วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

บทที่ 65: ตำรายาไร้อักษร

บทที่ 65: ตำรายาไร้อักษร
เดอะแพนด้าทีม ไก่ในตำหมาก และ แมวตาปรือ แปล
เฉินเหลียน เดินไปที่ขอบเตียง ย่านเอ๋อและนั่งลง ผมสีน้ำตาลที่แห้งกรอบและผิวหนังที่หยาบกระด้าง ใบหน้าที่ซูบซีด ร่างกายที่ผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ก็ยังไม่อาจความน่ารักของนาง คำถามที่เกิดขึ้นในใจของ เฉินเหลียน ขณะที่ดวงตาของนางจ้องมองไปที่ ย่านเอ๋อ ที่น่าสงสารก็คือ เด็กผู้หญิงคนนี้ผ่านความทุกข์มามากแค่ไหน นางถูกทรมานมาขนาดนี้เชียวหรือ

 นอกจากนี้แล้วความสัมพันธ์ระหว่างนางกับ โม่บ่อกี้ มีความสัมพันธ์กันขนาดไหน

          เฉินเหลียน วางมือบนข้อมือของ ย่านเอ๋อ แล้วหลับตา ไม่นานนักนางก็ลืมตาขึ้นมาดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แม้แต่มือของนางก็ยังสั่นเทาด้วยความโกรธที่ท่วมท้น

"นางเป็นอย่างไงบ้างโม่บ่อกี้ ถามด้วยความกระวนกระวาย ย่านเอ๋อ เป็นคนแปลกหน้ากับ เฉินเหลียน ดังนั้นสถานการณ์เช่นนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นกลัวเล็กน้อย

เฉินเหลียน คลายมือของนางออก เเล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบตัวเองก่อนที่จะถามว่า "นางมีรากฐานทางจิตวิญญาณที่ค่อนข้างดีใช่หรือไม่"

          โม่บ่อกี้ พยักหน้าตอบทันทีว่า "ใช่ ย่านเอ๋อ มีรากฐานทางจิตวิญญาณของไม้ที่มีคุณภาพสูงสุดด้วยแสงสีเขียวที่แผร่ออกมาอย่างลึกลับไม่ต้องสงสัยถึงความสัมพันธ์ของธาตุไม้เลย หลังจากที่เข้าร่วมงานชุมนุมประตูน้ำพุอมตะ มานาน โม่บ่อกี้ ได้รับความเข้าใจอย่างมากเกี่ยวกับการทดสอบรากวิญญาณ

ใบหน้าที่เเสดงออกถึงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เฉินเหลียน ขณะมองไปยัง โม่บ่อกี้ แล้วพูดว่า "ในโลกแห่งการเพาะปลูกมีวิธีชั่วร้ายที่ใช้กันอยู่บ้างคือการโอนรากฐานวิญญาณ คนเหล่านี้ปรารถนาให้คนอื่นมีจิตวิญญาณที่มีคุณภาพดีกว่าและพยายามที่จะถ่ายโอนรากฐานเหล่านี้ไปยังร่างกายของตัวเองเพื่อเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการเพาะปลูก ... " ก่อนที่เฉินเหลียนจะพูดจบประโยค ท่าทีของ โม่บ่อกี้ ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

เขาก็ลุกขึ้นยืนจ้องเขม็งไปที่ เฉินเหลียน "เจ้าจะบอกว่า ย่านเอ๋อโดน ... " ราวกับว่านางสามารถอ่านความคิดของ โม่บ่อกี้ ได้นางก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง "เจ้าพูถูกเเล้ว ย่ายเอ๋อ ถูกย้ายรากฐานวิญญาณออกไป"

"เจ้าปีศาจตัวนั้น ... " ไฟแค้นภายในใจของ โม่บ่อกี้ ลุกโชนขึ้นด้วยความบ้าคลั่ง โม่บ่อกี้ ทุบมือลงบนโต๊ะอย่างรนเเรง แต่เขากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย

          เฉินเหลียน ถอนหายใจและพูดต่อว่า "วิธีการนี้เป็นวิธีที่ชั่วร้ายอย่างมาก โดยปกติคนที่ทำตามขั้นตอนนี้เลือก ปุถุชนที่ไม่มีฐานะหรือผู้สนับสนุน เพราะมิฉะนั้นเมื่อข่าวดังกล่าวแพร่กระจายออกไปชื่อเสียงของเขาจะสูญเสีย เหนื่อสิ่งอื่นใดเเล้วเขาจะถูกลงโทษไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน"

ในที่สุดโม่บ่อกี้ก็สงบลง การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปไม่นานนัก แล้วถามว่า "ถ้าอย่างนั้นเเล้วทำไม ย่านเอ๋อ จึงยังมีชีวิตอยู่ และยังคงสามารถไปที่ลานกว้างของงานชุมนุมประตูน้ำพุอมตะผู้เดียวมันไม่น่าเชื่อที่ ย่ายเอ๋อ จะยังมีชีวิตอยู่หลังจากที่ผ่านการย้ายรากฐานจิตวิญญาณ

เฉินเหลียน ขมวดคิ้ว "ข้าก็ไม่เข้าใจใน ตรรกะนี้เลยถึงยังไง ย่านเอ๋อ ก็ยังคงเป็นมนุษย์ธรรมดาพวกเขาไม่น่าจะปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่ เพราะคนที่โอนรากฐานทางิตวิญญาณ จะไม่ยอมให้ใครรู้เลยว่าเขาทำเช่นนั้น ตอนนี้พวกเขาไม่เพียง แต่ปล่อยให้นางยังมีชีวิตอยู่เเต่ยังปล่อยให้นางหลบหนีออกมา นี่มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย"

"รากของ ย่านเอ๋อ ถูกย้ายออกไป!!โม่บ่อกี้ ระงับความโกรธที่เกิดขึ้นภายในใจเขา เขาต้องสงบสติอารมณ์ ความโกรธและความเกลียดชัง เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่อาจช่วยให้เขาแก้แค้นได้สำเร็จ

เฉินเหลียน ได้แต่ส่ายหัว "ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับช่องวิญญาณของ ย่านเอ๋อ เป็นสัญญาณว่ากระบวนการถ่ายโอนล้มเหลว อัตราความสำเร็จของกระบวนชั่วช้าเช่นนี้ต่ำมากโดยปกติจะไม่ถึงหนึ่งในพันเมื่อได้ยินเรื่องนี้ โม่บ่อกี้ กำหมัดอีกครั้ง เเละพูดอย่างรุนแรงออกมา

"วิธีชั่วช้า ที่มีโอกาสสำเร็จน้อยกว่าหนึ่งในพัน เเต่ก็ยังมีคนที่ยังคงต้องการที่จะทำมันโดยไม่ได้สนใจชีวิตหรือความตายของคนอื่นๆ อย่างนั้นรึ"

ด้วยเหตุนี้ เฉินเหลียน จึงตอบอย่างอ่อนโยนว่า "เจ้าช่างไร้เดียงสานัก ใช้วิธีชั่วช้าโดยไม่ได้สนใจชีวิตหรือความตายของผู้อื่นอย่างนั้นรึ ข้าจะบอกเจ้า ในสายตาของผู้เพาะปลูกเปิดช่องทางจิตวิญญาณ มนุษย์เป็นเพียงมดปลวกที่พวกเขาสามารถบดขยี้เมื่อใดก็ได้ ตามแต่พวกเขาต้องการ ไม่ว่ารากวิญญาณจะดีเพียงใดตราบเท่าที่ไม่มีใครปลูกฝัง มนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์ แม้ว่าจะมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จแค่ หนึ่งในพันแต่ก็ยังมีคนที่ต้องการทำเช่นนี้"

เมื่อถึงเวลานี้ เฉินเหลียน ดูเหมือนจะนึกอะไรได้บางอย่างจึงพูดว่า "ไม่ว่าย่านเอ๋อ จะหลบหนีได้อย่างไร เจ้าต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด และไม่ควรไปร่วมงานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะด้วย จริงๆแล้วศิษย์ที่รับใช้ และศิษย์ภายนอก มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างชนชั้นของพวกเค้าอยู่ ในที่สุดเจ้าจะรู้ว่าการเป็นศิษย์บริการไม่ต่างจากการไม่ได้เข้านิกายเลย

โม่บ่อกี้ เข้าใจดีว่า เฉินเหลียน พูดถูก แต่ในเวลาที่ ยานเอ๋อ อยู่ในสภาพเช่นนี้เขาจะไปที่ไหนได้ เเต่ยังโชคดีที่ ฉางลู่ เป็นเมืองใหญ่ดังนั้นจึงมีความหวังมากขึ้นว่า เขาจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของ ย่านเอ๋อ ได้ "ศิษย์พี่เฉิน สามารถรักษาช่องวิญญาณของ ย่านเอ๋อ ได้หรือไม่ เป็นไปได้ไหมที่ทำให้นางจะมีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้งโม่บ่อกี้ ถามขึ้น นี่เป็นเรื่อที่เขาเป็นกังวลมากที่สุดในตอนนี้

แต่น่าเสียดายที่ เฉินเหลียน ตอบกลับด้วยการสั่นศีรษะของนางอย่างเห็นอกเห็นใจ "เป็นเรื่องยากที่จะรักษานาง จากสภาพความรุนแรงของการบาดเจ็บของนาง ช่องวิญญาณถูกทำลายและร่างกายของนางยังอยู่ในความยุ่งเยิง แม้ว่าจะเป็นบิดาของข้าก็เป็นไปไม่ได้ บางที ... มันคงจะเป็นปาฎิหาริย์หากนางสามารถอยู่ได้อีกสักสิบปี "

ที่จริงแล้ว เฉินเหลียน คาดว่า ย่านเอ๋อ จะอยู่ได้มากที่สุดไม่เกินสามปีเท่านั้น แต่เนื่องจาก โม่บ่อกี้ ให้ความสำคัญกับ ย่านเอ๋อ มากดังนั้นนางจึงโกหกไปว่า สิบปีเพื่อปลอบโยนเขา

"ข้าต้องรักษา ย่านเอ๋อ ให้ได้โม่บ่อกี้ เหมือนพูดกับตัวเองครึ่งหนึ่งและพูดกับ เฉินเหลียน อีกครึ่งหนึ่งบิดาของ เฉินเหลียน เป็นนักกลั่นโอสถทิพย์ระดับปฐพี หากเขาไม่สามารถรักษา ย่านเอ๋อ ได้ เเล้วปรมจารย์โอสถสวรรค์ล่ะ เเม้ว่า จักรวรรดิ ชิงฮั่น จะไม่มี ปรมาจารย์ที่กลั่นยาโอสถสวรรค์ได้ แต่นั่นหมายความว่ามันจะไม่มี  หากไม่มีเขาก็จะเรียนรู้การกลั่นโอสถด้วยตัวเอง

"ศิษย์พี่เฉิน ข้ารู้ว่าคำขอนี้จะทำให้ท่าน ตกอยู่ในฐานะที่ยากลำบาก แต่โปรดพาข้าไปกับท่านด้วยและขอให้บิดาท่านช่วยสอนให้ข้ารู้เรื่องโอสถด้วยเถิด...โม่บ่อกี้ รีบลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับอย่างนอบน้อมต่อ เฉินเหลียน หลังจากตัดสินใจ

          ถ้าไม่ใช่เพื่อช่วย ย่านเอ๋อ เขาจะไม่ขอร้องเฉินเหลียนอย่างนี้ เขารู้ว่าถ้าเป็นไปได้ที่ เฉินเหลียน จะพาเขาไปกับนางได้ละก็นางคงจะพาไปเเล้ว นอกจากนี้ศิษย์พี่นาง หวูจิงหวู่ ไม่ใช่คนที่เป็นมิตรนัก

ตามคาด เฉินเหลียน มีสีหน้าไม่สบายใจนักและตอบว่า "นี่เป็นไปไม่ได้ บิดาของข้าจะไม่ให้เจ้าเป็นศิษย์เเน่นอน และจะไม่สอนให้เจ้าด้วย หากเขารู้ว่าเจ้ารู้จักข้า  ดังนั้นข้าไม่สามารถพาเจ้าไปกับข้าได้นางรู้สึกขมขื่นภายในใจ ถ้ามันเป็นการง่ายที่จะโน้มน้าวบิดาของนาง นางก็คงจะไม่อ่อนใจเช่นนี้

เเต่โชคดีที่ โม่บ่อกี้ ถามคำถามนี้แก่นาง เพราะว่าถ้าเป็นผู้อื่นมาอยู่ในตำแหน่งของนางตอนนี้เเละพวกเขาจะหัวเราะไม่ออก ถ้า โม่บ่อกี้ พูดกับบิดาของนาง นางก็มั่นใจเต็มร้อยว่า เขาจะฆ่า โม่บ่อกี้ ตรงนั้นเลย ด้วยเหตุนี้นางจึงยืนกรานที่จะไม่พา โม่บ่อกี้ ไปเรียนรู้การกลั่นโอสถทิพย์จากบิดาของนาง เพราะมันจะเป็นการทำร้าย โม่บ่อกี้

แม้จะผิดหวังแต่ โม่บ่อกี้ รู้ดีว่าคำขอของเขาค่อนข้างเกินกว่าเหตุไปบรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนเป็นอึดอัดและเงียบเชียบ

          ดูเหมือน เฉินเหลียน จะนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ นางเอาหนังสือเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่งออกมาให้กับ โม่บ่อกี้

          นางอธิบายว่า "นี่ควรเป็นคู่มือที่ใช้กลั่นโอสถทิพย์ ข้าซื้อมันจากแผงลอยในตลาด แต่ข้าเปิดดูแล้วมันไม่มีตัวอักษรใดๆอยู่ในนั้นเลย บางทีข้อความอาจจะปรากฏขึ้นหลังจากที่แช่คู่มือไว้ในน้ำยาสมุนไพร แต่ข้าได้ลองใช้วิธีการมากมายไปแล้ว แต่ไม่มีประโยชน์เลย ทำไมเจ้าไม่ลองเสี่ยงดวงกับมันดูล่ะ เจ้าอาจทำสำเร็จได้ก็ได้ คู่มือการทำโอสถทิพย์นั้น ไม่อาจจะหาได้ตามท้องตลาดทั่วไป และถ้าเจ้าจะใช้สิ่งนี้เป็นคู่มือในการกลั่นโอสถทิพย์ เจ้าต้องจำให้ขึ้นใจว่า จะปล่อยให้คนอื่นรุ้ว่าเจ้ามีตำรานี้ไม่ได้เด็ดขาด"

          ที่จริงแล้วหนังสือเล่มนั้นไม่ได้ซื้อจากแผงลอยริมถนน แต่เป็นตำราที่นางขโมยมาจากบิดาของนาง ก่อนที่จะหนีออกจากบ้าน แต่ทุกอย่างก็ไร้ความหมาย นางไม่อาจทำให้ข้อความใดๆปรากฏขึ้นในตำราเล่มนี้ได้เลย

          ขณะนี้ โม่บ่อกี้ ต้องการเรียนรู้การกลั่นยาโอสถทพย์ นางจึงตัดสินใจที่จะมอบคู่มือการกลั่นโอสถทิพย์นี้ให้กับเขา

ข้าต้องขอขอบคุณ ศิษย์พี่เฉิน เป็นอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการฝึกฝน หรือเรื่องของโอสถทิพย์ หากวันหน้า โม่บ่อกี้ ประสบสบความสำเร็จใดๆขึ้นมา ข้าจะต้องตอบแทนท่านแน่นอนโม่บ่อกี้ ไม่รุ้ว่าตำราการกลั่นโอสถทิพย์ไม่อาจหาซื้อได้ เขาเพียงคาดคะเนจากน้ำเสียงของ เฮินเหลียน ว่ามันมีค่ามหาศาลมาก

หนังสือเล่มเล็กที่ เฉินเหลียน มอบให้กับเขา อาจเป็นตำราการกลั่นโอสถทิพย์ เนื่องจากมันมีภาพจางๆของเตายาอยู่บนหน้าปก

"นี่คือทั้งหมดเท่าที่ข้าจะช่วยเจ้าได้ หลังจากที่ งานประตูแห่งน้ำพุอมตะสิ้นสุดลง ข้าจะออกจากฉางลู่แล้วกลับบ้าน พบกันใหม่คราวหน้าเฉินเหลียน ย่านเอ๋อ ที่นอนหลับอยู่ด้วยความสมเพชก่อนที่จะออกจากห้องไป

โม่บ่อกี้ ไม่ได้ตอบอะไรเขาเพียงแต่ลุกขึ้นยืนคำนับอย่างนอบน้อมอีกครั้งเท่านั้น เฉินเหลียน ได้พบกับเขาโดยบังเอิญ ถึงแม้เขาจะเคยช่วยเหลือนางบ้าง แต่เมื่อเทียบกับจำนวนที่นางช่วยเขา สิง่ที่เขาเคยทำกลับกลายเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น ความกตัญญูไม่ได้จำเป็นต้องแสดงออกด้วยการพูด แต่มันต้องมาจากการกระทำ ถ้าวันหน้าเขามีเงินเขาจะจ่ายเงินให้นาง แต่ถ้าเขาทำไม่ได้ เขาก็ไม่รู้ว่า คนอย่าง เฉินหลิน จะชอบพอมนุษย์ธรรมดาอย่างเขาหรือไม่

          "บ่อกี้... " ทันทีที่ เฉินเหลียน จากไป ติงบู้เอ้อ ก็เข้ามาในห้องทันที

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////



แมวอ้วน : เสดแย้วว้อย 
          ไก่ในตำนาน : เลยเส้นตายเว้ยลุง
          แมวอ้วน : หึหึหึ เก๊าขอโต๊ด………….

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น