วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

บทที่ 64: ระดับทั้งเก้าของการกลั่นยา


บทที่ 64: ระดับทั้งเก้าของการกลั่นยา
เดอะแพนด้าทีม ไก่ในยำแซ่บ และ แมวมึน แปล

"นายน้อย... นายน้อย ... " หลังจากที่เขาเข้าไปใกล้ ย่านเอ๋อ ก็ยิ้ม โม่บ่อกี้ ได้ยินเสียงพึมพำเรียกหาเขาอยู่ตลอดเวลา

เสื้อผ้าของนางขาดรุ่งริ่งและเปื่อยรุ่ยอีกทั้งมีกลิ่นหืนมาจากตัวของนาง นางร้องเรียกหา นายน้อย ของนางตลอดเวลา แต่ไม่ใช่เพราะนางจดจำ โม่บ่อกี้ ได้ แต่เป็นเพราะคำพูดเหล่านี้เป็นคำที่นางเรียกหามาตลอด

"จิ่ว ... เฟย ... หลาน!โม่บ่อกี้ กัดฟันเปล่งคำทั้งสามอกกมาทีละคำ เขารู้แค่ว่าผู้หญิงที่แย่ง ย่านเอ๋อ ไปคือ จิ่วเฟยหลาน หลังจากถูกแย่งชิงไป ย่านเอ๋อ กลับลงเอยด้วยการเดินไปตามถนนดูเหมือนคนสติไม่ดี
         
 ถ้าเขาไม่ได้ฆ่าผู้หญิงคนนั้น เขาคงมีชีวิตอยู่โดยที่ไม่มีค่าอะไรไปตลอดชีวิตของเขา

ร่างของ ย่านเอ๋อ เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกและผมของนางก็กรอบแห้งและเหลือง เมื่อ โม่บ่อกี้ กอด ย่านเอ๋อ ไว้ในอ้อมแขนของเขา เขารู้สึกว่านางหนักเพียง สิบ ถึงยี่สิบกิโลกรัม มันจึงเข้าใจได้ไม่ยาก ว่านางต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสแค่ไหน
เพลิงโทสะลุกโชนอยู่ในหัวใจของ โม่บ่อกี้
โม่บ่อกี้ กำหมัดด้วยความโกรธ เล็บของเขาเจาะเข้าไปในเนื้อฝ่ามือ เลือดสดๆไหลรินลงมา แต่ดูเหมือนเขาไม่รู้สึกรู้สาอะไร

"เจ้าเป็นคนเตะ ย่านเอ๋อ รึโม่บ่อกี้ เดินไปหาชายคนหนึ่งที่เตะ ย่านเอ๋อ

ก่อนหน้านี้เขาเคยสาบานว่าจะไม่ปล่อยให้ ย่านเอ๋อ ต้องผ่านพบความทุกข์ยากใดๆอีก  อย่างไรก็ตามในช่วงระยะเวลาสั้นๆนี้ นางกลับกลายเป็นคนละคน กับก่อนหน้านี้ ไม่เพียง แต่นางกลายเป็นคนเร่ร่อนที่ไม่มีที่อยู่อาศัย นางยังถูกข่มเหงอย่างไร้เหตุผล

โม่บ่อกี้ ยินดีที่จะแบกรับความเจ็บปวดทุกอย่างที่ ย่านเอ๋อ เคยผ่านมา เพื่อที่นางจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป หลังจากที่ นางได้รับความลำบากมามากพอแล้วที่คอยดูแลเขา

สายตาของชายคนนั้นมองมาที่ โม่บ่อกี้ แล้วขาก็บอกว่า "ใช่ ข้านี่แหละที่เตะนางแล้วเจ้าจะทำอะไรข้า"

"กร๊อบ! อ๊าก! (ผัวะ!) ... " ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว โม่บ่อกี้ เตะไปที่เข่าของชายคนนั้น จึงได้ยินเพียงเสียงของกระดูกหัก ในขณะเดียวกัน โมบ่อกี้ ก็ตบปากของชายคนนั้น ถ้าความทุกข์ทรมานทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับเขา เขาก็สามารถทนต่อความรู้สึกนั้นและรอเวลาที่เหมาะสมจะเอาคืน แต่เขาไม่สามารถทนให้ ย่านเอ๋อ ที่ถูกรังแกได้ เพราะบางที่เราก็ไม่สามารถทนต่อบางสิ่งบางอย่างได้

เสียงกรีดร้องความเจ็บปวดของชายคนนั้นดังไปทั่ว การตบของ โม่บ่อกี้ นั้นทำให้เขาล้มลงบนพื้นดินกลายเป็นคนพิการ ที่นั่งจับเข่าตัวเองพร้อมกับถ่มฟันที่หลุดเเละเลือดที่ไหลออกมาจากปาก

แม้ในที่นั้นจะมีคนจำนวนมากแต่ โม่บ่อกี้ อยู่ที่ด้านข้างของจัสตุรัส การกระทำของเขาจึง มีคนสนใจอยู่เพียงไม่กี่คนในบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น

แต่ผู้คนรอบข้าง อาจรู้สึกถึงการคุกคามของ โม่บ่อกี้ จึงกระจายตัวออกไปทันที จึงเกิดพื้นที่ว่างขึ้นรอบตัว โม่บ่อกี้ แต่เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก ในขณะที่เขาหันไปหา ย่ายเอ๋อ

"นางเป็นเพื่อนของเจ้าหรือเฉินเหลียน รีบไปและกระซิบในหูของ โม่บ่อกี้
ขณะที่ โม่บ่อกี้ กำลังจะตอบ ก็มีเสียงดังออกมาว่า

"เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถรอดไปไปหลังจากที่ทำร้ายคน ในงานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะนี้อย่างนั้นรึ"

ผู้พูดเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้ายาวและตาเรียว บนหลังของเขาเป็นดาบยาว ผมของเขาถูกมัดเกล้าไว้ด้านหลัง เขาสวมรองเท้าพื้นบางเมื่อไม่นานมานี้ โม่บ่อกี้ ได้พบกับกลุ่มผู้เพาะปลูกมากมาย เเละดูเหมือนว่าเขาคนนี้เป็นผู้เพาะปลูก

"หวู จิงหวู่ เจ้าหมายถึงอะไรเฉินเหลียน ซึ่งอยู่ข้าง โม่บ่อกี้ เห็นคนถามคำถามนี้

ตอนนั้น โม่บ่อกี้ รู้ว่าเขาต้องพบกับเรื่องแบบอยู่แล้ว คนผู้นี้อาจจะทำให้เกิดปัญหากับเขา เพราะความสัมพันธ์กับ เฉินเหลียน

หวูจิงหวู่ มองไปที่ เฉินเหลียน และกล่าวว่า "ศิษย์น้องหญิง เจ้าอย่าได้ไปคบหากับปถุชนชั้นต่ำเหล่านี้ ได้หรือไม่ มันมีเเต่จะทำให้สถานะของเจ้าแปดเปื้อน

          ท่านอาจารย์ ก็ไม่สามารถตามหาเจ้าพบได้ เเต่เขารู้มาว่าเจ้าจะแอบเข้ามาร่วมในงานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำสิ่งใดเลย เพียงเเค่เจ้าเปิดเผยถึงสถานะของเจ้าแล้ว นิกายทั้งหลายมีหรือที่จะกล้าปฏิเสธเจ้า

จากนั้น หวูจิงหวู่ ก็หันกลับดูเหมือนพยายามเรียกหาคนอื่นมาช่วย

เฉินเหลียน กล่าวอย่างเย็นชาว่า "หวูจิงหวู่ ถ้าเจ้าทำอะไร โม่บ่อกี้ ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปเเน่  ข้า เฉินเหลียน เมื่อพูดแล้วต้องทำตามที่พูดแน่"

ท่าทีของ หวูจิงหวู่ เปลี่ยนไป หน้าตาดูบิดเบี้ยวทันที เขาหันไปหา โม่บ่อกี้ และถามว่า "ชายผู้นี้เป็นใคร"

โม่บ่อกี้ หันไปหา เฉินเหลียน และพูดว่า "ศิษย์พี่เฉิน ข้าขอตัวก่อน  เราคงจะมีโอกาสได้พบกันอีกครั้งถ้าเราโชคดี"

ด้วยเหตุนี้ โม่บ่อกี้ จึงหันหน้าไปหาย่านเอ๋อ โดยไม่สนใจ หวูจิงหวู่ เลย
"บ่อกี้ เกิดอะไรขึ้น?" ติงบู้เอ้อ รีบวิ่งเข้ามา

โม่บ่อกี้ มองไปที่ ติงบู้เอ้อ อย่างขึงขังและพูดว่า "บู้เอ้อ พยายามให้ดีที่สุด ในอนาคตหากเจ้าได้เข้าร่วมนิกาย ชีวิตเจ้าจะดีขึ้น"

"ตกลงหลังจากการทดสอบของข้าเสร็จสิ้น  ข้ารีบกลับทันทีติงบู้เอ้อ ไม่รู้ว่า ย่านเอ๋อ เป็นใครแต่เขาก็พอคาดเดาได้

...

เมื่อโม่บ่อกี้กลับมาที่ห้องของเขา เขาจึงช่วยทำความสะอาดร่างกายของ ย่านเอ๋อ ทันที เขาไม่คิดว่า ย่านเอ๋อ จะลงเอยแบบนี้ แต่เมื่อมองไปที่หน้าตาที่ผอมโทรมของนาง เขารู้ทันทีว่าถ้าหากไม่ได้พบนางในงานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะ เขาจะไม่มีโอกาสได้พบนางอีกตลอดไป

หลังจากที่ ย่านเอ๋อ สิ้นสติไปนางก็เอาแต่เรียกหา "นายน้อยอย่างต่อเนื่อง โม่บ่อกี้ รู้ว่า ย่านเอ๋อ ต้องตามหาเขานี่คือความมุ่งมั่น... ความพยายามนี้ได้พานางมาจนถึงที่นี่

โม่บ่อกี้ ได้ต้มโจ๊กให้ ย่านเอ๋อ และให้ป้อนแก่นาง หลังจากที่นางหลับไปเขาก็ออกไปซื้อสมุนไพรมาเป็นจำนวนมากรวมทั้งเสื้อผ้าสำหรับ ย่านเอ๋อ

แม้ว่า โม่บ่อกี้ จะไม่รู้ว่า เขามีความสามารถรักษาอาการ ย่านเอ๋อ ที่เป็นอยุ่ในตอนนี้ได้หรือไม่ได้หรือไม่ แต่เขาก็ต้องลองดู

เวลาล่วงเลยมาจนถึงยามดึกแต่ ติงบู้เอ้อ ยังไม่กลับมา ในทางตรงกันข้าม เฉินเหลียน ได้กลับมาที่ห้องเเล้ว

"ขอโทษด้วย ที่ข้าลากเจ้าเข้าสู่ปัญหาของข้าในตอนนั้นขณะที่นางกลับมา เฉินเหลียน ก็ขอโทษ โม่บ่อกี้ ทันที

โม่บ่อกี้โบกมือออกว่า "ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะในท้ายที่สุดเเล้วชายคนนั้นก็เป็นศิษย์พี่ของเจ้า"

โม่บ่อกี้ พูดเพื่อทำให้มันฟังดูเป็นเรื่องง่าย แต่เขารู้ว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมาก ในช่วงงานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะ หากมีคำสั่งให้เซียนบางคนเข้ามายุ่งเรื่องนี้ เขาคงต้องตายอย่างแน่นอน ต่อหน้าเหล่าเซียน ผู้ที่เป็นอมตะชีวิตของเขานั้น มีความหมายเหมือนกับมดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น

เฉินเหลียน ได้แต่ส่ายหัวไม่อยากคุยเรื่องของ หวูจิงหวู่ อีกต่อไปเมื่อนางเห็นว่า โม่บ่อกี้ กำลังปรุงยาบางอย่าง นางจึงหันไปมองที่ห้องของ โม่บ่อกี้ และถามว่า "ข้าจะขอเข้าไปดูเพื่อนของเจ้าว่าเป็นอย่างไรบ้างได้หรือไม่"

"เจ้ามีความรู้เรื่องยาหรือโม่บ่อกี้ ถามด้วยความสงสัย

          เฉินเหลียน มีท่าทีลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า "บิดาของข้าเป็นผู้กลั่นโอสถทิพย์ระดับปฐพี"

"ผู้กลั่นยา โอสถทิพย์ระดับปฐพี คืออะไรโม่บ่อกี้ยังไม่เข้าใจ

เฉินเหลียน มองมาที่ โม่บ่อกี้ ด้วยดวงตาที่เบิกกว้างแต่ไม่ได้พูดอะไร หลังจากผ่านไปสักครู่หนึ่ง นางจึงถามว่า "เจ้าไม่ใช่ผู้กลั่นยาหรือ ข้าเห็นเจ้าใช้เงินถึง สามแสนเจ็ดหมื่นเหรียญทอง เพื่อซื้ออุปกรณ์กลั่นยา แต่เจ้าไม่รู้ว่า โอสถทิพย์ระดับปฐพีคืออะไร"

          โม่บ่อกี้ ตอบด้วยความไม่สบายใจว่า "ข้าไม่ใช่ผู้กลั่นยา ที่มีใบอนุญาตหรอก ข้าลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง หลังจากซื้อส่วนผสมสมุนไพรหลายๆอย่างมา"

เฉินเหลียน ตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง

          แต่นางก็ยอมอธิบายว่า "ในการกลั่นโอสถทิพย์ สามารถเเบ่งได้ถึงเก้าระดับ โอสถทิพย์ระดับที่หนึ่งถึงสาม ถูกจัดเป็นโอสถทิพย์ระดับธรรมดา ระดับที่สี่ถึงหก เป็นโอสถทิพย์ระดับปฐพี ในขณะที่ระดับเจ็ดถึงเก้าเป็นระดับสวรรค์  และที่เหนือสุดอื่นใดคือโอสถทิพย์ระดับอมตะ ด้วยความแตกต่างของระดับของโอสถทิพย์ที่กลั่นได้ ดังนั้นจึงมีการแบ่งโรงกลั่นโอสถทิพย์เป็นเก้าระดับ หรือเจ้าจะเห็นได้ว่าที่จริงมันแบ่งโรงกลั่นโอสถทิพย์ออกเป็นสามชนชั้น"

"ดังนั้น นักกลั่นโอสถปฐพี สามารถกลั่นกรองยาจิตวิญญาณอย่างน้อยระดับ สี่ขึ้นไปหรือ บิดาของเจ้าเป็นนักกลั่นโอสถเเห่งโรงกลั่นโอสถทิพย์รดับปฐพีใช่หรือไม่ น่าประทับใจจริงๆโม่บ่อกี้ ชักถาม เฉินเหลียน ด้วยคำถามมากมาย

เฉินเหลียน ก็ยิ่งพูดมากขึ้น หลังจากนั้นไม่นานนักนางก็พูดว่า "ทั้งอาณาจักรชิงฮั่น ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถกลั่นโอสถระดับสวรรค์ เจ้าคิดว่า ผู้กลั่นโอสถทิพย์ระดับปฐพี เเค่น่าประทับใจหรือ?"

          โม่บ่อกี้ รีบลุกขึ้นยืนและพูดกับ เฉินเหลียน ว่า "ศิษย์พี่เฉิน โปรดช่วยข้ารักษาย่านเอ๋อด้วย"

"ที่แท้ชื่อของนางคือ ย่านเอ๋อ เป็นชื่อที่น่าฟังไม่น้อยเฉินเหลียน พูดขึ้น

นางเดินไปที่ห้องของ โม่บ่อกี้ เพราะนางก็อยากรู้ว่าผู้หญิงเเบบใดที่ โม่บ่อกี้ ให้ความห่วงใย

นางอยู่ร่วมกับ โม่บ่อกี้ มาเกือบเดือนแล้ว แม้ว่าทั้งสองคนนั้นไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์มากนัก

 แต่นางก็มีความเข้าใจพื้นฐานความคิดของ โม่บ่อกี้ นางมั่นใจว่าใบหน้าของนางนั้นงดงามไม่แพ้ใครในโลก อีกทั้งรูปร่างของนางก็มั่นใจได้ว่าผู้หญิงเก้าสิบเก้าจากหนึ่งร้อยคน จะอิจฉาใจรูปร่างของนาง

เเต่ถึงอย่างนั้น โม่บ่อกี้ ก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อนางด้วยความนุ่มนวล เพราะความงามของนาง

นางเห็นได้ชัดว่า โม่บ่อกี้ ให้ความสำคัญกับนางอย่างดีจนถึงกับเชิญนางไปที่ห้องเเยกของเขา ก็เป็นเพราะว่านางเข้าใจเรื่องการเพาะปลูกอย่างดี  ไม่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของนางเลยสักนิด

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไก่ในตำนาน : งานถ่วมหัว เเต่ผู้อ่านต้องมาก่อนอิ้อิ้
แมวอ้วน : …..งานท่วมหัว นี่เอ็งกำลังจะจบปริญญาจริงอ่ะ ลงภาษาไทยเพื่อการสื่อสารเพิ่มสักวิชาไหม?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น