วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

บทที่ 59: ลำพังเพียงผู้เดียว


                                            บทที่ 59: ลำพังเพียงผู้เดียว


เดอะแพนด้าทีม ไก่ในน้ำซุบ และ แมวแก่ แปล

ติงบู้เอ้อ เพิ่งเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ที่แท้พวกเขาถูกหลอกใช้

"บ่อกี้... " ติงบู้เอ้อ หันหน้าไปที่ โม่บ่อกี้ ด้วยใหน้าที่บิดเบี้ยวเหมือนจะร้องไห้

โม่บ่อกี้ สงสัยอยู่แต่แรกแล้วเมื่อ จี้กวง ชวนติงบู้เอ้อ และเขาเข้าร่วมกลุ่ม ตอนนี้ทุกอย่างชัดเจนแล้ว เขาจึงไม่ตื่นตกใจอะไรแต่กลับสงบเยือกเย็น แล้วพูดว่า นั่นแสดงว่าพวกเรามีประโยชน์ ถ้าไม่อย่างนั้นพี่จี้คงไม่เชิญพวกเราร่วมทางด้วยหรอกจริงไหม

เมื่อพูดประโยคสุดท้าย โม่บ่อกี้ ก็หันมาเผชิญหน้ากับ จี้กวง อันที่จริง เขาไม่ได้เกลียด จี้กวังที่หลอกใช้พวกเขาสักนิด เพราะเขาเองก็กำลังหลอกใช้ จี้กวง ด้วย ถ้าไม่มี จี้กวง นำทางคงเป็นไปได้ยากกว่าเขาจะได้มาที่นี่ นอกจากนี้เขายังได้ผู้ช่วยเพิ่มอีกสามคน

จี้กวง รู้สึกว่ากำลังหลอกใช้ โม่บ่อกี้ นั่นเพราะเขาไม่รู้ว่า โม่บ่อกี้ ต้องการรับการโจมตีด้วยพลังสายฟ้าเป็นอย่างมาก เรื่องนี้เป็นฝันร้ายสำหรับคนอย่าง จี้กวง จริงๆ  แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับ โม่บ่อกี้ ถ้าพวกเขาไม่มีอะไรดี ก็จะไม่มีใครรับพวกเขาเข้ากลุ่ม เขาและติงบู้เอ้อก็คงไม่มีทางได้มาที่นี่

"เยี่ยม พี่โม่ช่างใจกว้างนัก มาพวกเราเดินทางกันเถอะ" เมื่อพูดจบ จี้กวง ก็กระโดดลงบนเรือยาง

เมื่อเห็นว่า โม่บ่อกี้ ตกลง ติงบู้เอ้อ จึงไม่พูดอะไรอีกเขาตรงไปหยิบพายและกระโดดลงเรือยางพร้อมกับ โม่บ่อกี้ 

ตอนแรก โม่บ่อกี้ มองว่าเรือที่มีแค่สี่ฝีพายคงจะแล่นไม่ได้เร็วมากนัก แต่เมื่อได้อยุ่บนเรือเขาจึงรุ้ว่าเขาคิดผิดไป

เรือยางถูกออกแบบมาอย่างแยบยล แม้จะมีเพียงสี่ฝีพายแต่เรือยางลำนี้กลับแล่นฉิวไปบนผิวน้ำเหมือนกับเรือที่ติดเครื่องยนต์

 โม่บ่อกี้ สังเกตเห็นว่าเรือยางสามารถลดความต้านทานน้ำได้เป็นอย่างดี แต่ก็มีจุดอ่อนบางประการ เช่นสามารถพายได้สี่คนเท่านั้น นอกจากนี้เรือยางบอมบาง ฉีกขาดได้ง่ายหากถูกโจมตี

สองชั่วโมงต่อมาท้องฟ้ามืดครึ้ม

"ทุกคนลองหยุดกันเถอะ ดูเหมือนว่าจะมีพายุกำลังเข้ามา "โม่ย่อกี้ แนะนำหลังจากที่เขาสังเกตเห็น ติงบู้เอ้อ กำลังจะหมดแรง

จี้กวง พยักหน้าแล้วพูดว่า "ถูกแล้ว พวกเราจะหยุดที่นี่เพื่อพักผ่อนและกินอาหาร หลังจากครึ่งชั่วโมงเราจะออกเดินทางต่อ "

พวกเขาหยุดพักได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

หลังจากนั้นประมาณ ยี่สิบนาที ก็เกิดฟ้าแลบฟ้าร้องแล้วฝนก็ เม็ดฝนขนาดเกือบเท่าเม็ดถั่วเหลืองเริ่มโปรยปรายลงมา โม่บ่อกี้ ใช้เวลานี้เพื่อตรวจสอบยางเรือยาง เรือยางมีคุณสมบัติการระบายน้ำอัตโนมัติ แต่ก็ไม่มีที่กำบังเพื่อป้องกันพวกเขาจากสายฝน

เปรี้ยง..." สายฟ้าอีกดวงหนึ่งลงมา คราวนี้ก จี้กวง ตะโกนด้วยความตื่นตระหนกว่า "มีจระเข้สายฟ้าอยู่ที่นี่ ทุกคนอย่าปะทะกับพวกมัน ปล่อยให้ พี่โม่ จัดการกับพวกมัน ระหว่างที่เขาช่วยเราป้องกันการโจมตี พวกเราจะต้องพายเรือให้ที่สุด เร็วกว่าที่เคยพายมา เพื่อลดภาระให้กับพี่โม่"

จี้กวง ยังพูดไม่ทันจบ จระเข้สายฟ้า ก็ใช้พลังสายฟ้าฟาดเข้าใส่พวกเขา ก่อนที่สายฟ้าจะกระทบกับ โม่บ่อกี้ ที่ยืนอยู่ทางท้ายเรือ

โม่บ่อกี้ ไม่เห็นด้วยกับแผนของ จี้กวง เพราะจระเข้สายฟ้าพวกนี้เป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น พวกมันจะยอมสู้ตายเมื่อเจ็บตัว มันจะดีกว่าถ้าจะหลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรง

แต่ครั้งนี้ โม่บ่อกี้พกดาบมาด้วย ก่อนที่จี้กวงจะได้พูดอะไร โม่บ่อกี้ก็ดื่มยาเปิดจุดชีพจร แล้วเอาตัวเองเข้าขวางสายฟ้าที่ฟาดใส่เรือของพวกเขา เวลาเดียวกัน เขาก็เสือกดาบแทงเข้าไปที่คอของ จระเข้สายฟ้าด้วยเช่นกัน

หากมีการวัดระดับในตอนนี้ โม่บ่อกี้จัดเป็นผู้เพาะปลูกที่เปิดช่องทางจิตวิญญาณพื้นฐานขั้นที่หนึ่งแล้ว เขาไม่ใช่มือใหม่อีกแล้ว เขาจึงเริ่มใช้เทคนิคการไหลเวียนโลหิตของจิตวิญญาณ ก่อนหน้านี้เขาต้องใช้ความอึดชั้นยอดและดวงในการชักนำพลังงานไฟฟ้าให้ไหลไปตามจุดชีพจรของเขา  ตอนนี้ด้วยความช่วยเหลือของวิชาการโคจรพลัง ที่ทำให้เขาบังคับพลังงานสายฟ้าแล่นเข้าสู่จุดชีพจรต่างๆได้อย่างง่ายดาย โม่บ่อกี้ ถึงกับน้ำตาซึมด้วยความสุข ที่เขาได้พบคู่มือการเพาะปลูก ถ้าเขาไม่มีคู่มือการเพาะปลูกเขายังไม่รู้ว่า จะชักนำพลังงานไฟฟ้าเหล่านี้ได้อย่างไร

"เปรี้ยง... " ด้วยลูกพลังสายฟ้าที่ฟาดมาอีกครั้ง โม่บ่อกี้รู้สึกเหมือนจุดชีพจรที่สี่ของเขาถูกเปิดออกจนเกือบสมบูรณ์ ของเขาถูกเปิดเกือบสมบูรณ์

เรือยางโคลงเคลงอย่างหนัก ทางด้านหลังของเรือยาง โม่บ่อกี้ กำลังจ้วงแทงดาบเข้าไปที่คอของจระเข้สายฟ้าโดยไม่หยุยั้ง โม่บ่อกี้ จะได้จ้วงแทงหนึ่งครั้งหลังจากถูกสายฟ้าฟาดใส่สามถึงสี่ครั้งซ้อนๆ

โม่บ่อกี้ รับสายฟ้าที่ฟาดใส่ตัวด้วยความสุขที่เปี่ยมล้น  หลักจากเปิดช่องทางจิตวิญญาณถึงขั้นพื้นฐานระดับที่หนึ่งแล้ว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเขาเองจะก้าวหน้าได้เร็วขนาดไหน และเขายังได้เคล็ดลับในการโคจรพลัง ที่ชักนำพลังงานไฟฟ้าฟ้าเข้าสู่เส้นชีพจรโดยตรง ทำให้ความเสียหายที่เขาได้รับลดลง

ก่อนหน้านี้เมื่อรับลูกพลังสายฟ้าสิบลูกเขาจะกระเด็นออกไปหนึ่งครั้งและตัวชาขยับตัวไม่ได้ไปพักใหญ่ แต่ตอนนี้เขาโดนลูกพลังสายฟ้ามากกว่าสิบลูก แต่เขาก็ยังปกติดีอยู่

การเปิดจุดชีพจรของเขาก็กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น อะไรคือ คู่มือพื้นฐานของการเพาะปลูก มันสมควรแล้วที่จะได้รับการเรียกอย่างยกย่องว่า ตำราเซียนมนุษย์ ด้วยลูกพลังสายฟ้าฟาดหลายสิบลูก จุดเส้นชีพจรที่ห้าของเขาก็ถูกบังคับให้เปิดออก

ถ้าเขาต้องการ เขาคงฆ่าจระเข้สายฟ้านี้นานแล้ว แต่เขาเขากลัวว่าจะทำให้จระเข้สายฟ้าตัวอื่นโกรธแค้นขึ้นอีก เขาต้องการให้ทุกๆอย่างยังอยู่ในการควบคุมของเขา

จี้กวง และคนอื่นๆ ได้เห็นสายฟ้าที่ฟาดใส่ร่างกายของ โม่บ่อกี้ ครั้งแล้วครั้งเล่า ที่กำลังต่อสู้อย่างกล้าหาญด้วยตาของตัวเอง พวำกเขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูท่า โม่บ่อกี้ไม่ได้โกหก เขาต้านทานสายฟ้าฟาดของจระเข้สายฟ้าได้จริงๆ ดูท่าเขาจะมีความสามารถพิเศษบางอย่างทางร่างกาย

ในอดีตเมื่อพวกเขาเจอกับจระเข้สายฟ้า พวกเขาทำได้แค่หนีอย่างเดียวไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้ได้เลย แต่เมื่อมี โม่บ่อกี้ พวกเขาก็สามารถสู้ได้ ในขณะที่ โม่บ่อกี้ กำลังโคจรพลังเพื่อเปิดจุดชีพจรที่หกของเขา ก็มีลูกพลังสายฟ้าอีกสองลูกฟาดมาจากทางด้านข้าง
ในที่สุดก็มีจระเข้สายฟ้าตัวอื่นเข้ามาเสริมทัพ โม่บ่อกี้ จึงไม่ออมมือให้อีกต่อไป ดาบในมือเขาจ้วงแทงเข้าไปในลำคอของจระเข้สายฟ้าอย่างรวดเร็ว ส่งร่างที่ปราศจากชีวิตของมันลงสู่ทะเลไป

ซากของจระเข้สายฟ้า เป็นวัตถุที่มีมูลค่าสูงแต่ โม่บ่อกี้ ไม่มีความคิดที่จะเก็บศพ ของพวมันไว้ แม้ว่าเรือยางจะกว้างพอ แต่การเก็บซากศพเหล่านี้เอาไว้ จะทำให้เรือแล่นช้าลง

ถึงแม้ โม่บ่อกี้ จะใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อเปิดเส้นชีพจรของเขา แต่เขาดูดซับมันได้หมด สายฟ้าส่วนที่เหลือจึงฟาดลงบนตัวของเขา เพียงไม่นาน ร่างกายของเขาก็เริ่มปริแตกและผิวก็เริ่มซีดลง เมื่อ จี้กวง และคนอื่นๆ เห็นจระเข้สายฟ้าสามตัวเข้ากลุ้มรุม โม่บ่อกี้ เลือดในตัวของพวกเขาก็เดือดพล่าน เพราะพวกเขาเองก็ไม่ได้หวังว่า โม่บ่อกี้  จะแข็งแกร่งเหมือนเทพยดาต้องพลีชีพฆ่าจระเข้สายฟ้าเพื่อพวกเขา

          เมื่อเห็นโม่บ่อกี้ป้องกันสายฟ้าฟาดเอาไว้ได้ จี้กวง ก็รู้สึกว่าเขาคิดถูกแล้วที่ชวน โม่บ่อกี้ ร่วมทาง
หลังจากที่ฆ่าจระเข้สายฟ้าแล้ว โม่บ่อกี้ ยังดื่มยาเปิดจุดชีพจรและรับการโจมตีของจระเข้สายฟ้าที่เหลืออีกสองตัวต่อไป ไม่นาน จี้กวง และพรรพวก จึงพบว่า โม่บ่อกี้ โชคดีแค่ไหนที่ฆ่าจระเข้สายฟ้าตัวก่อนหน้านี้ เพราะตอนนี้ดูเหมือน โม่บ่อกี้ จะไม่มีแรงฆ่าจระเข้สายฟ้าอีกต่อไป เพราะเขาแทงได้เพียงครั้งเดียวหลังจากที่ถูกโจมตีมากกว่าสิบครั้ง

       จระเข้สายฟ้ามีความอึดที่น่าเหลือเชื่อ  จ้วงแทงไปแล้วหนึ่งครั้งสองครั้งพวกมันก็ยังไม่เป็นอะไร ไม่รู้ว่า โม่บ่อกี้ จะทนรับการโจมตีของจระเข้สายฟ้าได้อีกสักกี่ครั้ง จี้กวง และพรรคพวก จึงพายเรืออย่างไม่คิดชีวิต ติงบู้เอ้อ ต้องการช่วยชีวิต โม่บ่อกี้  แต่ตัวเขาไม่อาจจะทนทานพลังไฟฟ้าเช่นนั้นได้ นั่นคือเหจุผลที่เขาทุ่มเททุกอย่างในการพายเรือ เพื่อออกจากเขตโจมตีของจระเข้สายฟ้า แต่จระเข้สายฟ้าเคลื่อนที่ได้เร็วมากในน้ำ พวกเขามีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำได้

ในพายุฝนที่บ้าคลั่งนี้ เรือยางกำลังแล่นทะยานไปข้างหน้า ส่วนทางด้านหลัง โม่บ่อกี้  กำลังต่อสู้กับจระเข้สายฟ้าในสายฝน แสงกระพริบของฟ้าผ่าอย่างต่อเนื่องทำให้ จี้กวงและพวก รู้ว่า โม่บ่อกี้ ยังไม่ตาย และยังคงยืนหยัดต่อสู้ต่อไป

          โม่บ่อกี้ ไม่รู้สึกตื่นเต้น และปลื้มปิติอีกต่อ ใจของเขาจึงไม่ปราณีอีกแล้ว การเคลื่อนไหวของเขาเริ่มช้าลง และทุกครั้งที่เขาขยับมันเริ่มยากขึ้น  แม้ว่า ลูกพลังสายฟ้าเหล่านี้จะช่วยให้เขาเปิดจุดชีพจรของเขาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่มันก็ยังอ่อนแอเกินกว่าที่จะใช้ประโยชน์ได้  ร่างกายของเขาเปิดจุดชีพจร ถึงขีดจำกัด ของพื้นฐานระดับที่หนึ่งแล้ว

         "เปรี้ยง เปรี้ยง... " ลูกพลังสายฟ้า สองลูกฟาดเข้าใส่ โม่บ่อกี้ พลังไฟฟ้าทั้งสองสาย ไหลไปตามจุดชีพจรและทะลวงจุดชีพจรที่อุดตัน ขณะที่ปลายของพลังสายฟ้าที่เหลือกำลังบดขยี้ร่างกายของเขา

เมื่อจุดชีพจรที่สิบเก้าเปิดขึ้น โม่บ่อกี้  ก็กัดฟันแน่นและรีบวิ่งเข้าใส่จระเข้สายฟ้า เขาล้มลงไม่ได้ ถ้าเขาล้มเขาจะถูกพวกมันฆ่าทันที สิ่งที่ทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่า เขาเป็นเพียงคนที่มีรากมนุษย์เท่านั้น  เขาต้องอดทนและฝึกฝนให้ประสบความสำเร็จ ผ่านไปครึ่งวันแม้แต่ จี้กวง ก็เริ่มอ่อนแอลง เขาไม่รู้ว่า โม่บ่อกี้ จะทนต่อไปได้นานแค่ไหน

พายุหนักทำให้ทัศนะวิสัยแย่มองอะไรแทบไม่เห็น จี้กวง และพวก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่นและมีจระเข้กี่ตัวที่ โม่บ่อกี้ เผชิญอยู่ โม่บ่อกี้ เป็นเหมือนกระดองบนหลังเต่าที่คอยปกป้องส่วนอื่นๆในร่างกาย  เขาทั้งแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ

แม้แต่ โม่บ่อกี้ ก็ไม่รู้ว่าจระเข้สายฟ้าที่เขาเจอมีกี่ตัวกันแน่  ถ้าเรือยางไม่ได้กำลังแล่นไปข้างหน้าพวกเขาคงจะโดนล้อมกรอบนานแล้ว

           ที่จริงเขาฆ่าจระเข้สายฟ้าไปแล้วมากกว่าสิบตัว  แต่จระเข้สายฟ้ายังบุกเข้ามาเพิ่มแบบไม่หยุดยั้ง

            จุดชีพจรที่ยี่สิบหก เปิดออกในที่สุด โม่บ่อกี้ ดื่มยาเปิดจุดชีพจรอีกหนึ่งขวดและพบว่าเขาเหลือยาเพียงแค่เจ็ดขวดเท่านั้น

ในขณะนี้ร่างกายของเขาอ่อนแอลงมาก กระดูกทั้งหมดในร่างกายของเขารู้สึกเหมือนถูกทำลาย ทั้งหมดที่ทำให้เขายังยืนอยู่ได้ ก็เพราะพลังใจเพียงอย่างเดียว

          "เปรั้ยง …” จระเข้สายฟ้าอีกตัวหนึ่งหล่นกระแทกลงไปในทะเล ในขณะเดียวกับจุดชีพจรที่ ยี่สิบเจ็ด ของ โม่บ่อกี้ถูกทะลวงผ่านมาได้

           "เปรี้ยง ... " ยังมีลูกพลังสายฟ้าฟาดลงบนหน้าอกของ โม่บ่อกี้อีก แม้ว่าเขาจะเปิดจุดชีพจรยี่สิบเจ็ดจุด แต่ระดับพลังของเขายังคงอยู่ที่ระดับการเปิดช่องทางจิตวิญญาณระดับที่หนึ่งเท่านั้น  หลังจากเวลาอันยาวนานในพายุและถูกโจมตีด้วยสายฟ้าอย่างต่อเนื่อง โม่บ่อกี้ ก็ไม่เหลืออะไรอีก ทั้งแรงกายและแรงใจ สุดท้ายเขาก็ยังมีเลือดมีเนื้อ เหมือนคนทั่วไป ไม่ได้หล่อหลอมมาจากเหล็ก เขาแทบจะไม่มีแรงหายใจเข้าด้วยซ้ำไป

///////////////////////////////



แมวอ้วน : ถึกโคตร โหดเรียกพ่อ!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น