่จะเลื่อนลงมาจากต้นไม้ มันต้องออกจากป่าโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถ้าไม่ใช่เขาอาจติดอยู่ที่นี่ตลอดไป
เพียงเพราะมันโชคดีในการเปิดจุดชีพจรเมื่อคืนนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะโชคดีเสมอไป
โม่บ่อกี้ สังเกตสถานที่และสภาพแวดล้อมของทะเลสาบฟ้าผ่าอย่างชัดเจนมากขึ้น
แม้ว่ามันจะสงสัยว่ามันอาจจะจะได้กลับมาอีกครั้ง แน่นอนว่ามันจะเสี่ยงชีวิตของมันกลับมาถ้าจุดชีพจรที่สองจำเป็นต้องใช้
ความเกลี้ยวกลาดของสายฟ้าผ่าทะลวงเพื่อเปิด
มีทะเลสาบฟ้าผ่ามากมายในป่าหมอกสายฟ้า
แต่จะไม่ง่ายที่จะหาทะเลสาบฟ้าผ่าที่เหมาะสมซึ่งสามารถช่วยเปิดจุดชีพจรได้ของเขาได้
ถ้ามันถูกฟ้าผ่าแรงขึ้นจากทะเลสาบฟ้าผ่าอีก
ร่างของมันอาจถูกไฟไหม้เกินกว่าจะยอมรับได้
ทันใดนั้น โม่ บ่อกี้ ก็เห็นอะไรบางอย่างที่สะดุดตามากๆ
มันคือ หญ้าอัคคีสองใบ? โม่บ่อกี้รู้ได้ทันทีว่ามันคือหญ้าอัคคีสองใบเมื่อคืนนี้แล้วเขาไม่ได้สังเกตเห็น
หญ้าอัคคีทั้งสองนี้อยู่ใกล้กับทะเลสาบฟ้าผ่าเลย
ใบสองใบถูกแยกจากกันโดยแกนหญ้าที่มีรูปร่างคล้ายเปลวเพลิง
โครงสร้างนี้สามารถระบุได้อย่างง่ายดาย
โม่บ่อกี้ ไม่รีบเร่งที่จะหยิบหญ้าเหล่านี้ขึ้นมาเพราะมันไม่สำคัญกับเขาเท่าใดนัก
สิ่งที่สำคัญของเขาตอนนี้คือการหาทางออกจากป่านี้
ตอนที่มันเดินเข้าไปในป่าตอนมืด
โม่บ่อกี้ ยังคงจำทิศทางที่มันมาได้อยู่บ้าง และมันทำให้รู้สึกโล่งใจขณะที่มันพยายามนึกถึงและคาดว่ามันไม่ได้อยู่ห่างไกลจาก
ชาญป่าหมอกสายฟ้ามากนัก
โม่บ่อกี้ หยิบหญ้าอัคคีสองใบขึ้นมา
อย่างรวดเร็วที่สุดและวิ่งไปตามทิศทางที่จำได้ เขาเชื่อว่างูพิษทะลายใจจะไม่เดินไปรอบ
ๆ บริเวณเดียวกัน พวกมันต้องมีเหตุผลที่จะเคลื่อนที่ออกมาในจำนวนที่มากเช่นนี้
แต่ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตาม มันหวังว่ามันจะไม่พบงูเหล่านี้อีก
ครึ่งชั่วโมงต่อมาความหวังของโม่บ่อกี้ค่อยๆเลือนหายไปและเริ่มกังวล
ถ้ามันไม่สามารถหาทางออกได้ในอีก 10 นาทีก็หมายความว่ามันต้องหลงป่าแน่ๆ
" โม่บ่อกี้….....
" เสียง ร้องไห้เป็นคำเรียกโม่บ่อกี้ ดังออกมาจากที่ไกล ๆ(ประมาณว่าร้องไห้เป็นชื่อ
โม่บ่อกี้ ไรงี้)
โม่บ่อกี้ เริ่มคิดว่ามันหูฝาดไปเอง แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงเดียวกันอีกครั้ง
มันมั่นแล้วใจว่ามีใครบางคนเรียกหาเขา
เขาจำเสียงร้องไห้ออกมาได้และเขาก็สามารถอธิบายได้ว่าเสียงนั้นเป็นของ บู่เอ้อ
โม่บ่อกี้ รู้สึกโล่งใจที่ว่า
บู่เอ้อ นั้นไม่ได้ถูกงูพิษทะลายใจกัดตาย และยังคงตามหาเขาอยู่
โม่บ่อกี้ เดินตามทิศทางของเสียงร้องและเร่งฝีเท้าของมันขึ้นไป
ภายในไม่กี่นาที โม่บ่อกี้ สามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ชัดเจนเนื่องจากหมอกไม่หนามากนัก
ขณะที่ โม่บ่อกี้ เห็นบริเวณเนินพุ่มไม้และพุ่มหญ้าต่ำๆ มันตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกมา " ข้าอยู่ที่นี่"
ในที่สุดก็ได้พบกันสักที
หลังจากนั้นไม่นานเงาดำห้าเงาปรากฏขึ้นจากด้านหลังของพุ่มหญ้าต่ำๆ
"บ่อกี้
เจ้าปลอดภัย ข้าก็ดีใจมาก ... แต่เจ้าจบลงในสภาพนี้ได้อย่างไรรึ?"
ติงบู่เอ้อ ไม่คิดว่า โม่บ่อกี้
จะยังมีชีวิตอยู่ได้เมื่อคืนภายในป่า
ผมของ โม่บ่อกี้ ถูกไฟไหม้ครึ่งหนึ่งร่างของเขาเต็มไปด้วยแผลสีดำและไหล่ของเขาก็ถูกพันด้วยผ้าหนึ่งชิ้นจากคอของเขา
"บู่เอ้อ
ขอบคุณมาก ข้าหลงไปในป่าและเกือบเอาชีวิตไม่รอด จนข้าได้ยินเสียงของเจ้า"
โม่บ่อกี้ ยังคงขอบคุณ บู่เอ้อ
โดยไม่ได้อธิบายว่าทำไมเขาจึงถูกไฟไหม้
ติงบู่เอ้อ อธิบายอย่างรวดเร็วว่า " ข้าเพียงแค่พยายามเสียงโชคของข้าจากที่คุณหนูบอก
เท่านั้น โดยการเรียกชื่อเจ้า ข้าไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบเจ้าที่นี่ตอนนี้เลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เราเหลือเพียงหกในสิบสองที่เรามาที่นี่ด้วยเท่านั้น"
โม่บ่อกี้ รีบไขอบคุณพวกเขาอีกครั้ง "ขอบคุณ คุณหนูสำหรับความห่วงใยของคุณ มิเช่นนั้นข้าอาจจะไม่สามารถมีชีวิตรอดออกมาได้"
ฮั่นหนิง ดูเหมือนจะเหน็ดเหนื่อยและนางอยู่ในชุดแดงที่ขาดรุ่งริ่ง
นางจับมือของ โม่บ่อกี้ ในขณะที่เขาขอบคุณนาง “ที่รอดจากเมื่อคืนถือเป็นโชคดีครั้งใหญ่แล้ว พวกเราพบว่าทั้ง
6 ศพที่เราสูญเสียไปเมื่อวานนี้ ไม่มีเจ้าดังนั้น ติงบู่เอ้อ
ต้องการค้นหาเจ้าและโชคดีที่เราพบเจ้าแล้ว."
โม่บ่อกี้ เห็น ฮั่นหนิง สาวใช้ของนาง ช่าวหลาน, เผิงเมาฮัว และคนที่กำลังดูแลม้า ไคจือ รวมทั้ง ติงบู่เอ้อ และตัวเขาเองมีผู้รอด
6 คน
ในขณะนี้ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมาที่
ฮั่นหนิง นางเป็นคุณหนู ที่ตะกูลฮั่น ดังนั้นนางต้องเป็นหนึ่งในการตัดสินใจในขณะนี้
ฮันหนิงกล่าวขอโทษ "ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเราจะได้พบกับงูพิษทะลายใจ
แม้แต่ที่บริเวณรอบนอกของป่าเช่นนี้
นี้อาจถูกลิขิตไม่ให้ข้าได้พบ
หญ้าอัคคีสองใบ
เผิงเมาฮัว ถามด้วยความระมัดระวัง " คุณหนู, เราจะกลับไปตอนนี้หรือไม่"
ตาของ ฮั่นหนิง หล่นลงบน เผิงเมาฮัว
สักพักก่อนที่จะถอนหายใจ
นางกล่าวว่า "ข้าต้องไปหาหญ้าอัคคีสองใบ
ที่ชาญป่าหมอกสายฟ้า ข้าไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นอันตรายเช่นนั้น ข้าจะไม่บังคับให้พวกเจ้าอยู่กับข้าเพื่อหาหญ้าอัคคีสองใบ
ผู้ใดจะออกไปก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้า "
Immortal จอมราชันย์อัมตะ ผู้แต่ง: Goose Five ผู้แปล : ไก่ในตำนาน เเละ เเมวนอ้วน
ฝากคอมเมนให้กำลังใจ ด้วยครับ จะพยายามๆแปลเเละลงให้ทุกวันครับ
x
ฝากคอมเมนให้กำลังใจ ด้วยครับ จะพยายามๆแปลเเละลงให้ทุกวันครับ
x
ตอนนี้ปรับแก้
เรื่องเนื้อหาที่ยาวให้เเล้วนะครับ เนื่องจาก เราได้แปลลง blogก่อน จะมาลงในdek-d ครับ
Blog จะไวกว่าประมาณสองสามตอนครับ
ปล.ตอนนี้ เรื่องตำเเหน่งขุนนาง ทั้งเก้า ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่
จึงอาจต้อมีการเปลี่ยนแปลง นตอนนี้กำหนดให้ ฮั่นเฉิง
เป็นเจ้าเมืองไปก่อน หากได้ความใช้เจนจะเปลี่ยนให้ ต่อไปครับ
ปล.ชื่ิอ พระเอก เปลี่ยนจาก โม่หวู่จิ้ เป็นโม่บ่อกี้ ครับ
(ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น