วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561

บทที่ 29: ความรอบคอบ


บทที่ 29: ความรอบคอบ

หากชอบก็ฝากบอกต่อเพื่อนๆให้มาอ่านเป็นกำลังใจให้ผู้แปลทั้งสองคนด้วยครับ


นี้กลุ่มเฟสครับถึงตอนไวกว่าประมาณ สาม ตอนครับ


ชวนเพื่อนๆมาเข้ากันเยอะๆนะครับจะมีโปรโมชั่นให้อ่านรัวๆกันไปเลย

โปรตอนนี้ คือ หากมียอดเข้ากลุ่มถึง 200 คนภายในวันนั้น จะ อัพเพิ่ม สองตอน ไม่รวมลงประจำวัน เป็น สามตอนครับ เดียวจะมีโปรโม่ชั่นดีๆ แบบนี้ให้ได้อ่านกันเรื่อยๆครับ  


https://www.facebook.com/groups/1941675866154289/


ไก่ในตำนานและแมวอ้วน แปล
"ท่านเจ้าเมืองโปรดพูดมาขอเพียงไม่เหนือบ่ากว่าแรงของข้า ข้าไม่มีทางปฏิเสธ"  โม่บ่อกี้ ประสานมือตอบ


โม่บ่อกี้ มั่นใจว่า ฮั่นเฉิงอัน ไม่ได้โกหกเรื่องที่เขาบอกว่าเขาช่วย โม่บ่อกี้ไว้ เขาอาจจะทำอย่างนั้นจริงๆ  ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับ ฮั่นเฉิงอัน เเต่กลับเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขา
         
         
ฮั่นเฉิงอัน พอใจกับคำพูดของ โม่บ่อกี้ จึงกล่าวว่า " บ่อกี้  คำพูดของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกโล่งใจขึ้นมาก ภายในเวลาไม่ถึงเดือน ผู้คนมากมายจากหลายลัทธิหรือนิกาย ต่างเดินทางไปที่ นครหลวงฉางหลุง แห่งราชอาณาจักรชิงฮั่น เพื่อจัดงาน ประตูอมตะฯ เจ้าเคยพูดคุยกับ ฮั่นหนิง มาก่อนแล้วเจ้าก็คงรู้จักนางบ้างแล้ว นางเป็นคนที่ดูออกได้ไม่ยาก แล้วนางก็ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่นักจากเท่าที่นางแสดงออกมา เจ้าสามารถดูแลตัวเองได้ หลังจากที่เผชิญปัญหาจนเจ้าสร้างยาเก้าชีพคืนชีวิตขึ้นมาได้ ทั้งความสามารถเเละประสบการณ์ของเจ้า จะใช้ในการจัดการกับเรื่องต่างๆได้ดีกว่านางอย่างแน่นอน ข้าต้องการให้เจ้าอยู่เคียงข้าง ฮั่นหนิง ก่อนที่นางจะเลือกเข้านิกายใด ข้าหวังว่าเจ้าจะดูแลนางได้"   

         
โม่บ่อกี้ ตอบด้วยเสียงจริงจัง อาวุโส โปรดวางใจตราบเท่าที่มีข้าอยู่ ข้าสัญญาจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อคุณหนู ฮั่นหนิง
         
ฮั่นเฉิงอัน หยิบ ปิ่นหยก ออกมาแล้วส่งให้ โม่บ่อกี้ "ถ้าเจ้าพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ ให้เจ้านำปิ่นหยกนี้ไปยัง ตะกูลยู่ ในเมือง ฉางหลุง และหา ยู่ข่านหยิงได้ "      

"ทำไมอาวุโสถึงไม่มอบปิ่นหยกนี้ให้ไว้กับคุณหนู ฮั่นหนิง เล่า?" โม่บ่อกี้ถามอย่างสงสัย


ฮันเฉิงก็ส่ายศีรษะเบาและไม่ได้ตอบโม่บ่อกี้

โม่บ่อกี้ ไม่ใช่คนชอบยุ่งกับความลับของคนอื่น เมื่อเห็นว่า ฮั่นเฉิงอัน ไม่ต้องการจะตอบ เขาก็เก็บปิ่นหยกไว้อย่างระมัดระวัง


ฮั่นเฉิงอัน พอใจกับท่าทางของ โม่บ่อกี้ มาก เขาจึงยกชามาจิบแล้วพูดว่า "
ข้าได้ยินมาว่าเจ้าชอบชา ต่อไปข้าจะให้คนส่งใบชาดีๆมาให้


โม่บ่อกี้ หัวเราะเเล้วกล่าวว่า " ข้าขอขอบคุณอย่างยิ่งผู้อาวุโส  เนื่องจากข้านั้นไร้ประสบการณ์มากนักจึงมีบางสิ่งบางอย่างที่ข้าต้องการถามผู้อาวุโส ได้รึไม่"

ใบชามันก็แค่ของเล็กๆน้อยๆ ไม่ได้มีค่ามากมายอะไรเลย เมื่อเปรียบเทียบกับ ผู้อาวุโส  ที่ผ่านโลกมามาก ดังนั้น โม่บ่อกี้ จึงไม่ยอมลดราวาศอกเลย

"ฮ่าฮ่า ... ถ้าสงสัยก็ถามมาเถอะ" ฮั่นเฉิงอัน ตอบ
"ข้าได้ยินมาว่าจักรวรรดิ ชิงฮั่น ไม่ใช่จักรวรรดิเพียงแห่งเดียวเท่านั้นยังมีอาณาจักรอื่นอยู่ใช่รึไม่?" โม่บ่อกี้อยากรู้เรื่องนี้อยู่เสมอ แต่ก็ไม่มีใครที่จะถามได้อย่างเหมาะสมเช่น ฮั่น เฉิงอัน ที่มีความรู้เป็นอย่างดีและเขาเป็น เจ้าเมือง เขาควรจะรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

"จากที่ข้ารู้มีจักรวรรดิใหญ่ห้าแห่ง ได้แก่ จักรวรรดิเทียนเฉิง,จักรวรรดิซีโจว, จักรวรรดิก้านหยาง, จักรวรรดิชิงฮั่น และ จักรวรรดิหมิงฮั่น ทั้งห้าแห่งนี้ได้รับการปกป้องโดย ห้านิกายใหญ่  นิกายที่คอยปกป้องจักรวรรดิ ชิงฮั่น คือ วิหารสวรรค์ ในงานชุมนุมประตูอมตะ ที่จะถึงนี้ผู้อาวุโสจากตำหนักสวรรค์ จะเดินทางไปที่ ฉางลาว ข้าไม่ขออะไรมากสำหรับ ฮั่นหนิง ถ้านางสามารถเข้าสู่นิกายระดับปฐพีได้ ข้าจะพอใจมาก "

          "
ท่านผู้อาวุโส นิกายระดับปฐพี คืออะไร นอกจากนี้ วิหารสวรรค์ ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในจักรวรรดิ ชิงฮั่น คืออะไร?" โม่บ่อกี้ ไม่เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้มาก่อนจึงรีบถามอย่างรวดเร็ว


"เป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าจะไม่รู้เรื่องเหล่านี้ คนมากมายก็ไม่รู้เรื่องราวในอดีตพวกนี้เพราะพวกเราเป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดา นิกายในจักรวรรดิใหญ่ทั้งห้า ถูกจัดอยู่ในสามระดับ ต่ำสุดคือ นิกายระดับบาดาล ถัดไปคือ นิกายระดับปฐพี ในจักรวรรดิ ชิงฮั่น นิกายที่แข็งแกร่งอยู่ในระดับกึ่งสวรรค์และนั่นคือ วิหารสวรรค์ฮั่นเฉิงอัน คุพูดที่ยืดยาวนี้ แสดงออกถึงความปราถนาของเขา แม้เขาจะเป็นเจ้าเมือง แต่เขาก็ยังใฝ่ฝันถึงเรื่องราวเหล่านี้

         
โม่บ่อกี้ ยังถามต่อว่า "เมื่อมีนิกายระดับกึ่งสวรรค์ ก็ต้องมี นิกายระดับสวรรค์ทำไมนายท่านจึงไม่พูดถึงเล่า?"

         
ฮั่นเฉิงกาน สั่นหัว "ข้ายังไม่มั่นใจในเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ข้าเคยอยากรู้เรื่องนี้จริงๆ จากสิ่งที่ข้ารู้ไม่ใช่แค่ จักรวรรดิชิงฮั่น ที่ไม่มีนิกายระดับสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุด นิกายในจักรวรรดิอื่นๆ นอกจากนี้ก็มีเพียงระดับกึ่งสวรรค์"


"วิหารสวรรค์เป็น นิกายระดับกึ่งสวรรค์ เพียงนิกายเดียวใน จักรวรรดิชิงฮั่น?"


"ไม่น่าใช่ ข้าเคยได้ยินคนบอกว่ามีนิกายระดับกึ่งสวรรค์อีกนิกายหนึ่งในจักรวรรดิชิงฮั่น แต่ข้าก็เป็นแค่เจ้าเมือง ข้าก็ไม่ได้รู็เรื่องอะไรพวกนี้นักหรอก"


โมบ่อกี้ และ ฮันเฉิงอัน ยังคุยกันต่ออีกสองถึงสามชั่วโมง โม่บ่อกี้ จึงส่ง ฮั่นเฉฺงอัน กลับไป ตอนนี้ โม่บ่อกี้ ก็มีเค้าโครงคร่าวๆของทั้งห้าอาณาจักรคร่าวๆในหัวแล้ว


หลังจากที่คุยกันผ่านๆ กับ โม่บ่อกี้ ครึ่งค่อนวัน ฮั่นเฉิงกาน ก็วางใจ โม่บ่อกี้ มากขึ้น ตลอดการสนทนา โม่บ่อกี้ ไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับ รัฐฉินทางตอนเหนือเลย เขาจึงมั่นใจว่า โม่บ่อกี้ไม่ใช่คนละโมบ


โม่บ่อกี้ ดูเหมือนไม่ได้คิดจะถาม ฮั่นเฉิงอัน เกี่ยวกับเรื่องที่โดนชิงบัลลังก์ของรัฐฉินทางตอนเหนือไป ไม่แค่นั้นเขายังไม่ถามถึงการหายตัวไปของ โม่เทียนเฉิง ด้วยซ้ำไป และไม่ถามถึงเรื่องที่ กวางหยวน ไม่สามารถขึ้นปกครองราชวงศ์ฉินทางตอนเหนือด้วยซ้ำไป
         
นี่ไม่ใช่เพราะ โม่บ่อกี้ เย็นชาจนไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เป็นเพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันธ์ถึงอ๋องของแคว้นเสฉวน ซือถูเชียน ซือถูเชียนอาจจะเคยคิดร้ายกับตระกูลโม่ คำพูดของ ฮั่นเฉิงกาน ที่ช่วยชีวิตเขาไว้ไม่ได้มีความหมายนัก ถึงแม้ว่า โม่บ่อกี้ จะจำความเมตตาในครั้งนี้ แต่เขาก็ไม่มีวันไว้ใจ ฮั่นเฉิงกาน


โม่บ่อกี้ มั่นใจว่า หากเกิดอะไรขึ้น ฮั่นหนิง จะช่วยเหลือเขา แต่ว่า ถ้าให้ ฮั่นเฉิงอัน เลือกระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องของรัฐ ฮั่นเฉิงอัน จะเลือกรัฐโดยไม่ต้องสงสัย ดังนั้นไม่มีใครรับรองได้ว่าเรื่องที่คุยกัน จะไม่ไปถึงหูของ ซือถูเชียน เพราะ ฮั่นเฉิงอัน หรือไม่?

         
ก่อนหน้านี้ ซือถูเชียน ไม่ฆ่า โม่บ่อกี้ ก็เพื่อรักษาชื่อเสียงของตัวเอง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าวันข้างหน้า ซือถูเชียน จะไม่ฆ่าเขา ถ้าเขาอยากจะทำ เขาอาจจะออกคำสั่งมาแบบไม่เป็นทางการโดยยกเหตุผลอะไรก็ได้เพื่อหาเรื่องฆ่า โม่บ่อกี้ ดังนั้น โม่บ่อกี้ ไม่อาจเสี่ยงให้เกิดอะไรขึ้นได้


นอกจากนี้โม่บ่อกี้ ยังอยากรู้อีกว่าใครเป็นคนวางยาเขา และเขาจะยังรอดูว่าสุดท้ายใครจะได้เป็นผู้ครองรัฐฉินทางตอนเหนือ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ถามเรื่องที่เขาอยากรู้

         


โม่บ่อกี้ ไม่เคยพบกับ ฮั่นหนิงอีกเลย นับตั้งแต่กลับจากการหาหญ้าอัคคีสองใบที่ป่าหมอกสายฟ้า
โม่บ่อกี้ รุ้สึกหดหู่ใจมาก เขาจึงไปที่ตัวเมืองราวโจวเพื่อซื้อเครื่องมือเขาได้  ติงบู้เอ้อ ก็เขาซื้อส่วนผสมสมุนไพรบางอย่างและเขาก็กลับไปวุ่นวายกับการแก้ปัญหาการเปิดชีพจร


หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน โม่บ่อกี้ ได้สร้างยาเปิดชีพจรครบ 30 ขวด โม่บ่อกี้กังวลว่าเขาอาจจะโดนลอบทำร้ายอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงหยุดการผลิตของเขาไว้ในระดับที่เขาสามารถพกพา เคลื่อนที่ไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และไม่นานนี้ก็จะถึงเวลาที่จะออกจากเมืองราวโจวแล้ว ติงบู้เอ้อ จึงแวะมาเยี่ยมบ่อกี้ เจ้าจะออกจากราวโจว ในสองวันเจ้าอยากจะออกไปซื้ออะไรไหม?"


เนื่องจากเหตุการณ์ที่ ป่าหมอกสายฟ้า ติงบู้เอ้อ กลายเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของ บ่อกี้ ในตำหนักตระกูลฮั่น


"ไม่ต้องหรอกข้าจะพกเหรียญทองไปด้วย" โม่บ่อกี้ ไม่ต้องการที่จะออกจากตำหนักตระกูลฮั่น

         
จากการที่เป็นคนของตระกูลโม่ ซึ่งเกี่ยวพันธ์กับบัลลังก์รัฐฉินทางตอนเหนือทำให้มีคนอยากจะวางยาพิษฆ่าเขา และเขาก็ลงเอยด้วยการถูก ซือถูเชียน หมายหัวไว้ ดังนั้นเขาไม่อยากให้ใครจำได้ว่า ในตอนนี้ยังมีคนของราชวงศ์ฉินทางตอนเหนืออยู่ที่เมืองนี้ นี่เป็นที่ที่ดีที่สุดท่าเขาจะค่อยๆถอนตัวออกจากเมืองราวโจว ศูนย์กลางของเฉิงตูที่แสนอันตราย


"เจ้าไม่กลัวจะเบื่อตายบ้างรึไง อะไรก็ได้น่าถ้าเจ้าอยากได้ข้าจะหามาให้" ติงบู้เอ้อ บอง โม่บ่อกี้ นั่งอยู่ในห้องอย่างเบื่อๆ


"ไม่ต้องหรอกไว้ได้เวลาเดินทางค่อยมาเรียกข้าก็แล้วกัน" โม่บ่อกี้ ทำท่าโบกมือให้ ติงบู้เอ้อ โม่บ่อกี้ เตรียบมทุกอย่างพร้อมแล้ว การนำสำภาระไปมากเกินไปรังแต่จะเป็นภาระเปล่าๆ


รุ้งเช้าวัของสองวันให้หลัง ติงบู้เอ้อ กลับมาที่ห้องพักของ โม่บ่อกี้ และบอกว่า คุณหนูเตรียมตัวพร้อมแล้ว ออกเดินทางกันได้ทันที

Immortal  จอมราชันย์อัมตะ


                 ผู้แต่ง: Goose Five  ผู้แปล : ไก่ในตำนาน เเละ เเมวนอ้วน


ตอนนี้ปรับแก้ เรื่องเนื้อหาที่ยาวให้เเล้วนะครับ เนื่องจาก เราได้แปลลง blogก่อน จะมาลงในdek-d ครับ

ฝากคอมเมนให้กำลังใจ ด้วยครับ จะพยายามๆแปลเเละลงให้ทุกวันครับ
สามารถเข้ามาพูดคุยเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ที่  




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น