วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

บทที่ 61: ความเอื้ออาทร



 บทที่ 61: ความเอื้ออาทร

เดอะแพนด้าทีม ไก่ในเน็ตกาก และ แมวหลับใน แปล

"หยุดพูด ... " จี้กวง ร้องเตือนด้วยความโมโห แต่มันก็สายเกินไปแล้ว เสือดาวทะเลมีปีกได้ยินเสียงของ ติงบู้เอ้อ แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มันใช้เท้าเขี่ยผู้รอดชีวิตคนอื่นๆไปไว้อีกด้านหนึ่งและกระโจนเข้าหา โม่บ่อกี้

 "ทุกคนโจมตี" เมื่อเสือดาวทะเลมีปีก จู่โจมเข้าหาพวกเขา ด้วยสัญชาตญาณของ จี้กวง ได้ยกดาบขึ้นเขาเผชิญหน้ากับศัตรูโดยตรงด้วยความโมโห อยู่ในสายตาของพรรพวก เก้าจั้น และ ซุนลี่อัน ที่ได้รับบาดเจ็บรีบตามไปช่วย ถึงแม้ ติงบู้เอ้อ จะอ่อนด้อยกว่าคนอื่นๆ แต่เขาก็ทำให้สถานการณ์เช่นนี้ เปลี่ยนแปลงได้ เขาจึงวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล
   
ในคนทั้งห้า มีเพียง โม่บ่อกี้ ผู้เดียวยืนอยู่ข้างหลังเท่านั้น เขาไม่เพียงอยู่เฉย แต่กลับถอยหนีออกมา
   
แต่เขาก็ยืนนิ่งอยู่ เขาไม่ได้กลัวตาย แต่เขาต้องการสังเกตดูสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตั้งแต่ที่เขาได้ยินถึง จี้กวง อธิบายถึง อสูรยิงศร ด้วยความพยายามและการร่วมมือกันของชายสี่คน ควรจะจัดการกับ เสือดาวทะเลมีปีก ได้ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไร หากเขาจะไม่เข้าร่วมแผนการนี้ แต่ โม่บ่อกี้ กลับรู้สึกกังวลมากต่อ ลูกศร ที่ถูกยิงมาทำร้าย ซุนลี่อัน หากเป็นการโจมตีโดยตรงเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหลบ แต่กลับเป้นการยากมากที่จะหลีกเลี่ยงการซุ่มโจมตีเช่นนี้ การปรากฏตัวของ อสูรยิงศร ที่อำพรางลูกศรที่ยิงออกมาได้ด้วย ทำให้ โม่บ่อกี้ ยิ่งเป็นกังวลมากขึ้น
  
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงเกือบจะเหมือนกับสิ่งที่ โม่บ่อกี้ คาดการณ์ไว้ว่า จี้กวงและพรรคพวก รับการโจมตีของ เสือดาวทะเลมีปีก ได้สบายในขณะที่ เสือดาวทะเลปีก มีระดับความแข็งแกร่งสูงมันจึงขาดความคล่องตัว จากสี่คนที่ล้อมรอบมัน สามคนในพวกเขาไม่รวม ติงบู้เอ้อ กำลังต่อสู้โดย ใช้ประสบการณ์ที่มีมากมาย นำมาใช้ประโยชน์
         
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต่อสู้และหยุดยั้ง เสือดาวทะเลมีปีก ไว้ได้ แต่อย่างไรก็ตามช่องโหว่เริ่มแสดงออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เสือดาวทะเลมีปีก คว้าโอกาสนั้นและใช้ประโยชน์จากขนาดของมัน เพื่อโจมตีเข้ามาอย่างรุนแรงเข้าใส่พวกเขา ทำให้อาการบาดเจ็บของ ซุนลี่อัน กำเริบขึ้น


ภายในไม่กี่นาที ติงบู้เอ้อ ก็หมดเรี่ยวแรงเเละเริ่มแสดงอาการออกมา เขาไม่สามารถลุกขึ้นสู้ได้ ติงบู้เอ้อ ถูกกระเเทกกระเด็นออกไปข้างหลัง เสือดาวทะเลมีปีก มองเห็นสิ่งนี้พอดี


น่าเสียดายที่การเคลื่อนไหวไปมาซ้ำๆของ ติงบู้เอ้อ ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ ในขณะที่เขากำลังจะถูกกินโดยเสือดาวทะเลปีก โม่บ่อกี้ เลิกสนใจสิ่งอื่นจนหมดและกำลังจะพุ่งตัวไปข้างหน้า ในขณะนั้นก็มีเงาดำก็ถูกยิงออกมามันมีลักษณะเหมือนลูกธนูทะลุผ่านอากาศตรงไปยัง จี้กวง


เมื่อ โม่บ่อกี้ เห็นว่า จี้กวง กำลังตรงเข้าไปช่วย ติงบู้เอ้อ เขาก็หันหน้ากลับไปหาลูกศร ตอนนี้เขาสามารถกลับไปสนใจที่การสกัดกั้นการซุ่มโจมตีได้แล้ว


กิ๊ง!ลูกศรสีดำที่พุ่งมาด้วยความเร็วสูงถูก โม่บ่อกี้ ใช้ดาบปัดให้เปลี่ยนทิศทางไป โชคดีที่ตอนนี้เขาอยู่ในระดับ กาารเปิดช่องลมปราณขั้นหนึ่งแล้ว ทำให้เขาสามารถสลายพลังมหาศาลที่มาพร้อมกับลูกศรออกมาได้ ถ้าเขาอยู่ในสภาพก่อนการเพาะปลูก แค่เพียงการต่อสู่ง่ายๆพวกนี้ก็สามารถทำให้เขาถึงตายได้
  

หลังจากที่ป้องกัน จี้กวง จากลูกศรสีดำได้สำเร็จ โม่บ่อกี้ ได้กระทืบลงบนพื้นอย่างแรง ใส่ปะการังที่เขาสังเกตเห็นลูกศรสีดำพุ่งออกมา เขาสรุปได้ว่า อสูรยิงศร เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชั่วช้าและเชี่ยวชาญการต่อสู้จากระยะไกลและการลอบสังหาร

  
          เขามีการเปิดช่องลมปราณระดับที่หนึ่ง ควบคู่ไปกับ ยี่สิบเจ็ดจุดชีพจรที่เปิดอยู่ แม้ว่าเขาจะยังไม่ก้าวหน้าไปอีกระดับหนึ่ง แต่การระเบิดพลังของ โม่บ่อกี้ ครั้งนี้ทรงพลังอย่างมากระยะทางกว่าสิบเมตร ถูกปกคลุมด้วยรัศมีดาบสองเล่มของเขา ที่ถูกสะบัดออกไป คมดาบฉีกกระชากอากาศออกเสียงดัง หวืดหวือ


การโจมตีที่ไม่คาดคิดทำให้ อสูรยิงศร ประหลาดใจ มันไม่เคยคิดเลยว่า โม่บ่อกี้ จะสามารถสกัดกั้นลูกศรของมันได้ เมื่อรวมกับปฏิกิริยาตอบโต้ที่รวดเร็วของ โม่บ่อกี้ อสูรตัวนี้ทำได้เพียงเบิ่งตามองดูอย่างไร้เรี่ยวแรง เมื่อใบมีดตัดผ่านเนื้อของมัน


ในขณะที่รอยตัดปรากฏบนปะการัง แต่มีความรู้สึกกลับเหมือนการตัดผ่านเนื้อ เลือดก็ทะลักออกมา ปะการังก็หายไป กลายเป็นเงาดำเคลื่อนหายไป เหลือเพียงกองเลือกแดงฉานอยู่ใต้คมดาบ
  

นอกจากสายลมที่พัดมาเอื่อยๆ โม่บ่อกี้ ไม่อาจสัมผัสได้ถึงร่องรอยของอสูรยิงศรอีกต่อไป ในด้านล่างของปะการังปรากฎบ่อเลือดสีแดงที่โดดเด่นขึ้นมา เขาคาดเดาว่าอสูรยิงศรจะไม่โผล่ขึ้นมาอีก เขารีบหันไปช่วย จี้กวง และ พรรคพวก และในเวลานี้เขาได้ยินเสียงเสือดาวทะเลร้องออกมาดังลั่น

  
ดาบโค้งของ จี้กวง ได้ตัดผ่านกรามล่างของปีกของ เสือดาวทะเลมีปีก และมีเลือดไหลออกจากแผลสดๆ เกาจั้น และ ซุนลี่อัน ยื่นออกมาจากด้านหลังของลำคอต่อมา ซากยักษ์ของสัตว์อสูรล้มลง ทับปะการังก้อนใหญ่บนพื้นดิน


 จี้กวง ไม่สนใจกับเสือดาวทะเลมีปีกที่ถูกสังหาร แต่กลับเดินตรงเข้าหา โม่บ่อกี้ เขาขอบคุณ โม่บ่อกี้ ด้วยการคำนับและพูดว่า "พี่โม่ ขอบคุณสำหรับการช่วยชีวิตข้าอีกครั้ง" เขารู้ว่า โม่บ่อกี้ ช่วยเขาด้วยการสกัดลูกศรจากอสูรยิงศร ขณะที่เขากำลังยุ่งอยู่กับการช่วยชีวิตของ ติงบู้เอ้อ ศรอันนี้พุ่งตรงมาทะลวงคอของเขาและทำให้บาดเจ็บสาหัสได้ หากไม่ได้ โม่บ่อกี้ ช่วยไว้


 "พี่บ่อกี้ ทุกคนเป็นพวกเดียวกัน เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะช่วยเหลือกันและกัน นอกจากนี้ หากไม่ได้ท่าน บู้เอ้อ อาจจะตายตั้งแต่ตอนนั้น"



โม่บ่อกี้ ตอบด้วยรอยยิ้ม แต่ลึกๆทุกคนเข้าใจดีว่า ถ้า จี้กวง ไม่ได้ออกไปช่วย ติงบู้เอ้อ โม่บ่อกี้ คงจะไม่คิดช่วย จี้กวง ป้องกันลูกศร แทนที่จะเลือกที่จะช่วยเหลือ ติงบู้เอ้อ แน่นอน



"พี่โม่ ท่านจะเป็นเพื่อนของข้าตลอดไป ข้าเคยคิดว่าท่านพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากพวกเรา แต่ดูเหมือนว่าข้าจะใจแคบเกินไป ถ้าไม่ใช่เพราะท่านที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง รอจัดการ อสูรยิงศร  พี่จี้ คงไม่รอดจากการโจมตีครั้งนี้" ในที่สุด ซุนลี่อัน ก็เริ่มพูดคุยกับ โม่บ่อกี้

  
"ต่อไปพวก จะตั้งเป้าหมายไปที่การค้นหาไข่เสือดาวมีปีก" จี้กวง กล่าวเเละชี้ออกไป
  

มันไม่ยากนักที่พวกเขาจะหาถ้ำปะการังที่มีลักษณะง่ายๆ ถ้ำขนาดใหญ่มีความสูงและความกว้างกว่า สามยี่สิบเซ็นติเมตร แม้แต่ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ถ้ำ ทั้งห้าคนยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาว
  

"นี่ที่นี่แน่นอน" จี้กวงพูด "ถ้ำแห่งนี้น่าจะเป็นรังชั่วคราวของ เสือดาวทะเลมีปีก ที่ใช้เพื่อฟักไข่ของมัน พวกมันจะทิ้งไข่ไว้ในถ้ำเป็นเวลาสี่เดือน"
  

          ทั้งห้าคนเข้ามาทีละคนและเดินเข้าไปในถ้ำ ในส่วนที่ลึกสุดของถ้ำ รังที่สูงตระหง่านทำจากขนสัตว์หลายชนิดโดดเด่นอยู่ที่ส่วนลึกสุดของถ้ำ ไข่หกใบถูกวางอย่างอบอุ่นอยุ่ในใจกลางของรัง
  

ไข่เหล่านี้น่าจะเป็นไข่ของเสือดาวทะเลมีปีก แต่สิ่งที่ โม่บ่อกี้ สงสัยก็คือ ไข่ห้าจากหกใบขมีขนาดเท่ากับลูกวอลเลย์บอล แต่ใบที่หกมีขนาดเล็กเพียงเเค่หนึ่งในสามของใบอื่นๆ ด้านบนมีไข่ใหญ่ห้าใบ มีลายสีขาวดำที่สวยงาม ในขณะที่ไข่ใบเล็ก กลับเป็นสีเหลืองสกปรก โดยที่มีขนาดโตกว่าไข่ไก่เพียงเล็กน้อย "โชคของเราค่อนข้างดีทีเดียว เราแต่ละคนจะได้ไข่ขนาดใหญ่หนึ่งใบ ไข่บางใบไม่ได้เป็นไข่ของ เสือดาวทะเลมีปีก มันอาจเป็นอะไรที่เสือดาวทะเลนำขึ้นมาจากที่อื่น ทุกคนเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าเราให้กับพี่ชายโม่ด้วย" จีกวงตอบทันทีที่แจกจ่ายไข่ทั้งหมด
  

ติงบู้เอ้อ และ โม่บ่อกี้ ย่อมไม่คัดค้าน ซุน ลี่อัน และ เกาจั้น ก็เห็นด้วยเช่นกัน
  

 พวกเขารู้ซึ้งถึงระดับความแข็งแกร่งของ โม่บ่อกี้ เป็นอย่างดี นอกจากนี้พวกเขายังเป็นหนี้ชีชีวิตโม่บ่อกี้ เพื่อให้สามารถเดินทางไปถึงที่ไกลได้อย่างปลอดภัย
   
เเต่ก็มีเรื่องที่เหนือความคาดหมาย โม่บ่อกี้หัวเราะแล้วพูดว่า "ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ข้าจะเอาไข่เล็กๆนี้ไปก็แล้วกันส่วน บู้เอ้อ ได้ไข่ขนาดใหญ่หนึ่งใบ ส่วนพวกท่านก็เอาไช่อีกสี่ฟองไปแบ่งกันเถอะ เพราะพี่จี้ ได้นำพวกเรามาถึงที่แห่งนี้แล้ว "หลังจากพูดจบเขาก็กวาดไข่ฟองเล็กมาเก็บไว้ เขาได้รับสิ่งที่เขาตั้งใจมาหาแล้ว ถ้าไม่มี จี้กวง เขาจะไม่มีทางหาสถานที่แห่งนี้ได้ เเละไม่มีทางที่จะเปิดจุดชีพจร ทั้งยี่สิบเจ็ดจุดได้
  
หากเขายังไม่ได้สัญลักษณ์ของศิษย์รับใช้ ที่ ฉินเซียงหยู มอบให้เขา โม่บ่อกี้ จะไม่่สนใจเลือกไข่เล็กๆ เพียงเท่านี้แน่ เพราะเมื่อได้มีไข่ของ เสือดาวทะเลมีปีก เพียงหนึ่งใบ เขาอาจได้รับเลือกเป็นศิษย์รับใช้ แต่เพราะตอนนี้เขามีสัญลักษณ์ของศิษย์รับใช้แล้ว ไข่ของเสือดาวทะเลมีปีก จึงไม่คุ้มค่ากับเขาอีกต่อไป ทำไมไม่ให้  จีกวง แทน บางทีมันจะถูกนำไปใช้ประโยชน์จากมากว่า นี่เป็นบทเรียนชีวิตอันมีค่าที่ โม่บ่อกี้ ได้เรียนรู้
  

แม้ว่าเขาจะนำไข่ของ เสือดาวทะเลมีปีก ไปกับเขา เขาก็ไม่ต้องกังวลกับการฟักไข่หรือฆ่า  เสือดาวทะเลปีกและฟักลูกหลานเพื่อใช้เป็นพาหนะ ความคิดทั้งหมดทำให้ โม่บ่อกี้ รู้ว่าถึงแม้เขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการสังหารเสือดาวทะเลปีก แต่ก็รู้สึกเหมือนเดิม
  

"ถ้าอย่างนั้น ข้าก็ขอขอบคุณ พี่โม่ สำหรับความช่วยเหลือของท่าน ท่านจะเป็นเพื่อนของข้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ดังนั้นถ้ามีอะไรที่ท่านต้องการให้ข้าช่วยเหลือท่านโปรดอย่าเก็บไว้" จี้กวง ยอมรับความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของ โม่บ่อกี้ หลังจากที่ไข่ของ เสือดาวทะเลมีปีกไม่พอจะแบ่งให้ลงตัว โม่บ่อกี้ สมควรมีโอกาสได้รับไข่ของ เสือดาวทะเลมีปีก ใบนั้นเนื่องจากเขามีส่วนร่วมมากกว่า จี้กวง และนั่นเพราะ โม่บ่อกี้ เสี่ยงอันตรายมากกว่าเขา
  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น