วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

บทที่ 62: งานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะ


บทที่ 62: งานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะ
เดอะแพนด้าทีม ไก่ใน(ต้มยำ)น้ำข้น และ แมวมึน แปล
การเดินทางกลับราบรื่นดี พวกเขาไม่ได้พบกับจระเข้สายฟ้าหกขาซึ่งทำให้โม่บ่อกี้รู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย เขายังมียาเปิดจุดชีพจรอีกเจ็ดขวด ถ้าพวกเขาได้พบกับจระเข้สายฟ้าสักหน่อยเขาก็อาจจะเปิดจุดชีพจรของเขาได้ถึงสามสิบจุด หรืออาจจมากกว่านั้น

อีกสองวันต่อมา โม่บ่อกี้ และ ติงบู้เอ้อ กลับมาที่ โรงเตี๊ยมนภาลัย เมื่อพวกเขามาถึง ก็ยังไม่ได้พบกับ เฉินเหลียน พวกเขาจึงยังไม่ได้คุยกันเรื่องการแบ่งที่พักของ ผู้ฝึกฝนโม่บ่อกี้ กับ อาจารย์เซียนเฉินเหลียน ติงบู้เอ้อ จึง ตัดสินใจที่จะพักอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

โม่บ่อกี้ ไม่มีเวลาพา ติงบู้เอ้อ ไปดูส่วนต่างๆของที่พัก

เพราะเขาเพิ่งเปิดจุดเส้นชีพจรไปถึงยี่สิบเจ็ดแห่ง และเขาจำเป็นต้องใช้เวลาในกานฝึกฝนพลังเมื่อ โม่บ่อกี้  เริ่มดูดซับพลังงานปราณและหมุนเวียนไปตามจุดต่างๆในร่างกายของเขา

เขาเองก็ตกใจเป็นอย่างมาก เพราะ ไม่ว่าเขาจะดูดซับพลังปราณธรรมชาติมากมายแค่ไหนมันเหมือนกับการเติมน้ำลงไปในทะเล มันไม่มีการติดขัดหรือสิ่งกีดขวางในการฝึกฝนของเขาเลย เมื่อเขาได้รับการฝึกฝนจนทำให้เปิดพื้นฐานพลังปราณ ขั้นที่หนึ่งนั้น เขารู้สึกเหมือนเจออุปสรรคขวางอยู่ แต่ว่าด้วยจุดเส้นชีพจรทั้งยี่สิบเจ็ดเส้นที่เปิดอยู่ของเขา ทำให้เขารู้สึกว่าเขาสามารถที่จะฝึกฝนและดูดซับพลังปราณได้อย่างต่อเนื่อง เส้นชีพจรทั้งยี่สิบเจ็ดเส้นของเขาสามารถที่จะกักเก็บมันเอาไว้ได้สบายๆ

ในขณะที่เขาดูดซับพลังปราณอย่างต่อเนื่อง ผลของการฝึกฝนของเขาก็ดีขึ้น ตามลำดับ แม้ โม่บ่อกี้ จะไม่เคยพบผู้เป็นอัจฉริยะในการฝึก แต่เขาก็คาดเดาได้ว่าแม้อัจฉริยะ ก็ไม่อาจดูดซับพลังปราณได้รวดเร็วเท่าที่เขาทำได้ เส้นชีพจรทั้งยี่สิบเจ็ดเส้นของเขา หากเปรียบเป็นมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุดนั้น ในตอนนี้มันเต็มปรี่จนไม่มีที่ว่างให้เขาว่ายน้ำ ไม่เหลือแม้แต่ชายหาดให้เขาเดินเต็ดเตร่อีกแล้ว

โม่บ่อกี้ ระงับความสุขภายในของเขา สำหรับเขามันไม่ได้สำคัญเลยว่าเส้นชีพจร จะใช่ช่องทางของจิตวิญญาณหรือไม่ เพราะด้วยความรวดเร็วในการฝึกฝนระดับนี้ ไม่มีอัจฉริยะที่มีช่องทางวิญญาณคนไหนจะสามารถเปรียบเทียบกับเขาได้

สองวันผ่านไป โม่บ่อกี้ รู้สึกราวกับว่าเขามาถึงจุดสูงสุดของ ระดับพื้นฐานลมปราณขั้นที่หนึ่ง เมื่อตอนที่เขากำลังจะทะลวงเข้าสู่ พื้นฐานขั้นที่สอง เขาก็หยุดไว้

นี้ไม่ได้เกิดจากข้อจำกัด ในเส้นชีพจรของเขา แต่เขาขาดประสบการณ์ เขาไม่อยากทำพลาดจนไม่สามารถแก้ไขได้ ที่สำคัญยิ่งคือ งานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะ กำลังจะเริ่มขึ้นในเร็วๆนี้ ใครจะรู้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการทะลวง

เมื่อโม่บ่อกี้เดินออกจากห้องของเขา เขาเห็น เฉินเหลียน กำลังถลึงตาจ้องมองที่ ติงบู้เอ้อ นางเห็นว่า โม่บ่อกี้ กำลังจะออกมา เฉินเหลียน รีบตวาดถามเชิงต่อว่า ว่า "โม่บ่อกี้ คนผู้นี้เป็นใคร"

"เขาเป็นเพื่อนของข้าเองชื่อ ติงบู้เอ้อ อันที่จริงแต่เดิมนั้นห้องของเจ้าเป็นของเขา แต่เนื่องจากเจ้าไม่มีที่ใดที่จะไป  ข้าจึงตัดสินใจให้เจ้าได้พักก่อน เมื่อ บู้เอ้อ มาเขาก็ยืนยันว่าเขาจะไม่เอาห้องของเจ้าคืน ดังนั้นเขาจึงพักอยู่ในห้องนั่งเล่นชั่วคราว "

ด้วยคำพูดของ โม่บ่อกี้ ที่เหมือนยกย่องให้เกียรตืทำให้ เฉินเหลียน เปลี่ยนไป

เฉินเหลียน รู้สึกผิดเล็กน้อยนางรีบพูดว่า "งานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุมตะ กำลังเริ่มแล้ว ข้ามาหาเจ้าเพื่อจะได้ลองเสี่ยงดวงไปกับเจ้า "

ติงบู้เอ้อ ที่นั่งอยู่เงียบๆ รู็สึกยกย่องการใช้คำพูดของ โม่บ่อกี้ ในหัวใจของเขา  แต่เมื่อฟังคำพูดของ เฉินเหลียน เเล้วทำให้ ติงบู้เอ้อ มองไปที่นางอย่างตั้งใจ

ก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยตื่นเต้นกับ งานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขามีไข่ของ เสือดาวทะเลมีปีก ถ้าเขาโชคดีใช้มันได้เขาอาจได้รับการยอมรับใน นิกายหรือวิหาร แม้แต่การได้รับการยอมรับว่าเป็นศิษย์บริการก็คงจะไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้

นอกจากนี้ โม่บ่อกี้ ยังสามารถฝึกฝนได้แม้จะมีรากฐานมนุษย์ บางทีเขาอาจจะพยายามฝึกฝนด้วย

"ไปกันเถอะ งานชุมนุมประตูแแห่งน้ำพุอมตะนั้นคือเหตุผลที่ข้ามาที่นี่โม่บ่อกี้ พูดอย่างรีบร้อน

เขาเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองดี เขารู้ว่าความเร็วการเพาะปลูกของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าระดับอัจฉริยะ แต่เขาเป็นคนที่มีรากฐานของมนุษย์มันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับการยอมรับเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ ในช่วงงานชุมนุมประตูแห่งนำ้พุอมตะ

ถึงอย่างนั้น โม่บ่อกี้ ก็ไม่ได้หวังอะไรมากมายนัก ตัวเขาค่อนข้างจะไม่ตื่นเต้นนัก เพราะเขาได้รับการยืนยันว่าเป็นศิษย์ให้บริการที่ วิหารดาบไร้ลักษณ์ อยุ่แล้ว

          วัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียวของการเข้าร่วมนิกายคือการ ศึกษากับปรมจารย์เซียน เมื่อใดก็ตามที่มีสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ อย่างน้อยก็มีบางคนที่เขาจะถามได้


โม่บอ่กี้ ไม่ทราบว่า เมืองฉางลู่ กว้างใหญ่ขนาดไหน แม้เขาจะรู้ดีว่าที่นี่เป็นเมืองหลวงของ อาณาจักรชิงฮั่น และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดใน ชิงฮั่น แต่เวลาเพียงหนึ่งเดือนของเขาในเมืองฉางลู่ เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพระราชวังอยู่ตรงไหน หน้าตาเป็นอย่างไร

หลังจากที่ เฉินเหลียน พาพวกเขาเข้าสู่ จตุรัสฉางลู่ โม่บ่อกี้ ก็รู้ว่าฉางลู่ใหญ่โตและกว้างขวางถึงเพียงไหน จตุรัสฉางลู่ เต็มไปด้วยผู้คน โม่บ่อกี้ และ เฉินเหลียน มาช้าเกินจึงได้แต่ดูอยู่จากจากด้านข้างเท่านั้น

ในใจกลางของจตุรัสฉางลู่ มีเวทีที่สร้างจากหินอ่อนขนาดใหญ่ ตรงกลางของเวทีเป็นเสาคริสตัลสูงเจ็ดเมตร  โม่บ่อกี้ คุ้นเคยกับมันดี มันเป็นสิ่งที่ใช้ในการทดสอบรากฐานทางจิตวิญญาณ

นอกจากเสาคริสตัลแล้วยังมีแท่นบูชารอบๆ อีกมากมายที่สร้างขึ้นโดยวิหาร(นิกาย)และสำนักต่างๆ ชื่อวิหารได้รับการอธิบายไว้ที่ด้านบนของแท่นบูชา วิหารใหญ่ๆ จะมีพื้นที่ที่ค่อนข้างใหญ่และถูกสร้างขึ้นในรูปลักษณ์ที่หรูหราอลังการ ยกตัวอย่างเช่น แท่นบูชาของ วิหารสวรรค์ ที่มีขนาดใหญ่กว่าของวิหารอื่นๆ ก็แพรวพราวสว่างไสวจนตาลาย ในสายตาของ โม่บ่อกี้ นี่ก็เหมือนกับงานสรรหาบุคลากร เห็นได้ชัดว่าใครเป็น พรรคขนาดใหญ่ และเป็น พรรคขนาดเล็ก

          ลานจตุรัส ตกแต่งเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ของวิหารต่างๆมากมาย อย่างไรก็ตามวิหารเหล่านี้ล้วนกำลังมองหาสาวกบริการ  เมื่อครู่ โม่บ่อกี้ ก็เห็นสัญลักษณ์ รูปร่างคล้ายดาบ จากสัญลักษณ์บนแท่นบูชาแห่งหนึ่ง โม่บ่อกี้ เห็นแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าว่านั่นคือ วิหารดาบไร้ลักษณ์ แท่นบูชานั้นเล็กเสียจนแทบจะไม่สามารถเรียกได้ว่าวิหารเสียด้วยซ้ำไป

เฉินเหลียน มองไปที่ โม่บ่อกี้ แล้วพูดว่า "เจ้าเห็นหรือไม่ งานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะ ครั้งนี้มีความแตกต่างจากอดีต ในอดีตมีเพียงผู้มีพรสวรรค์ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมและทดสอบได้ หลังจากนั้นพวกเขาจะได้รับการคัดเลือกจากวิหาร  แต่ในเวลานี้นอกจากผู้มีพรสวรรค์แล้ว ทุกคนที่คิดว่าพวกเขามีรากฐานที่ดีทางจิตวิญญาณสามารถขอเข้าทดสอบได้ แม้กระทั่งคนอย่างเจ้า ผู้ซึ่งเป็นเพียงยามเฝ้าตำหนักก็สามารถเข้าร่วมและได้รับการคัดเลือกได้"

มองดูฝูงชนที่หนาแน่น โม่บ่อกี้ ถามด้วยความไม่เชื่อว่า "ต้องนานแค่ไหน กว่าที่ทุกคนจะได้รับการคัดเลือกจนเสร็จ"

เฉินเหลียน หัวเราะ "เจ้าคิดว่าทุกคนจะได้รับการทดสอบโดยเสาคริสตัลรึ เฉพาะผู้เข้าร่วมหลักเท่านั้นที่จะได้รับการทดสอบ สำหรับส่วนที่เหลือพวกเขาต้องมีคุณสมบัติที่จะได้รับการทดสอบบนเวทีหลักโดยผ่านการทดสอบเบื้องต้น "

ขณะที่นางพูด เฉินเหลียนชี้ไปที่อาคารสูงที่ด้านข้างของลานจตุรัส ฉางลู่

"นั่นคือจุดเริ่มต้นของการทดสอบเบื้องต้นการทดสอบเหล่านี้ไม่เลวเลยประการแรกมันค่อนข้างถูกประการที่สองแม้ว่าคุณจะไม่มีคุณสมบัติ แม้กระทั่งเป็นศิษย์ชั้นนอกคุณก็สามารถสมัครเป็นศิษย์บริการได้ "

"บ่อกี้ เจ้าให้ข้าไปที่นั่นเพื่อทดสอบรากฐานของข้าเถอะติงบู้เอ้อ เห็นคนจำนวนมากเข้าหาห้องทดสอบเบื้องต้นและรู้สึกกระตือรือร้น

โม่บ่อกี้ ไม่มีเจตนาในการทดสอบรากฐานทางจิตวิญญาณของเขา แต่เขาก็พยักหน้าให้ ติงบู้เอ้อ แล้วว่า "ได้แน่นอน และข้าขอให้เจ้าโชคดี"

"เจ้ามาจากวิหารไหนหรือโม่บ่อกี้ นึกได้ถึง เฉินเหลียน นางเป็นคนที่มีความรู้และนางก็อยู่ที่ ระดับการเปิดช่องทางจิตวิญญาณขั้นที่สี่ ในวัยเเค่นี้ แน่นอนว่านางต้องมีภูมิหลังบ้าง

"แม้ว่าข้าจะบอกเจ้า เจ้าจะไม่รู้จักอยู่ดีเฉินเหลียนตอบแบบขอไปที

โม่บ่อกี้ ไม่ได้ซักถามต่อ เขาเห็นชายรูปร่างสูงผู้หนึ่งยืนอยู่กลางลานหินอ่อนติดกับเสาคริสตัล

ฝูงชนก็เงียบเสียงลงไป และมุ่งความสนใจไปที่ชายร่างสูง

"ข้าเป็นตัวแทนของ อาณาจักรชิงฮั่น เพื่อต้อนรับ บรรดาวิหารต่างๆเข้าสู่ฉางลู่ เพื่อเลือกคัดสรร สาวกของพวกเขา ข้ายังยินดีต้อนรับบรรดาอัจฉริยะทั้งอาณาจักร ในการคัดเลือกนี้ … ถึงเวลาอันเป็นมงคลฤกเเล้ว! ยิงปืนใหญ่ ... "

เมื่อถึงตอนนี้ปืนใหญ่เก้ากระบอก ในพิธีการด้านข้างของ สนามหินอ่อนก็ได้ยิงออกมา

"ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน หรือว่าเขาเป็นจักรพรรดิของจักรวรรดิชิงฮั่นโม่บ่อกี้ กระซิบเข้าหูของ เฉินเหลียน

"แน่นอนอยู่แล้ว พระองค์คือ องค์จักรพรรดิ เจ้าคิดว่าพระองค์เป็นใครกันเฉินเหลียน เหลือบตาของนางมองมาที่ โม่บ่อกี้

"จริงหรือ องค์จักรพรรดิ พระองค์ช่างทรงพระบารมีเป็นอย่างยิ่ง แต่นี่เป็นสถานที่สำหรับนักเพาะปลูก พระองค์ไม่ทรงลดพระองค์มากเกินไปหรอกหรือ

เฉินเหลียน มองไปที่ โม่บ่อกี้เเละพูดว่า "เจ้าคิดว่า การที่จะเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดินี้มันง่ายมากหรือ ในตอนนี้พระราชอำนาจส่วนพระองค์ ยังมิอาจเปรียบได้กับวิหารระดับสูงวิหารบางแห่งด้วยซ้ำ แต่พระองค์ก็ยังทรงเข้มแข็งเป็นอันมาก นอกจากนี้ เจ้าคิดว่าคนเหล่านั้นเป็นใครกัน

ปรมาจารย์จากที่ต่างๆจะมาทำการคัดเลือกถึงที่ งานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะ นี้ แม้ว่าปรมาจารย์เหล่านี้จะมาถึงที่นี่ ก็อาจจะมีเพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้นและพวกเขาก็จะอยู่ที่นี่เพื่อค้นหาลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์มาก พวกเขาอาจจะไม่เปิดเผยตัวเองเสียด้วยซ้ำ "

////////////////////////////////////////////////////////////////////////

แมวอ้วน : แปลไม่ทันไก่เลยเว้ย พอมันไฟติดละแปลเอาแปลเอา ชิส์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น