วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

บทที่ 66: ฆาตกร


บทที่ 66: ฆาตกร
เดอะแพนด้าทีม ไก่แช่เหล้า และ แมวนอนหวด แปล
โม่บ่อกี้ มองเห็นความสุขที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตาของ ติงบู้เอ้อ ได้แม้ว่า บู้เอ้อ กำลังเป็นห่วง ตัวของ โม่บ่อกี้ และ ย่านเอ๋อ ก็ตามที

"เจ้าได้รับเลือกจากนิกายแล้วใช่ไหม ข้าขอแสดงความยินดีกกับเจ้าด้วยโม่บ่อกี้ รู้ได้ทันทีว่า ติงบู้เอ้อ ได้รับคัดเลือกในงานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะ

ติงบู้เอ้อ พยายามอย่างสุดความสามารถไม่ให้เสียงสั่น เพราะความตื่นเต้นในขณะที่พูดว่า  "ถูกแล้ว ข้าได้รับเลือกจาก นิกายธรณีแกร่ง ให้เป็นศิษย์ชั้นนอก บ่อกี้ ทำไมคุณไม่ทำเหมือนข้าลองไปที่ นิกายธรณีแกร่ง ดูล่ะ หรือว่ารากฐานทางจิตวิญญาณของเจ้า ไม่ดีอย่างนั้นเหรอ"

โม่บ่อกี้ จับมือ ติงบู้เอ้อ แล้วพูดว่า "ไม่เป็นไรบางทีข้าอาจจะไปลองเข้านิกายดาบไร้ลักษณ์ ดูน่ะ"

เขาปฏิเสธที่จะฟังคำแนะนำของ เฉินเหลียน ที่ให้ออกจากที่นี่ เขาต้องการหานิกายเพื่อที่จะเข้าร่วม เพราะเขาไม่ได้เป็นเหมือนคนอื่นๆ ที่มีรากมนุษย์ เขาสามารถปลูกฝังให้กับรากมนุษย์ได้

ที่สำคัญกว่านั้น ถ้าเขายังอยู่ เขาอาจจะหาหนทางช่วย ย่านเอ๋อ ได้
"ย่านเอ๋อ ไม่เป็นไรใช่ไหมติงบู้เอ้อ รู้ดีว่า โม่บ่อกี้ กำลังรู้สึกเช่นไร ก่อนที่จะมาแสดงความยินดีกับเขา

โม่บ่อกี้ ถอนหายใจก่อนที่จะตอบว่า "ไม่ดีนัก นางบาดเจ็บมาก แต่ข้าสาบานว่าจะช่วยนาง หลังจากที่ไปเข้าร่วมกับนิกายดาบไร้้ลักษณ์ อย่าคิดมากกับปัญหาของข้าเลย แล้วเจ้าเองก็ต้องให้ความสำคัญ กับการเพาะปลูกหลังจากที่เจ้าเข้าสู่ นิกายธรณีแกร่ง"

"ข้าจะมุ่งมั่นและทุ่มเทอย่างหนัก ข้ามั่นใจว่าเมื่อพวกเราพบกันคราวหน้า ไม่ว่าจะเป็นพี่เสิ่นยี น้าสิบเอ็ด หรือท่าน พวกเราทุกคนจะแตกต่างไปจากนี้มากติงยู้เอ้อ พูดด้วยความกระตือรือล้น

เขาให้สัญญากับ โม่บ่อกี้ ไม่ได้ ว่าเขาจะช่วย ย่านเอ๋อ ได้เพราะเขายังเป็นเพียงศิษย์ภายนอกตัวเล็กๆเท่านั้น  เขาได้ตั้งปณิธานในใจของเขาที่จะไปตามหา โม่บ่อกี้ ที่นิกายดาบไร้ลักษณ์ ถ้าเขาค้นพบวิธีที่จะช่วย ย่านเอ๋อ ได้

"อย่าเป็นห่วงพวกเราเลย เจ้ารีบไปเถอะโม่บ่อกี้ รู้ดีว่านี่เป็นโอกาสเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของ ติงบู้เอ้อ เพราะเขาเองก็ยังไม่รู้ว่ายาของเขาจะใช้กับ ติงบู้เอ้อ ได้หรือไม่ ตอนนี้จึงเป็นประโยชน์มากกว่าที่ ติงบู้เอ้อ ได้เข้าร่วมนิกายเพื่อฝึกฝนและรับการเพาะปลูกอย่างสบายใจ แทนที่จะติดตามเขา ตอนนี้ โม่บ่อกี้ ก็ต้องการหานิกายให้ตัวเองเข้าร่วมด้วย

"เอ้อ จริงด้วย บ่อกี้ ข้าได้ยินมาว่าค่ายที่พักของ นครกระบี่เลิศภพ ถูกโจมตีและทาสจำนวนมากหลบหนีออกมาได้ ข้ายังได้ยินมาอีกว่าเหล่าสาวกของ นครกระบี่เลิศภพ ยังค้นหาทาสของพวกเขาอยู่ ย่านเอ๋อ ถูกศิษย์ของ นครกระบี่เลิศภพ พาตัวไปใช่ไหม"

"นครกระบี่เลิศภพโม่บ่อกี้ หยุดใช้ความคิดครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเห็นด้วยกับการคาดเดาของ ติงบู้เอ้อ  อาจถูกต้องเป็นไปได้ที่ ย่านเอ๋อ จะหลบหนีออกมาจากค่ายพักของ นครกระบี่เลิศภพ ได้โดยปลอดภัย เจตนาของผู้ที่บุกโจมตี นครกระบี่เลิศภพ น่าจะเป็นเพื่อการปลดปล่อยทาวส และเปิดโปงการกระทำที่ชั่วร้ายของ นครกระบี่เลิศภพ

แต่ทำไม นครกกระบี่เลิศภพ จึงพาพวกทาสเหล่านี้เข้าร่วม งานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะเล่า

"หลังจากที่เจ้าจากไป มีชายคนหนึ่งที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงสุด อันที่จริง เขามีรากฐานทางจิตวิญญาณธาตุทองระดับที่สูงที่สุด ชายหนุ่มผู้นั้นคือ เจ้าปราสาทของนครกระบี่เลิศภพ ชื่อ ตง หลุน สิ่งที่แปลกก็คือ แม้เขาจะมาจาก นครกรบี่เลิศภพ เขากลับเลือกเข้า วิหารสวรรค์ แทนติงบู้เอ้อ กระซิบบอก โม่บ่อกี้

รากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงสุด การโอนรากฐานทางจิตวิญญาณ นครกระบี่เลิศภพ …   

โม่บ่อกี้ กำหมัดแน่นเขามั่นใจแล้วว่า ช่องทางวิญญาณของ ย่านเอ๋อ ต้องถูกทำลาย เพราะความล้มเหลวของ เจ้าปราสาทของนครกระบี่เลิศภพ ในการถ่ายโอนรากฐานทางจิตวิญญาณ

ทำไมเหล่าทาสเหล่านี้ถึงได้มาอยู่ที่ ฉางลู่ นี่เป็นเพียงเพราะ เจ้าปราสาท ของ นครกระบี่เลิศภพ ต้องการเข้าร่วใน งานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะ เเค่นั้นหรือ

หรือเนื่องเพราะ เขาไม่สามารถโอนรากฐานทางจิตวิญญาณให้กับตัวเอง ได้สำเร็จ ดังนั้นเพื่อไม่ให้การเข้าร่วม งานชุมนุมของประตูน้ำพุอมตะ ต้องหยุดลง เขาจึงนำผู้ที่ถือครองจิตวิญญาณชั้นสูงเหล่านี้มาที่ ฉางลู่ ด้วยเพื่อทดลองโอนถ่ายรากฐานทางจิตวิญญาณต่อ แน่นอนว่ารากฐานทางจิตวิญญาณธาตุทองของเขา ต้องได้รับการถ่ายทอดจากบุคคลอื่น

"นคร กระบี่ เลิศภพ... " คำสามคำนี้ถูกสลักไว้ในส่วนลึกของหัวใจของ โม่บ่อกี้ และ จิ้งเฟยหลาน ที่เขาสาบานว่าวันที่เขาขึ้นไปอยู่บนจุดที่เหนือกว่าได้ เขาจะทำลาย นครกระบี่เลิศภพ และฆ่า ตงหลุน กับ จิ้งเฟยหลาน ทิ้งให้ได้

"บ่อกี้ แม้พวกเราจะสงสัยว่า ย่านเอ๋อ ถูกทำร้ายโดยคนของ นครกระบี่เลิศภพ  พวกเราต้องไม่ทำอะไรโง่ๆให้พวกนั้นหาเรื่องกำจัดพวกเราได้ อย่างการไปทร้ายพวกนั้นติงบู้เอ้อ รีบห้ามปราม โม่บ่อกี้

"ไม่ต้องห่วง ข้ารู้ว่าจะทำอย่างไร และอะไรที่ทำได้หรือไม่ได้บ้าง เจ้าเองก็ควรรีบกลับไปที่นิกายของเจ้าโดยเร็ว เพราะตแนนี้ข้าเองก็ต้องรีบไปที่ นิกายดาบไร้ลักษณ์ เช่นกันไม่ต้องให้ ติงบู้เอ้อ เตือนเขา ตัวเขาเองก็คงไม่โง่พอที่จะทำอะไร อย่างการรีบร้อนไปแก้แค้นในตอนนี้

ติงบู้เอ้อ หยิบถุงใบหนึ่งออกมาและส่งให้กับ โม่บ่อกี้

          "บ่อกี้ นี่คือไข่ของ เสือดาวทะเลมีปีก ตอนนี้ข้าได้รับเลือกจากนิกายแล้ว ข้างคงไม่ต้องใช้มันอีกต่อไป ตอนนี้ข้ายังมีสถานะเป็นศิษย์ชั้นนอกเท่านั้น ข้าอาจจะไม่มีเวลาที่จะเลี้ยงดูสัตว์อสูรได้อีก เจ้าต้องเก็บไว้ให้ดีที่สุด สักวันมันจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้า"

"เอาละ ข้าจะเก็บมันไว้โม่บ่อกี้ ไม่ปฏิเสธข้อเสนอของ ติงบู้เอ้อ เพราะเขาอาจจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เพื่อเข้าสู่ นิกายดาบไร้ลักษณ์ เพราะเขายังไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ

...

งานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะ เป็นงานที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับปุถุชนคนธรรมดาทุกคน เพราะเป็นการชุมนุมที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเหมือนปลาที่กระโดดข้ามประตูงมังกร[1] สำหรับนิกายต่างๆ งานชุมนุมประตูแห่งน้ำพุอมตะ ก็คือการคัดเลือกคนเข้านิกายเท่านั้น

แม้ว่าการชุมนุมดังกล่าว จะมีความสำคัญต่อหลายๆคน แต่ก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสองวัน

ราวกับว่า ย่านเอ๋อ ผูกพันกับ โม่บ่อกี้ นางไม่ได้ขัดขืนการดูแลและเอาใจใส่ของเขาเลย แต่ว่านางเองก็ยังเพ้อหานายน้อยของนางต่อไป นางเรียกหา "นายน้อย"  แล้วจากนั้นนางก็สิ้นสติไปอีกครั้ง

วันรุ่งขึ้น โม่บ่อกี้ ใช้ผ้าห่อตัว ย่านเอ๋อ ไว้แล้วอุ้มนางขึ้นแล้วแบกนางไว้บนหลังของเขา จากนั้นก็ออกจากโรงเตี๊ยมนภาลัย พร้อมกับสัมภาระต่างๆของเขา

ถึงแม้ นิกายดาบไร้ลักษณ์ จะปฏิเสธเขาแต่เขาก็รู้ดีว่าต้องจาก ฉางลู่ ไปอยู่ดี


นิกายดาบไร้ลักษณ์ เป็นหนึ่ในนิกายขนาดเล็กระดับปฐพี ที่มีระดับต่ำกว่านิกาย อื่นๆในระดับปฐพี จึงอธิบายได้ว่า ทำไมค่ายพักแรมของพวกเขา ตั้งอยู่ในที่ห่างไกลเช่นนี้

"พี่โม่ ... " โม่บ่อกี้ ได้ยินเสียงของ ฉินเซียงหยู ขณะที่เขาเดินเท้าไปที่ค่ายพัก

"บังเอิญเสียจริงโม่บ่อกี้ รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้พบกับนาง ในขณะที่เขากำลังกังวลว่า เขาจะต้องแนะนำตัวเองด้วยสัญลักษณ์เพียงอย่างเดียวและหวังว่าจะได้เข้าสู่นิกาย

ฉินเซียงหยู พูดด้วยความดีใจว่า "ถูกแล้ว ข้าจะนำท่านไปลงทะเบียน"

ฉินเซียงหยู แต่งกายด้วยชุดยาวที่สวยงาม ของศิษย์ภายนอก ซึ่งขับเน้นเอวบางๆกับรูปร่างที่อ่อนช้อย ความงามของนาง ทำให้นางดูเหมือน เทพธิดาที่เดินอยู่บนพื้นดิน มองไปที่นางในตอนนี้ โม่บ่อกี้ ไม่เคยคิดว่าฉินเซียงหยู่ จะเป็นเพียงแค่ผู้คนรับใช้คนนั้นจากเมื่อไม่กี่วันก่อน

โม่บ่อกี้ ไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นเขาจึงรู้ทันทีหลังจากที่ ฉินเซียงหยู พูดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่พวกเขาได้พบกันที่นั่น เขารู้ว่านางกำลังรอเขาอยู่เพราะมันเป็นคืนสุดท้ายที่จะลงทะเบียนเพื่อเป็นศิษย์ของนิกายดาบไร้ลักษณ์ ก่อนที่บรรดานิกายส่วนใหญ่จะออกจาก ฉางลู่ ในคืนนั้น

"ขอบคุณมากๆ ตอนนี้เจ้าเป็นศิษย์ชั้นนอกและข้าก็เป็นเพียงศิษย์รับใช้ ในวันหน้าข้าคงต้องขอให้ท่านเมตตาด้วย ศิษย์พี่แม้ว่า โม่บ่อกี้ จะไม่ได้เข้านิกายเขาก็รู้ว่า ศิษย์รับใช้เป็นอะไรได้มีค่ามากไปกว่า เศษธุลีในนิกาย

ฉินเซียงหยู พูดด้วยใบหน้าที่ซื่อตรงว่า "ไม่ ข้าขอฏิเสธ พี่บ่อกี้และพี่เสิ่นยี เป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่และมีเกียรติ ข้าตัดสินใจที่จะเรียกท่านว่า พี่โม่แล้ว ข้าก็จะไม่เปลี่ยนใจ ไม่ว่าสถานะระหว่างเราจะเป็นอย่างไรในอนาคตก็ตาม"

นางต้องการ ให้ความเคารพต่อ โม่บ่อกี้ กับ หยวนเสิ่นยึที่ ปกป้องนางบนเรือ นอกจากนี้นางยังได้เห็นถึงความกล้าหาญในตัวของ โม่บ่อกี้ ซึ่งหาได้ยากมาก เป็นเพราะเหตุนี้นางจึงมอบสัญลักษณ์ศิษย์รับใช้ใน นิกายดาบไร้ลักษณ์ ให้ นอกเหนือจากการขอบคุณสำหรับ โม่บ่อกี้ แล้วนางต้องการที่จะได้รับความสัมพันธ์ที่ดีจากเขาด้วยเช่นกัน

คนพิเศษเช่น โม่บ่อกี้ ย่อมที่จะไปได้ไกลยิ่งขึ้นแม้ว่าจะมี รากฐานทางจิตวิญญาณที่อ่อนแอเล็กน้อยก็ตาม

[1] ในประเทศจีน มีความเชื่อสืบทอดมาแต่โบราณว่า ที่ต้นน้ำของแม่น้ำฮวงโห เป็นช่วงที่กระแสน้ำมีความเชี่ยวกรากเป็นอย่างยิ่ง ปลาทุกตัวที่ว่ายทวนน้ำขึ้นไป จะถูกกระแสน้ำพัดตกลงมาตายหมดทุกตัว จะมีก็แต่เพียงปลาคาร์ฟเท่านั้น ที่สามารถว่ายทวนน้ำตกขึ้นไปได้ ปลาคาร์ฟที่ว่ายทวนขึ้นกระแสน้ำขึ้นไปถึงประตูมังกร จะกลายร่างเป็นมังกร และบินไปสู่สรวงสวรรค์

////////////////////////////////////////////////////////////////////////

แมวอ้วน : ตอนแรกเสร็จแล้วว้อย
          ไก่ในตำนาน : สี่ทุ่มละลุง
          แมวอ้วน : หะ!!! สี่ทุ่ม ชิหายล้าววววววววว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น