วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

บทที่ 1: เจ้าชายที่พ่ายแพ้


บทที่ 1: อรัมภบท

          เดอะแพนด้าทีม ไก่ในตำนานแปล แมวอ้วนเรียบเรียง

"ฮ่าฮ่า ... หลิวอิน ผมทำได้เเล้ว ผมปรับเเต่งยาสำเร็จเเล้ว ... "ภายในห้องทดลองที่ยุ่งเหยิง โม่บ่อกี้ ถือขวด*พอร์ซเลนไว้ในมือ แล้วเริ่มหะวเราะราวกับว่าเขาเป็นคนบ้า.."

ติ๊ง . . . . . . . "

ถ้วยชาใบหนึ่ง หล่นลงพื้น จนน้ำชาหกออกไปจนหมด สาวสวยคนหนึ่งในชุดกี่เพ้าสีแดงเลือดหมูยืนอยู่ข้างประตู จ้องมอง โม่บ่อกี้ ด้วยความเหม่อลอย เมื่อรู้สึกตัว เธอจึงพูดด้วยเสียงสั่นเครือ "บ่อกี้ สำเร็จไหม คุณทำสำเร็จใช่ไหม"

โม่ บ่อกี้ มองสาวสวยที่ยืนอยู่ตรงทางเข้า เขารู้ว่า เซี่ยหลิวอิน คงกำลังยกชามาให้เขาถ้วยหนึ่ง เเละเรื่องนี้ คงทำให้เธอตกใจมาก ด้วยความตื่นเต้นความตื่นเต้น เธอจึงทำ ถ้วยก็หลุดจากมือหล่นลงพื้น

" หลิวอิน คราวนี้ไม่พลาดแน่ ผมแค่ดื่มมันลงไปครึ่งขวดเท่านั้น  แต่ผมรู้สึกเหมือนกับมีไฟลุกไหม้เส้นชีพจรของผม และพวกมันกำลังค่อยๆเปิดและขยายออก   ผมก็รู้ได้ทันทีว่าเราทำสำเร็จเเล้ว เเน่นอน!"

       โม่บ่อกี้ ถือขวดพอร์ซเลนก็เดินไปหาหญิงสาวคนนี้และคว้ามือของเธอ "หลิวอิน มันเป็นเรื่องยากสำหรับคุณ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ผมทุ่มเทให้กับการค้นคว้าเรื่องยาเปิดเส้นชีพจร และผมไม่ได้ดูแลคุณอย่างที่ควร  แต่คุณก็คอยดูแลผมมาตลอด หลังจากนี้ไปเราจะแต่งงานกัน แล้วเราจะเริ่มสร้าง บริษัท ที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตยาเปิดเส้นชีพจร ผมเชื่อว่าไม่นานธุรกิจของเราจะขยายทั่วโลก"

หญิงสาวนั้นสงบลง แต่เธอก็ยังพูดด้วยเสียงที่ตื่นเต้น "คุณจดบันทึกสูตรยาไว้หรือเปล่า"

โม่บ่อกี้ พยักหน้า "หลิวอิน คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ ผมบันทึกข้อมูลทั้งหมดไว้ในแล็ปท็อป มาดูสิ ... "

หลังจาก โม่บ่อกี้ พูดจบเขาก็หันกลับไปและเดินไปที่แล็ปท็อป

ทันใดนั้น เขารู้สึกเย็นยะเยือกและตามด้วยอาการปวดร้าวที่รุนแรงจากด้านหลัง เมื่อเห็นปลายใบมีดโผล่ออกมาจากหน้าอกของเขา เขารู้ได้ทันทีว่ามีคนแทงทะลุหัวใจของเขาจากด้านหลัง

ความเจ็บปวดทำให้เขารู้สึกมึนงงและสติของเขาเริ่มจางหายไป โม่บ่อกี้ หันไปรอบ ๆ อย่างช้าๆขณะที่มองไปที่มือที่จับมีด มันคือ เซีย หลิวอิน ดวงตาของเขาเบิกกว้าง แล้วพึมพำว่า "หลิวอิน ... ทำไม? ทำไม?"

เขายังคงไม่เชื่อว่าคนรักของเขาที่เขารักมานานหลายปีจะเป็นคนแทงเขา

"ฉันขอโทษ บ่อกี้ ฉันขอโทษ ... "มือของ หลิวอิน สั่นไม่หยุด ขณะที่เดินตัวสั่นผ่านร่างของเขา เธอได้ฆ่าคนรักของเธอ เขาเป็นคนที่เธอรักมานานกว่า สิบปีและเป็นคนที่รักเธอหมดหัวใจ

น้ำตาสองหยดเอ่อล้นออกจากดวงตาของ โม่บ่อกี้ เขารู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังค่อยๆเย็นลง เขาค่อยๆสูญเสียสติของเขาและดวงตาของเขาเริ่มที่จะมืดลง อย่างไรก็ตามเขายังไม่อยากหลับตา เขายังคงจ้องมองไปที่ เซีย หลิวอิน ขณะที่เขาพูดว่า "ถ้าคุณต้องการสูตร ... ก็แค่บอกผมสักคำ ผมยินดีที่จะยกให้คุณทันที...เเต่ ทำไม"

โม่บ่อกี้ ไม่ได้หลั่งน้ำตาของเขาเพราะว่าเขากำลังจะตาย เท่าที่เขาจำได้ เขาไม่เคยร้องไห้ในชีวิตของเขา ถึงอย่างนััน วันนี้สิ่งที่เจ็บมากที่สุดไม่ใช่อาการบาดเจ็บที่หลัง แต่เป็นความเจ็บปวดที่ เกิดจากการทรยศของคนที่เขารัก

บางทีแม้แต่ เซี่ย หลิวอิน ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองสำคัญแค่ไหน ในใจของโม่บ่อกี้ ถ้าเธอเอ่ยปากเพียงคำเดียว ว่าเธอต้องการมัน โม่บ่อกี้ จะยกให้เธอทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข

เซีย หลิวอิน ผู้หญิงที่เขายอมตายแทนได้ กลับแทงข้างหลังเขา ในวันที่แสนสำคัญในวันนี้

บางที คำถามบางคำถามก็ไม่มีวันได้รับคพตอบ บางที ความตายอาจไม่ได้หมายถึงการพักผ่อน ในหลุมฝังศพของเขาก็ได้  ดวงตาที่มืดมิดของเขา ได้ปิดบังน้ำตาอีกสองหยดเอาไว้

"...... " เซีย หลิวอิน เองก็หลั่งน้ำตาสองสาย และน้ำตานั้นก็หยดลงมา เเละชำละล้างคราบเลือดของโม่บ่อกี้

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เจ้าชายที่ตกอับ

"ก๊า ก๊า..!!. ." เสียงร้องของอีกาปลุกให้ โม่บ่อกี้  ตื่นขึ้น เมื่อเขายกหัวขึ้น เขาก็เห็นอีกาตัวหนึ่ง ที่บินอยู่เหนือตัวเขา หายไปอย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยเสียงระฆังที่รุนแรง

"ฉันอยู่ที่ไหน" โม่บ่อกี้ รู้สึกแปลก ๆ ดูเหมือนเขาจะนั่งอยู่บนหลุมฝังศพที่ทำขึ้นใหม่ ล้อมรอบด้วยเด็กเจ็ดถึงแปดคนคุกเข่าลงตรงหน้าเขา ในหมู่พวกเขา มีเด็กสาวสวมกระโปรงสีฟ้า ถือตะกร้าไม้ไผ่ใส่ดอกไม้ยืนอยู่ข้างๆเขา

ขณะที่ โม่บ่อกี้ ยังสับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เด็กสาวคนนี้ก็พูดเบาๆด้วยเสียงอ่อนโยนว่า "วันนี้ทุกคนทำได้ดีมาก แต่ไม่มีขนมหวานเหลือแล้ว วันนี้พวกเจ้ากลับไปกันก่อน แล้วกลับมาเล่นกันใหม่พรุ่งนี้"

"นี่เป็นการเล่นเป็นองค์จักรพรรดิ์ และข้ารับใช้ใช่หรือไม่ ทำไมภาพเหล่านี้จึงคุ้นตานัก"

โม่บ่อกี้ ตกใจเพราะฉากนี้คล้ายกับ ฉากสุดท้ายของนวนิยายเรื่องหนึ่งที่มีตัวละครชื่อ มู่หยงฟู่ ในตอนจบ มู่หลงฟู่ต้องกลายเป็นคนบ้า เพราะสิ่งที่เขาทำเพื่อประเทศของเขา ญาติผู้น้องที่งดงามและใจดีของเขา หวัง ยู่หยาน ทิ้งเขาไปหาผู้ชายอีกคนหนึ่ง และท้ายที่สุดสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ของเขาก็คือ คนรับใช้ที่ชื่ออาบี

ฉากนี้เป็นฉากหลังจากที่ มู่หยงฟู่ เป็นบ้าเพราะเขาสูญเสียประเทศของเขาไป ได้รวบรวมพวกเด็กๆมาเล่นกับเขา

"ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ข้าพระองค์จะกลับมาหาขนมหวานอีกวันพรุ่งนี้ ข้าพระองค์ขอถวายบังคมลา... " เด็กๆ ก็แยกย้ายกันกลับบ้านหลังจากพูดประโยคนี้ แบบไม่พร้อมเพรียงนัก

โม่บ่อกี้ มองไปรอบๆและ สังเกตเห็นชายหนุ่มสองสามคนกำลังเดินมาพร้อม กับหญิงคนหนึ่งสวมกระโปรงสีม่วง ความงามของนางทำให้เขาลืมเรื่องในปัจจุบันไปอย่างสิ้นเชิง

ผู้หญิงในชุดกระโปรงสีม่วง ก็มองกลับมาหา โม่บ่อกี้ สายตาของนางเต็มไปด้วย ความสับสนและความสงสาร อีกทั้งยังมีแววตาแห่งความผิดหวังในตัวเขา คนอื่นๆในกลุ่ม ดูเหมือนกำลังพูดคุยกันและหัวเราะเยาะเขาชณะที่เดินผ่านหน้าเขา

"ไม่ใช่! ... "

ทันใดนั้น โม่บ่อกี้ ก็นึกถึงเรื่องราวที่น่าสยดสยอง "มันเป็นไปได้ไหม ที่หลังจากตายแล้ว ข้าก็เกิดใหม่ในร่างกายของ มู่หยงฟู่ วิญญาณของข้าไปเข้าร่างของคนอื่นเข้าหรือเปล่่า"

"แล้วทำไมวิญญาณข้าจึงเข้าผิดร่าง เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้"

เมื่อมาถึงจุดนี้ โม่บ่อกี้ ก็เริ่มปวดหัว ในที่สุดเขาก็นึกขึ้นได้ว่า หลังจากที่เขาพัฒนายาเปิดจุดชีพจรได้สำเร็จ เขาก็ถูกคนรักของเขาแทงจนตาย เมื่อคิดถึงตรงนี้หัวใจของ โม่บ่อกี้ ก็เต็มไปด้วยความเศร้า

...

เขาเริ่มปวดหัวเเละตัวสั่นอย่ารุนเเรง นั่นทำให้เขาคิดเรื่องนี้ไม่ไหวอีกต่อไป มีความทรงจำและข้อมูลมากมาย กำลังทะลักเข้ามาสู่สมองของเขา หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง โม่บ่อกี้ ก็เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด

เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ราชวงศ์ซ่งอีกแล้ว และเขาไม่ได้เกิดใหม่ในร่างกายของ มู่หยงฟู่
นี่ไม่ใช่โลก ตอนนี้เขาอยู่ในเมืองราวโจว ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐเฉิงตู เขาถูกเรียกว่า โม่ ชิงเหอ เป็นองค์ชายของรัฐฉินทางตอนเหนือ พ่อของเขาตั้งชื่อเขาว่า โม่ ชิงเหอ หลังเกิดจักรวรรดิ ชิงฮั่น

โม่ ชิงเหอ ไม่รู้ว่าโลกนี้ใหญ่แค่ไหน แต่เขารู้ว่าจักรวรรดิ ชิงฮั่น  ไม่ใช่อาณาจักรแห่งเดียว ทุกอาณาจักรแบ่งออกเป็นรัฐและทุกรัฐได้ถูกแบ่งออกเป็นหลายจังหวัด

โม่ชิงเหอ อยู่ในเขตภาคเหนือของเมืองฉิน ภายใต้ รัฐเฉิงตู และ เฉิงตู อยู่ใน จักรวรรดิ  ชิงฮั่น

เมื่อสิบเก้าปีก่อนปู่ของ โม่ชิงเหอ  โม่ เทียนเชิง เป็นเจ้าเมืองของเมืองฉิน หลังจากที่มาถึงเมืองเฉิงตูแล้ว เขาก็หายตัวไป ดังนั้นจังหวัดฉินจึงจำเป็นต้องมีเจ้าเมืองคนใหม่ และเจ้าเมืองจำเป็นต้องได้รับแต่งตั้งจากองค์เจ้า

ถ้าไม่ใช่เพราะการหายตัวไปอย่างกะทันหัน ของ โม่เทียนเชิง โมเทียนเชิงอาจได้ครองบัลลังก์ และสืบทอดไปยังลูกหลานโดยตรงของเขา และรายงานเรื่องนี้ต่อเจ้าแห่งรัฐ อย่างไรก็ตาม โม่เทียนเชิง ก็หายตัวไป และไม่ได้ขึ้นครองราชบัลลังก์อย่างเป็นทางการ ดังนั้น ผู้สืบทอดต้องมุ่งหน้าไปยังรัฐ เพื่อรับสิทธิ์ในการครองราชบัลลังก์ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ และเจ้าผู้ครองรัฐ

บิดาของ โม่ชิงเหอ จึงตัดสินใจที่จะนำ โม่ชิงเหอ มายัง ราวโจว ด้วยเหตุผลสองประการ ประการแรกพวกเขาต้องการหา โม่เทียนเชิง ประการที่สองบิดาของ โม่ชิงเหอ โม่ กาวย่าน ต้องการการยอมรับจากเจ้าเมืองคนอื่นๆ เพื่อจะได้รับสืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากบิดา

เดิมการสืบทอดราชบัลลังก์เป็นเรื่องง่าย ไม่มีใครคาดว่า หนทางจะเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมายถึงเพียงนี้ ดังนั้น บิดาของ โม่ชิงเหอ จึงต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากและวิ่งเต้นมานานกว่าสิบปี แต่พวกเขากลับยังไม่ได้ขึ้นครองราชบัลลังก์สักที

บิดามารดาของ โม่ชิงเหอ เจ็บป่วยและเสียชีวิตไปเสียก่อน และ โม่ชิงเหอ ได้สืบทอดเจตนารมณ์จากพ่อของเขา ในการที่จะหวังขึ้นครองราชบัลลังก์

หลังจาก การตายของพ่อแม่ โม่ชิงเหอ และคนตระกูลโม่ ในที่สุดเงินของพวกเขาก็หมด โม่ชิงเหอ เดินทางมาหลายปีแล้วโดยไม่ได้ทำอะไร ที่มีประโยชน์เมื่อรู้ว่าราชวงศ์ฉินทางตอนเหนือถูกยึดครองโดย เจ้าเมืองเฉิงตู  โม่ชิงเหอ ก็คลั่งจนบ้า และกลายมาเป็น โม่บ่อกี้

โม่บ่อกี้ ยังจำได้ว่า สตรีในกระโปรงสีม่วง ชื่อของนางคือ เหวิน หม่านซู และพ่อของนาง เป็นเพื่อนสนิทกับพ่อแม่ของ โม่ชิงเหอ

โม่ชิงเหอ และ เหวิน หม่านซู เป็นคู่รักกันตั้งแต่สวัยเด็ก แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สัญญากันเช่นนั้น แต่ทุกคนก็ยอมรับว่าเมื่อทั้งสองคน เติบโตพวกเขาอยู่ด้วยกัน

นับตั้งแต่ตระกูลโม่ สูญเสียโอกาสขึ้นครองบัลลังก์ พร้อมกับการเสียชีวิตของพ่อแม่ของ โม่ชิงเหอ เเละความคุ้มคลั่งของ โม่ชิงเหอ ทุกอย่างเลือนหายไป ในขณะที่ เหวินหม่านซู เติบโตขึ้น นางก็ตีตัวออกห่างจาก โม่ชิงเหอ และเข้าไปมีความสัมพันธ์กับเจ้าชาย จากครอบครัวที่มีอิทธิพลอื่นๆ

เมื่อรู้สึกว่า หยาดน้ำตาสองหยด ได้หยดลงบนหลังมือของเขา โม่บ่อกี้ จึงเงยหน้าขึ้นจากหัวเข่า และเห็นว่านั่นคือเด็กสาวที่ดูเศร้า ที่ใบหน้าของนางมีรอยแผลเป็นอยู่

เหมือนกับที่ อาบี คอยอยู่ข้างๆ มู่หยงฟู่ เด็กสาวคนนี้ชื่อ ย่านเอ๋อ นางเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างเขา แม้ว่าฐานะของนางจะเป็นเพียงคนรับใช้ของเขาก็ตาม ถ้าไม่ใช่เพราะว่า ย่านเอ๋อ  โม่ชิงเหอ จะไม่มีวันได้เกิดใหม่ และไม่มีใครรู้ได้ว่า โม่ชิงเหอ เดิมจะตายไปนานเท่าไร

นอกเหนือจากรอยแผลเป็นบนใบหน้าของนาง ย่านเอ๋อ ยังมีอาการของคนที่ขาดสารอาหาร ผมของนางทั้งแห้งกรอบและกลายเป็นสีเหลืองทั้งหมด และนางยังขาดความสดใสเช่นเด็กสาวทั่วไป

"มันไม่สมเหตุสมผล ... " โม่บ่อกี้ พูดเสียงสั่น ตระกูลโม่เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลราชวงศ์ ดังนั้นแม้ว่าบิดาของ โม่ชิงเหอ ไม่สามารถครองราชสมบัติได้สำเร็จ แต่ในประเทศที่ร่ำรวยนี้ เขาก็ไม่ควรเจ็บป่วย หรืออดตาย เพราะยากจนทำไม เขาไม่ออกจากเมือง ราวโจว และกลับไปที่เมืองฉินทางตอนเหนือ โดยเร็วที่สุด หรือว่า ไม่มีใครคอยดูแลเงินของตระกูลโม่

มีบางอย่างผิดปกติเเน่นอน

โม่บ่อกี้ เงยหน้าขึ้นแล้วเห็น ย่านเอ๋อ กำลังเช็ดน้ำตา ดวงตาของนางแดงเล็กน้อย ขณะที่นางถามเบาๆว่า "องค์ชายของข้า พวกเราสามารถกลับตอนนี้ได้หรือไม่"

โม่บ่่อกี้ ก้มหัวลงแล้วถอนหายใจ ไม่ใข่แค่ ย่านเอ๋อ แต่ยังสถานะในตอนนี้ของเขาและร่างกาย แม้แต่ในตอนที่เล่นกับเด็กๆ ย่านเอ๋อ ก็ยังสุภาพและใช้คำพูดเหมือนที่ใช้ในพระราชวัง

อย่างไรก็ตาม โม่บ่อกี้ ฟื้นตัวเร็วมาก และรู้สึกหงุดหงิดกับตัวเอง เขามีความรู้สึกที่หลากหลายเกี่ยวกับว่า เขาควรจะรู้สึกขอบคุณหรือไม่ เมื่อเขายังไม่ตายจากความเสียใจที่คนรักของเขา เป็นผู้วางแผนฆ่าเขา หรือเสียใจที่เขาไม่สามารถกลับไปสู่โลกได้อีก

เมื่อเห็นโม่บ่อกี้ไม่ได้พูดอะไรสักครู่ ย่านเอ๋อ ก็พูดอีกว่า "องค์ชายของข้าท้องฟ้ากำลังมืดครึ้ม... "

โม่บ่อกี้ ถอนหายใจขณะที่มองไปที่ดวงอาทิตย์อันห่างไกล เขาไม่แน่ใจว่าจะเป็นเพราะเขาคิดถึง โม่ชิงเหอ หรือเพราะเขาเพิ่งเสียใจเกี่ยวกับชะตากรรมของตัวเอง ในที่สุดเขาก็พูดว่า "เรากลับกันเถอะ... "

เขาเห็นใบหน้าของ ย่านเอ๋อ ที่มองมาด้วยความประหลาดใจ ไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม เขาถอนหายใจและพูดว่า "ไปเถอะ กลับไปที่ราชวัง ... "

ต้องบอกว่าเขาต้องการที่จะยืนขึ้น เขาเอามือปัดดินบนขาของเขาออกไป แต่ถึงอย่างนั้น ขาของก็ชาเพราะไม่ได้ใช้มาเป็นเวลานาน เขากำลังรู้สึกมึนงงหลังจากการนอนหลับ โชคดีที่ ย่านเอ๋อ อยู่ที่นั่นเพื่อช่วยเขา

เมื่อ ย่านเอ๋อ ช่วยพาเขาออกจากป่าทึบ  โม่วูจิ กำลังยุ่งอยู่กับการจัดเรียงความคิดที่ยังคงอยู่ในใจของเขา

"โลกนี้เป็นแบบไหนกันนะ ... " ทั้งสองเดินอย่างเงียบๆ สักสองสามนาทีต่อมา หลังจาก โม่บ่อกี้ พูดพึมพำกับตัวเอง

"องค์ชายของข้าท่านเพิ่งพูดอะไร" ย่านเอ๋อ ถามเพราะนางไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ โม่บ่อกี้ พูดก่อนหน้านี้

โม่บ่อกี้ ส่ายหัว

"ย่านเอ๋อ โปรดอย่าเรียกข้าว่า องค์ชายของข้า อีกเลย โปรดเรียกข้าด้วยชื่อของข้าเถอะ"
เพราะทั้ง โม่บ่อกี้ และ ย่านเอ๋อ จะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันต่อไปในอนาคต จึงต้อง บอกกล่าว กันไว้บ้าง

ข้ารู้สึกไม่ดีมากๆย่านเอ๋อ ตอบอย่างตื้นตัน มือที่ถือตะฃกร้าของนางสั่นเทิ้ม และมีหยาดน้ำไหลออกจากตาของนาง

 "นายท่าน เรียกแบบนี้ท่านรู้สึกดีขึ้นหรือไม่"

โม่บ่อกี้ ตอบด้วยรอยยิ้มน้อยๆ "บางทีข้าอาจยังไม่ฟื้นตัว หรือจำทุกอย่างได้ แต่ข้าจะไม่ทำอะไรบ้าๆ หรือเอาแต่ฝันเฟื่องเหมือนเมื่อก่อนอีก"

"แล้ว ... " ย่านเอ๋อ ดูเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่นางก็ไม่กล้าที่จะพูด

โม่บ่อกี้ รู้ว่า ย่านเอ๋อ ต้องการถามว่าเขายังคงอยากเล่นกับเด็กเหล่านี้ ในวันพรุ่งนี้หรือไม่ แต่นางกลัวว่าหลังจากเล่นเกมเหล่านี้แล้ว มันจะเตือนให้เขาระลึกถึงเหตุการณ์ในราชวงศ์ก่อนหน้านี้ และทำให้เขากลายเป็นคนบ้าอีกครั้ง

โม่บ่อกี้ หัวเราะแล้วพูดว่า "ข้าเคยใช้ชีวิตของจักรพรรดิมาก่อนแล้ว และตอนนี้เบื่อมันแล้ว พรุ่งนี้ข้าคงไม่มา พรุ่งนี้เราควรหาวิธีจะดำรงชีวิตต่อไปในวันพรุ่งนี้ "

ย่านเอ๋อ ทิ้งตะกร้าไม้ไผ่ที่นางถือไว้  น้ำตาของนางไหลลงบนแก้มเเล้วนาง ก็ทรุดตัวลงคุกเข่าอยู่กับพื้น ไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีกต่อไป..

          ///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

* ชื่อเรียก เซรามิกสีขาวประเภทหนึ่ง ที่มีราคาสูงและหายาก


1 ความคิดเห็น:

  1. ตรงๆ กุเกิ้ลทรานสเลดเตอร์ยังเข้าใจเยอะกว่านี้ คือแปลแบบผมอ่านข้ามเลยนะ หวังว่าบทต่อๆไปคงไม่ลอกกุเกิ้ลมาทั้งกะบินะ

    ตอบลบ