วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

บทที่ 57: เพื่อนกันตลอดไป


บทที่ 57: เพื่อนกันตลอดไป
เดอะแพนด้าทีม ไก่(ย่าง)ในตำปู และ แมวอิ่ม แปล

ผู้ดูแลร้านรีบนำชุดอุปกรณ์การกลั่นยามาให้อย่างรวดเร็ว โม่บ่อกี้ เคยเห็นอุปกรณ์ดังกล่าวมานับไม่ถ้วน ในโลกเดิมเขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุดในโลก

เมื่อได้เห็นชุดกลั่นยาเขียวชั่วนิรันดร์โม่บ่อกี้บอกได้ทันที่ว่า มันกว้าหน้ากว่าอุปกรณ์ที่คร่ำครึใน เฉิงตู ถึงแม้จะมีคุณสมบัติไม่เหมือนกันกับโลกเดิม แต่ โม่บ่อกี้ ก็รู้สึกได้ว่ามันเหมาะกับการ ใช้กลั่นยามากขึ้น

ชุดกลั่นยาเขียวชั่วนิรันดร์ของท่านมาแล้วก็ดูดีอยู่นะ" เฉินเหลียน พูดด้วยเสียงไม่พอใจ

มันคงเป็นเรื่องดีถ้า โม่บ่อกี้ เป็นคนที่ร่ำรวยมหาศาล แต่นางรู้ดีว่า โม่บ่อกี้ ไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น ไม่ใช่แค่ไม่ร่ำรวย แต่ยังเลือกพักในห้องชุดที่มีราคาถึง หนึ่งเหมื่นเหรียญทองด่อเดือน และยังใช้เงินอีก สามแสนเจ็ดหมื่นเหรียญทอง เพื่อซื้อหาชุดกลั่นยาที่ไร้ค่านี้ นี่มันตลกร้ายชัดๆ

นางไม่เชื่อว่า โม่บ่อกี้ จะกลั่นยาได้สำเร็จไม่ว่าจะเป็นยาน้ำหรือยาเม็ด เพราะไม่ใช่ใครๆก็จะกลั่นยาได้ เพราะการกลั่นยาต้องมีทั้งความรู้ที่จำเป็นและความสามารถที่เป็นยอด

โม่บ่อกี้ ตรวจดูอุปกรณ์ของเขาอย่างละเอียดแล้วพูดออกมาว่า "ข้ามีตำราเซียนมนุษย์อยู่แล้ว ข้าควรจะเรียกเจ้านี่ว่า ชุดกลั่นยาพื้นฐาน ถ้าไม่อย่างนั้นเดี๋ยวพวกมันจะอิจฉากัน"

เฉินเหลียน เกือบจะหัวเราะออกมาดังๆเมื่อได้ยินว่า อุปกรณ์การกลั่นยากับคู่มือพื้นฐานการเพาะปลูก(ตำราเซียนมนุษย์)จะอิจฉากัน

"ศิษพี่หญิงเฉินเหลียน ท่านช่วยข้าเอาเจ้าอุปกรณ์นี้กลับไปที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ข้ายังต้องไปหาส่วนผสมอีกหลายอย่าง

โม่บ่อกี้ สังเกตเห็น เฉินเหลียน แสดงสีหน้าไม่พอใจเขาจึงไม่พูดต่อ แต่กลับหยิบตั๋วและเงิน หนึ่งพันเหรียญทองออกมาหนึ่งใบแล้วพูดว่า "ถ้าข้ากลับมา ศิษพี่หญิงช่วยสั่งอาหารอร่อยๆให้ข้าที แล้วท่านก็ทานก่อนไได้เลยไม่ต้องรอข้า"

เฉินเหลียน ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้ออาหารอยู่แล้ว เมื่อ โม่บ่อกี้ เอาตั๋วแลกเงินออกมานางจึงรีบคว้ามันไว้ เหตุผลที่นางตามติม โม่บ่อกี้ ก็เพื่อหาโอกาสที่จะยืมเงินจากเขา นางย่อมไม่อาจรอคอยและติดตามเขาไปทานอาหารได้ทุกมื้อ

ดังนั้นหนึ่งพันเหรียญทองก็พอที่จะทำให้นางอยู่ได้อีกนาน

หลังจากส่ง เฉินเหลียน ไปแล้ว โม่บ่อกี้ จึงเริ่มออกสำรวจและหาซื้อวัตถุดิบ

ฉางลู่ เป็นราชอาณาจักรของจักรวรรดิ ชิงฮั่น ตราบเท่าที่ท่านมีเงินไม่มีอะไรที่ท่านไม่สามารถซื้อได้ใน ฉางลู่

วันต่อมา โม่บ่อกี้ จึงกลับถึงโรงเตี๊ยมนภาลัย พร้อมด้วยถุงขนาดใหญ่ เขาซื้อส่วนผสมของยามากพอที่จะผลิตน้ำยาเปิดจุดชีพจรได้ถึงห้าสิบชุด

ส่วนผสมที่เขาต้องการราคาไม่สูงนักดังนั้นเขาจึงซื้อให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตัวอย่างเช่น เห็ดหลิงฉี เขาพก็ยายามที่จะซื้อที่อายุมากกว่า สองร้อยปีปีขึ้นไป

เห็ดหลิงฉี ที่อายุน้อยกว่าหนึ่งพันปี จะไม่ถือว่าเป็นส่วนประกอบทางจิตวิญญาณ นอกจากนี้ เห็ดหลิงฉีพันปี ยังถูกจัดเกรดเป็นส่วนประกอบทางจิตวิญญาณระดับต่ำ และมีราคาไม่แพงมากนัก

นอกจากนี้ เขายังเหมาซื้ออาหารแห้งมากองเบ้อเร่อ สิ่งเลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่กำลังกลั่นยา คือการถูกขัดจังหวะและการหยุดชะงักในการกลั่นเนื่องจากมันต้องใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าที่เขาจะออกจากห้องได้

เมื่อเขากลับไข้าไปที่ห้อง เขาไม่พบกับเฉินเหลียน แต่เฉินเหลียนได้วางอุปกรณ์ของเขาไว้ในห้องนั่งเล่น

โม่บ่อกี้ ไม่ได้สนใจอะไรกับเฉินเหลียนมากมายนัก เขารุ้แค่ว่านางต้องมีชาติกำเนิดที่สูงส่งแน่นอน เป็นธรรมดาที่ โม่บ่อกี้ จะไม่ใส่ใจกับสิ่งที่นางคิดจะทำหรือกำลังทำ


เมื่อกลับเข้าห้อง โม่บ่อกี้ ก็เริ่มผสมยาเปิดจุดชีพจรทันที

โม่บ่อกี้ ทดลองสร้างยาเปิดจุดชีพจรเเล้วสิบขวด ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ

เป็นเวลาหลายวันที่ โม่บ่อกี้ ไม่ได้ออกจากห้องของเขา เฉินเหลียน ได้กลิ่นสมุนไพรลอดออกมาจากห้องของ โม่บ่อกี้ และรุ้ว่าเขากำลังกลั่นยาอยู่ จากการที่นางเป็นผู้ฝุกฝนนางจึงรู้ดีว่ามีข้อห้ามในการรบกวนผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นระหว่างการฝึกฝนหรือขณะกลั่นยา นอกจากนี้นางเองก็ยังไม่สนิทสนมกับ โม่บ่อกี้ นักดังนั้นนางจึงไม่ค่อยสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดคืนในห้องของ โม่บ่อกี้

ทุกๆสามวัน โม่บ่อกี้ จะหยุดพักและออกไปเดินเล่นเพื่อผ่อนคลาย ก่อนกลับไปกลั่นยาต่อ ด้วยกิจวัตรเช่นนี้ โม่บ่อกี้ จึงใช้เวลาประมาณ ยี่สิบวันในการกลั่นยาทั้งสิ้นห้าสิบชุด

ในเวลายี่สิบวันนี้ เขาน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว จากส่วนผสมทั้งหมดห้าสิบชุด เขากลั่นยาเปิดจุดชีพจรได้ สี่สิบหกขวด

ถ้าเขาไม่เร่งที่จะกลั่นยาให้เสร็จโดยเร็ว เขาจะไม่ต้องสูญเสียยาบางส่วนไป

เมื่อเขาออกมาจากห้องอีกครั้ง เขาก็ยังไม่พบหน้าเฉินเหลียน งานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะ กำลังเปิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โม่บ่อกี้ ต้องค้นคว้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่เขาจะหาแหล่งกำเนิดพลังงานไฟฟ้า สำหรับการเปิดจุดชีพจรของเขาให้ได้ ไแต่เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะหาแหล่งกำเนิดพลังงานไฟฟ้าจากที่นี่ เมืองเฉิงลู่อยู่ใกล้กับทะเล ดังนั้นเขาอาจจะพอหาจระเข้สายฟ้าหกขาได้

แต่ว่า โม่บ่อกี้ ก็ไม่กล้าพอที่ไปหาจระเข้สายฟ้าเพียงลำพัง ยังต้องใช้เวลาในการฝึกฝนอีก เขาไม่ได้อยากส่งตัวเองไปตาย

บางทีเขาน่าจะลองหาข่าวในสมาคมฉางลู่ เพราะเขาอาจหาทีมเพื่อล่าจระเข้สายฟ้าได้


"บ่อกี้ ... " เมื่อโม่บ่อกี้กำลังจะเข้าประตูสมาคมฉางลู่ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยเรียกเขา

เสิ่นยี ทำไมเจ้าถึงมาอยู่กับ บู้เอ้อโม่บ่อกี้ ถามด้วยความแปลกใจ แต่ความแปลกใจของเขาก็ต้องหยุดลงทันที แล้วรีบถามว่า

บู้เอ้อ ไครทำร้ายเจ้า

ใบหน้าครึ่งซีกของ ติงบู้เอ้อ มีรอยมือห้านิ้วที่ยังบวมแดงอยู่บนหน้า

นี่ไม่ใช่ที่ที่เหมาะจะคุยกัน เข้าไปในสมาคมก่อนหยวนเสิ่นยีพูด แล้วลากติงบู้เอ้อ และโม่บ่อกี้เข้าไปในสมาคม

"เกิดอะไรขึ้น" โม่บ่อกี้ มองหน้าของ ติงบู้เอ้อ แล้วรีบถามขึ้นทั้งที่ยังไม่ได้ลงนั่ง

ติงบู้อ้อ ไม่ใช่คนที่เอาใจใส่และมีน้ำใจเหมือนกับ เสิ่นยี แต่เข้านับได้ว่าเป็นเพื่อนที่ดี นอกจากนี้ถ้าไม่มีเสียงเรียกของเขาในป่าหมอกสายฟ้า โม่บ่อกี้ อาจจะไม่มีวันนี้

ติงบู้เอ้อ ยกมือกำหมัดด้วยความโกรธ แล้วพูดว่านี่เป็นฝีมือของ เฉาเฮ้า ต้องมีสักวันที่ข้าจะควักหัวใจของไอ้สารเลวนี่ออกมาขยี้ด้วยเท้าของข้าเอง...

ติงบู้เอ้อ ไม่ได้พูดต่อ เขารู้ดีว่านี่เป็นแค่เรื่องไร้สาระ เฉาเฮ้า เป็นอัจฉริยะที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณอันน่าประทับใจ ซึ่งแตกต่างจากพวกเขาซึ่งมีรากมนุษย์เท่านั้น คนที่ไม่มีรากฐานทางจิตวิญญาณย่อมไม่มีทางสู้กับ เฉาเฮ้า ได้ การพูดว่าจะขยี้ เฉาเฮ้า เป็นแค่การระบายความหงุดหงิดของเขาเท่านั้น

โม่บ่อกี้ พูดอย่างใจเย็นว่า "เจ้าค่อยๆเล่าให้พวกเราฟังก็ได้"

หยวนเสิ่นยี ช่วยเล่าเรื่องแทน ติงบู้เอ้อ ว่า "ติงบู้เอ้อ ติดตามอยู่ข้างตัวของ ฮั่นหนิง เสมอ เมื่อพวกเขามาถึง ฉางลู่ เฉาเฮ้า ได้พาอาจารย์เซียนผู้หนึ่งมาพบกับ ฮั่นหนิง เขาเจาะจงมาเพื่อหญ้าอัคคีสองใบ หญ้าอัคคีสองใบมีความสำคัญมากกับอาจารย์เซ๊ยนผู้นั้น หลังจากรับหญ้าจาก ฮั่นหนิง แล้วเขาก็หยิบแผ่นไม้มาส่งให้ ฮั่นหนิง และยอมรับนางเป็นศิษย์ภายนอกของนิกาย"

จนถึงตอนนี้ โม่บ่อกี้ จึงเข้าใจว่าทำไม ฮั่นหนิง จึงค้นหาหญ้าอัคคีสองใบ ดูเหมือนว่านางได้วางแผนนี้ไว้นานแล้ว ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้รับการคัดเลือกในช่วงงานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะ นางก็ยังคงได้เป็นศิษย์ชั้นนอก นี่เป้นแผนที่ไม่เลวนัก

อาจารย์เซียนผู้นั้นแซ่ลู่ หลังจากที่เขาเก็บหญ้าอัคคีสองใบไว้แล้ว แต่ดูเหมือนว่ามันยังน้อยเกินไป เขาถึงถาม ฮั่นหนิงว่านางได้มันมาจากที่ใด... "

หยวนเสิ่นยี หยุดพูด แต่กลับเป็น ติงบู้เอ้อ ที่ขัดจังหวะ แล้วเล่าต่อไปว่า "นี่เป็นตอนที่ข้าพูดมากจนเกินไป ข้าบอกว่าเจ้าเป็นคนที่ค้นพบมัน เมื่ออาจารย์เซียนถามว่าเจ้าไปหาได้จากไหน ฮั่นหนิง จึงบอกเขาว่าเจ้าพบหญ้าอัคคีสองใบนี้ เติบโตอยู่ข้างทะเลสาบ ในเขตป่าหมอกสายฟ้า อาจารย์เซียนไม่พูดอะไรต่อและรีบจากไป อย่างไรก็ตามข้าไม่คิดว่าว่า เฉาเฮ้า จะตบหน้าข้า และหลังจากนั้นมันก็ผลักข้าลงไปที่พื้นและเริ่มกระหน่ำเตะข้า... "

"หนิงหนิงไม่ได้พูดอะไรเลยเหรอ" โม่บ่อกี้ ถามขึ้นอย่างเคร่งเครียด

ติงบู้เอ้อ ส่ายหัว "ไม่เลย หลังจากที่ เฉาเฮ้า ทำกับข้า ฮั่นหนิงก็เดินมาและบอกกับข้าว่านางไม่ต้องการเห็นหน้าข้าอีก ดีที่ข้าไม่ใช่คนโง่ ข้ารู้เมื่อข้าถูกทิ้งขว้าง ข้าจึงไม่ได้ไปที่อื่นนอกจากมหาพี่เสิ่นยี"
โม่บ่อกี้ ลุกขึ้นยืนโอบไหล่ ติงบู้เอ้อ และปลอบโยนเขาว่า "อย่าคิดมาก วันหนึ่งข้าจะแก้แค้นแทนเจ้าเอง"

คำพูดของ ติงบู้เอ้อ ได้ลดคุณค่าในความพยายามของ ฮั่นหนิง ในการต้นหาหญ้าอัคคีสองใบไปจนหมด เป็นธรรมดาที่นางจะไม่พอใจนัก เมื่อดูจากท่าทีของนางก่อนหน้านี้ คาดว่านางกำลังออกตามหา ติงบู้เอ้อ

หยวนเสิ่นยี ก็ลุกขึ้นยืนด้วย "บ่อกี้ เรื่องของ ฉางลู่ ก็เรียบร้อยแล้ว คราวนี้ข้าจะไม่เข้าร่วมในงานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะ แต่ข้าจะยังเดินอยู่ใน ฉางลู่ เพื่อเข้าสู่เส้นทางของ วิชาการต่อสู้ แล้วเจ้ากับ ติงบู้เอ้อ ล่ะ"

"วิชาการต่อสู้ หรือเพราะว่าเจ้าไม่มีรากฐานทางจิต" โม่บ่อกี้ กำลังเตรียมตัวที่จะร่วมมือกันแก้ปัญหาการเปิดช่องทางจิตวิญญาณด้วยกันกับ หยวนเสิ่นยี และ ติงบู้เอ้อ

หยวนเสิ่นยี ส่ายหัวแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพดาน "แม้ว่าข้าจะมีรากฐานทางจิตวิญญาณ ข้าก็ยังคงเลือกที่จะไล่ตามศิลปะการต่อสู้ ข้าตั้งใจไว้แบบนั้นตั้งแต่ก่อนที่ข้าจะมาถึง ฉางลู่ ตอนที่ข้ากำลังมุ่งหน้าไปตามทางของข้าอยู่นั้น บางทีพวกเราอาจจะำด้เจอกันในอีกสักวัน หรือเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกเลย บ่อกี้ บู้เอ้อ เราจะไม่ร่ำลากันที่นี่ ไม่ว่าในอนาคตเราจะได้พบกันหรือไม่ พวกเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป"

เมื่อพูดจบ หยวนเสิ่นยี ก็หันหลังและเดินออกจากสมาคม ก่อนที่โม่บ่อกี้จะทันได้พูดอะไร เขาก็เดินห่างออกไปไกลแล้ว

          เมื่อ โม่บ่อกี้ และ ติงบู้เอ้อ เดินออกจากสมาคม พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องเพลงดังมาจากจากที่ไกลๆ ว่า

          "... วันนี้เราบอกลากัน บางทีวันหน้าเราอาจจะเจอสักวัน ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้พบเจอกัน เราจะยังเป็น
เพื่อนกันตลอดไป ... "

//////////////////////////////////////////////////////////////////////

          แมวอ้วน : …. ฉันจะพยายามให้มากกว่าเดิมนะ
          ไก่ในตำนาน : ….


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น