วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

บทที่ 2: การใช้ชีวิตเป็นเรื่องยาก


บทที่ 2: การใช้ชีวิตเป็นเรื่องยาก

เดอะแพนด้าทีม ไก่ในตำนาน แปล แมวอ้วน เรียบเรียง

โม่บ่อกี้ ไม่ได้เข้าไปช่วยดึงให้ ย่านเอ๋อ ลุกขึ้นเพราะเขารู้สึกว่า หลังจากที่ โม่ชิงเหอ ที่กลาย เป็นบ้าไป  ย่านเอ๋อ ก็ตองทนรับ ความกดดันและความทุกข์อย่างมากมาย ในขณะที่เขาทำได้เพียงแค่ มองดูเงาของสิ่งก่อสร้างมหึมา ที่อยู่ไกลๆ เเละตั้งใจว่า "ถึงแม้ว่า จะต้องเริ่มต้นใหม่ที่นี่ ก็ไม่เป็นไร"

แม้ว่าโลกนี้ จะปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ แต่ระดับของวิทยาการและเทคโนโลยี ก็คล้ายคลึงกับระดับของโลก มีระบบขนส่งสาธารณะ และอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เเต่ โม่บ่อกี้ ก็ยังคงกังวลว่าเขา จะหาเลี้ยงตัวเองให้มีชีวิตรอดได้อย่างไร

"ย่านเอ๋อ กลับกันเถอะ" เขายื่นมือออกไปแต่สายตายังคงจับจ้องกับเงาที่สูงตระหง่านนั้น ย่านเอ๋อ ที่ยังนั่งร้องไห้อยู่จึงลุกขึ้น แม้ว่า โม่บ่อกี้ จะได้ตายจากโลกเก่า และเกิดขึ้นใหม่ในโลกนี้ แต่เขาก็อาจจะไม่สามารถกลับคืนสู่ เมื่องฉินทางตอนเหนือได้

อีกอย่างคือ ตัวเขาเองก็ไม่ได้สนใจกับการขึ้นครองบัลังก์ แต่ โมบ่อกี้ ยังมั่นใจว่า เขาสามารถตั้งหลักปักฐานที่นี่ได้่ เพราะว่าในอดีต เขาเคยเป็นทั้งนักชีววิทยา และนักพฤกษศาสตร์ชั้นนำของโลก มันเป็นเพราะเขาสามารถสกัดสารสำคัญจากพืชหลายชนิด เพื่อสร้างยาเปิดและขายจุดชีพจร ซึ่งนั่น ทำให้คนรักของเขาฆ่าเขา  เเละเพราะเหตุนี้ เขาจึงได้เกิดใหม่ในสถานที่นี้

เเต่ โม่บ่อกี้ ก็ยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับ คุณค่าของยาเปิดจุดชีพจรของเขา ความเกี่ยวข้องของเส้นชีพจร กับพลังปราณดูค่อนข้างคลุมเครือเสมอ แม้ว่า เส้นชีพจร มักถูกพูดถึงในยาแผนโบราณของจีน เเต่ในจริง ก็มีหลายคนสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความสัมพันธ์ของ เส้นชีพจรกับพลังปราณอยู่จริง และเขียนบทความวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้

แต่ใครจะจินตนาการได้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเส้นชีพจรมีประสิทธิภาพ ไปถึงจุดที่สามารถรับความรู้สึก ความคิดเเละ อารมณ์ได้จริง พลังนั้นจะมากมายเพียงไหน

เเต่สิ่งเดียวที่ บ่อกี้ คิดไม่ถึงก็คือ คนรักของเขา ซึ่งเขาที่สาบานจะมีชีวิตร่วมกันจนกว่าความตายจะมาพราก จะฆ่าเขา จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่เข้าใจว่า ทำไม หลิวหยินถึงต้องใช้มีดเเทงเขา ในช่วงเวลาแห่งความสำเร็จของเขา

"ได้ค่ะ นายท่าน ... " ย่านเอ๋อ พูดหลังจากที่ควบคุมอารมณ์ได้

โม บ่อกี้  พูดออกมาอย่างไม่สบายใจว่า "ย่านเอ๋อ ข้าดูเหมือนองค์ชายหรือ  จากนี้เรียกชื่อของข้าตรงๆเถอะ อดีตคืออดีต วันนี้เราจะเริ่มต้นใหม่ ชื่อของข้าจะไม่ใช่ โมชิงเหอ อีกต่อไป แต่บัดนี้ ชื่อของข้าคือ โม บ่อกี้"

"ได้ค่ะ นายท่าน" ย่านเอ๋อ ตอบiy[อย่างรวดเร็ว

โมบ่อกี้ ไม่ได้บังคับ ย่านเอ๋อ อีก เพราะนิสัยที่ทำมานานยากเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลง "ท้องฟ้ามืดเเล้วไปเถอะพรุ่งนี้ข้าจะหางานทำ "

ถึงแม้ว่า โมบ่อกี้ ไม่กลับบ้านเกิดก็ตาม ด้วยความตายของบิดามารดา และเงินทองที่หมดไป ตระกูลโม่จึงล่มสลายลง เพราะเรื่องนั่น โม่ชิงเหอ จึงบ้าคลั่ง นอกเหนือจากการทำงานหาเลี้ยงชีพ ย่านเอ๋อ ยังต้องเล่นเกมโง่ๆ กับ โม่ชิงเหอ นั่นแปลว่า พวกเขามีชีวิตรอดได้อยุ่แล้ว แม้ โม่บ่อกี้ จะไม่ได้งานทำก็ตาม

"โธ่ นายท่านไม่จำเป็นต้องหางานทำหรอก หลังจากนี้ไป เราไม่ต้องออกมาทุกวัน ข้าสามารถหางานอื่นทำได้ เมื่อได้ยินเสียง โมบ่อกี้ บอกว่าอยากหางานทำ ย่านเอ๋อ ก็รีบห้ามเขาทันที

โม่บ่อกี้ มองไปที่ชุดที่ขาดวิ่นของ ย่านเอ๋อ และเครื่องประดับผมที่เรียบง่ายบนผมสีเหลืองของนาง  โม่บ่อกี้ ไม่พูดอะไรกับเรื่องนี้ เพราะบางอย่างก็ไม่อาจ แสดงให้เห็นได้ด้วยคำพูดลอยๆ ต่อให้ โม่ชิงเหอ ตายไป เขาก็คงไม่รู้ซึ้งถึงความยากลำบากที่ ย่านเอ๋อ ได้รับ ....

ถึงแม้จะมีประตูเมืองและกำแพงเมืองราวโจว เเต่ไม่มียามสักคนที่กำเเพงนั้น ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน ทุกคนสามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ประตูเมืองและกำแพงเมืองราวโจว เป็นเพียงสัญลักษณ์ ไม่ได้ใช้ในการป้องกันสงครามหรือข้าศึก

โม่ชิงเหอ มุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูประเทศของเขา เพียงอย่างเดียว และไม่สนใจเรื่องการทำงานในเมืองราวโจว เเม้เเต่น้อย  โม่บ่อกี้ ได้ทันทีจากความทรงจำอันอ่อนแอของ โมชิงเหอ ว่าชีวิตในเมืองราวโจว ยากลำบากถึงเพียงนี้

หลังจากตาม ย่านเอ๋อ ไปถึงเมืองแล้ว โม่บ่อกี้ ก็รู้สึกได้ถึงความคึกคักของเมืองราวโจวในทันที ด้วยถนนที่กว้างใหญ่ อีกทั้งยังเต็มไปด้วย ผู้คนที่มากมายสับสน เบียดเสียดกัน พร้อมกับร้านค้าที่มีไฟสว่างอยู่ทั้งสองฟากของถนน

เเต่บริเวณที่คึกคักนี้ ไม่ใช่ที่พักที่ โม่บ่อกี้ อาศัยอยู่ หลังจากที่ทั้งสองเดินข้ามถนนที่วุ่นวาย และเดินไปเกือบหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงบริเวณที่อยู่อาศัยที่แออัด ที่นี่เต็มไปด้วยแสงไฟซีดจางมืดสลัว

โม่บ่อกี้ มองเห็นพื้นที่ว่างที่พวกเขาอาศัยอยู่ได้จากระยะไกล แม้ว่าค่าเช่าที่นี่จะถูกแสนถูก จนเหมือนให้เปล่าก็ตามที เเต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะจ่ายได้ ถ้าไม่ได้ความเมตตาของเจ้าของบ้าน ที่พวกเขาอาศัย พวกเขาอาจจะไม่ได้มีที่ซุกหัวนอนด้วยซ้ำไป

"โอ้ ท่านอ๋องกลับมาแล้ว เจ้าทำได้ดีมาก" เสียงดังขึ้นขัดจังหวะ โม่บ่อกี้ ที่กำลังคิดเรื่องราวที่ต่างๆในทันที

"เจ้า ฮูเฟย หลีไปให้พ้น"  ย่านเอ๋อ ซึ่งเดินอยู่ครึ่งด้านหลังของ โมบ่อกี้ ก้าวขึ้นมาบังหน้าเขาไว้ แล้วปั้นหน้าเหมือน เสือดาวตัวน้อยกำลังโกรธ พร้อมกับดัน โม่บ่อกี้ ให้อยู่ด้านหลังนาง

ภายใต้แสงสลัวๆ โม่บ่อกี้ เห็นหนุ่มที่มีผมหยาบหนา แม้จะดูเหมือนเขาจะหวังดีต่อ โม่บ่อกี้ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะ โมบ่อกี้ ยืนอยู่กลางถนน เขาคงไม่ทำตัวแบบนี้


"น้องย่านเอ๋อ พี่ใหญ่ได้ซื้อหมูสับให้กับเจ้าครึ่งห่อ เจ้าทำเช่นนี้กับข้า มันทำให้ข้าเสียใจนะ" ฮูเฟย พูดขณะที่เเกะ *ห่อใบตอง ในมือของเขา (อาหารจีนห่อหุ้มไว้ในใบบัว / ใบเตย / กล้วย)

ท้องของ โมบ่อกี้ ก็ลั่นโครกออกมา โดยไม่ได้ตั้งใจแต่เดิม ย่านเอ๋อ ต้องการ ฮูเฟย หลีกออกจากทาง เเต่นางลังเลทันที่เห็นห่อใบบัว

"มันน่าจะดีนะ ถ้าพี่ใหญ่กับเจ้า จะไม่ใช่คนแปลกหน้าอะไรกัน ... " ฮูเฟย พูดพร้อมขยับมือจะไปวางที่ไหล่ของ ย่านเอ๋อ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างหื่นกระหายของมัน เเม้ว่า ย่านเอ๋อ จะมีร่างกายแคระแกร็น เนื่องจากโภชนาการที่ไม่ดี แต่นางยังคงมีใบหน้าที่งดงามอยู่

ตาของ ย่านเอ๋อ เต็มไปด้วยความลังเล ถ้านางอยู่ตามลำพัง นางคงไม่ต้องห่วงเรื่อง ฮูเฟย แต่วันนี้ โม่บ่อกี้ ไม่ได้กินอะไรตลอดทั้งวัน และท้องของ โม่บ่อกี้ ก็ร้องเสียงดัง นอกจากนี้ที่บ้าน ยังไม่มีอาหารเเละข้าวเหลืออีกด้วย นางควรจะทำอย่างไรดี

โมบ่อกี้ ไม่รู้ว่า ย่านเอ๋อ คิดอะไร แต่เขาไม่รอให้มือของ ฮูเฟย ได้แตะไหล่ของ ย่านเอ๋อ โมบ่อกี้ รีบเตะออกด้วยเท้าของเขา

ฮูเฟย ไม่เคยคิดว่า โม่บ่อกี้ จะทำกล้าทำเช่นนี้กับเขา โม่บ่อกี้ เตะเข้าอย่างเต็มแรงเข้าที่หน้าอกแต่ทว่า

          โม่บ่อกี้ กลับรู้สึกราวกับว่าเขาเตะใส่แผ่นเหล็ก และเขาคงต้องใช้เวลาอีกนานในการรักษาขาของเขา

"โธ่.. น่ายท่านเป็นอย่างไรบ้าง ... " ย่านเอ๋อ รีบวิ่งเข้ามาช่วย โม่บ่อกี้ อย่างรวดเร็ว

โม่บ่อกี้ มองไปที่ ฮูเฟย ที่ถูกเตะเเต่มันช่วยอะไรไม่ได้เลย โม่บ่อกี้ ตกใจมาก กับสภาพร่างกายของเขาในปัจจุบัน ที่อ่อนแอมากเหลือเกิน ไม่พอแม้แต่จะมีแรงเตะ ฮูเฟย ได้หรือว่า ฮูเฟย เป็นจอมยุทธ

"เจ้าอยากตายใช่ไหม... " ฮูเฟย ไม่ได้คิดว่า โม่ชิงเหอ ผู้อ่อนแอที่เอาแต่เพ้อฝันถึงการขึ้นเป็นอ๋อง จะกล้าต่อต้านเขาอย่างคาดไม่ถึง ฮูเฟย เดินเข้ามาด้วยความโกรธ พร้อมกับดึงมีดยาวออกมาจากเอวของเขา และรีบวิ่งเข้าหาหา โม่ชิงเหอ (ในบทนี้ ฮูเฟย รู้จักแต่ โม่ชิงเหอ โดยไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนชื่อเป็น โม่บ่อกี้ แล้ว)

ผู้เห็นเหตุการณ์หลายคน เห็นว่า ฮูเฟย พุ่งเข้าหา โม่บ่อกี้ แต่ไม่มีใครมาช่วยอะไร พวกเขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ

"ฮูเฟย รีบหยุดเดียวนี้ เจ้ากล้าฆ่าคนกลางวันแสกงั้นหรือ" หน้าของ ย่านเอ๋อ เปลี่ยนเป็นซีดขาว และนางไม่ทันสังเกตว่า ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว

"ฮาฮ่า ข้าอยากจะกำจัดเจ้าขยะนี้นานแล้ว เเละข้าโชคดีที่เจ้าขยะนี่ บังอาจต่อต้านข้าเป็นครั้งแรก แม้ว่าข้าจะฆ่ามัน ข้าก็เเค่ถูกปรับเท่านั้น ย่านเอ๋อ ข้ากำลังทำเพื่อเจ้า หากเจ้ามาอยู่กับข้า เจ้าจะได้กินอาหารดีๆ และมีเสื้อผ้าที่สวยๆใส่" ฮูเฟยพูด  เห็นได้ว่า ฮูเฟยไม่คิดจะหยุดเเม้เเต่น้อย

ย่านเอ๋อ รู้สึกกลัวมาก แต่นางไม่มีทางอื่น นอกจากใช้ร่างกายของนางเพื่อปกป้อง โม่บ่อกี้ เท่านั้น

ถึงตอนนี้ โมบ่อกี้ จึงสงบใจลงได้อย่างสมบูรณ์ จากความทรงจำของเขา รัฐเฉิงตู มีกฎหมายเช่นนี้ ไม่ว่าเจ้าจะถูกหรือผิดถ้ามีคนทำร้ายเจ้าก่อน แล้วเจ้าฆ่าเขาเจ้าจะเสียค่าปรับเล็กน้อยเท่านั้น

เมื่อรู้ดีว่าสายเกินไปที่จะเสียใจ โมบ่อกี้ จึงรีบดึง ย่านเอ๋อ ไปด้านข้าง เขาจ้องมองที่ ฮูเฟย แล้วพูดว่า "ฮูเฟย หากเจ้ากล้าเเตะ ย่านเอ๋อ แม้แต่ปลายเส้นผมแค่เส้นเดียว เจ้าจะตายอย่างน่าสยดสยอง"

/////////////////////////////////////////////////


ไก่ในตำนาน : จบไปอีกหนึงตอนกับ การแปล สี่ชม ฝากคอมเม้นเเละให้กำลังใจด้วยครับ หากเเปลไม่ดีไม่น่าอย่าฝากคอมเม้นบอกด้วยครับ สวัสดีครับ
แมวอ้วน : อย่ากังวลเลย ข้าคือผู้ย้อนเวลามาจากตอนที่ 77 จนกว่าเราจะเจอกันในตอนที่ 5 เจ้าแปลได้ไม่ดีจริงๆ แต่อย่ากังวลเลย ข้าย้อนเวลามาช่วยเรียบเรียงให้แล้ว วะฮะฮ่า
ผู้อ่าน : ตอนที่5ก็ไม่ได้ดีกว่าตอนนี้เท่าไรหรอก……
          ตึ้งโป๊ะ!


1 ความคิดเห็น:

  1. ดีขึ้นกว่าตอนแรก แต่ยังไม่รื่นครับ ยังวนเวียน งงงันนิดหน่อย สู้ๆครับ

    ตอบลบ